ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 157-2 ไม่แข่งได้ที่ไหนกัน (2)
ตอนที่ 157 ไม่แข่งได้ที่ไหนกัน (2)
“นี่คือจะโต้กลับสินะ?”
ฟู่ชางติ่งลอบชม “ปักกิ่งเหลือแค่คนสุดท้ายแล้ว แม้เฉินเจียเซิงจะสิ้นเปลืองปราณไปไม่น้อย แต่ยังคงมีพลังต่อสู้ หานซวี่ หลี่หรานออกจากสนามไปหมดแล้ว ตอนนี้ปักกิ่งเจอเรื่องยุ่งเข้าแล้ว”
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย มองสมาชิกทีมคนสุดท้ายของปักกิ่ง “ถ้านายเป็นทีมปักกิ่ง จะไม่เก็บคนคุมท้ายทัพไว้หรือไง?”
ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เลือกซุนหมิงอวี่นำทัพ เฉินเจียเซิงรั้งท้ายทัพ
เซี่ยงไฮ้ให้ฟางผิงนำทัพ จ้าวเหล่ยคุมท้ายทัพ
คนสุดท้ายฝีมือไม่อ่อนด้อยอยู่แล้ว ไม่งั้นคงจะถูกคนล้มได้ง่ายๆ
คนสุดท้ายของทีมปักกิ่งจะอ่อนแอจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
ทีมปักกิ่งคนสุดท้าย…ฟางเหวินเสียง!
ฟางผิงจำได้ว่าเวลานั้นหลิวหวาหรงแนะนำฟางเหวินเสียงอย่างง่ายๆ ไม่มีความโดดเด่นเท่าไหร่
นักเรียนเกาเข่าที่สอบได้ที่เจ็ดของมณฑลตงหู
ตงหลิน ตงหูและตงอู๋สามมณฑล ต่างอยู่ภาคตะวันออกของประเทศจีน ทั้งถือว่าเป็นเขตเศรษฐกิจรุ่งเรือง
สามารถสอบได้อันดับเจ็ดของมณฑลแบบนี้ อย่างน้อยคงเทียบเท่าอันดับสามของเมืองหนานเจียง
แต่การแข่งขันครั้งนี้มีนักเรียนเกาเข่าอันดับหนึ่งอยู่เยอะแยะ อันดับเจ็ดจึงไม่ดึงดูดความสนใจเท่าไหร่
ฟางเหวินเสียงไม่ได้ใช้อาวุธยาว แต่สวมนวมคู่หนึ่งที่คลุมถึงแขนทั้งสองข้าง
ฟางผิงจ้องตาเป็นมันอยู่บ้าง นวมที่คลุมถึงแขน นี่ถือว่าเป็นอาวุธป้องกันประเภทเกราะได้แล้ว
นึกไม่ถึงว่าเซี่ยงไฮ้จะไม่ให้เขายืมชุดเกราะ!
ระหว่างที่ฟางผิงรู้สึกอิจฉา ฟางเหวินเสียงก็เริ่มประมือกับเฉินเจียเซิง
ดาบหมุนของเฉินเจียเซิงสามารถข่มขวัญคนอื่น แต่ไร้ประสิทธิภาพกับฟางเหวินเสียง
ไม่ว่าจะจู่โจมต่อหน้าหรือด้านหลัง ฟางเหวินเสียงล้วนหมุนแขนปัดป้องได้อย่างว่องไว
อู๋โกวแฉลบถูกสนับแขนจนเกิดประกายไฟ กลับไม่สามารถทำอะไรฟางเหวินเสียงได้
ตัวเฉินเจียเซิงเองก็ต่อสู้มาสองสนามแล้ว ปราณแทบไม่พอใช้ ยังไม่ทันให้เขาได้เปลี่ยนกระบวนท่า จู่ๆ ฟางเหวินเสียงก็คำรามเสียงดัง
ทุกคนเห็นเพียงหมัดสองข้างของเขาคล้ายกับกรงเล็บมังกร รวดเร็วและรุนแรงราวกับพยัคฆ์ ชกเข้ากับอู๋โกวของเฉินเจียเซิงเสียงดังลั่น
เห็นได้ชัดว่าเฉินเจียเซิงต้านไม่ไหวอยู่บ้าง ถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว
แต่ฟางเหวินเสียงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ไม่สนใจการโจมตีของอู๋โกว ยังคงประชิดตัวชกจู่โจมกลับไป!
“หมัดสะท้านฟ้าของตระกูลฟางตงหู!”
หลิวหวาหรงมองกระบวนท่าของฟางเหวินเสียงออกทันที ต่อมาก็เอ่ยอย่างตกใจ “หมัดคู่ปะทุปราณเกือบห้าสิบแคล นี่ถือเป็นหนึ่งคนที่มีเคล็ดวิชาต่อสู้ลึกล้ำที่สุดในวันนี้!”
พลังหมัดของฟางเหวินเสียง ปราณแตะสูงถึงห้าสิบแคล
เฉินเจียเซิงถูกชกจนถอยหลังไปหลายก้าว สีหน้ายิ่งซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ รอจนถูกหมัดโจมตีกันติดต่อกันสี่ครั้ง เฉินเจียเซิงก็กระอักเลือดสดออกมา คุกเข่าอยู่บนพื้น
แม้จะเห็นว่าหมัดสุดท้ายของฟางเหวินเสียงพุ่งตรงมาที่หัวเขา เฉินเจียเซิงกลับกัดฟันแน่น ไม่ยอมพูดยอมแพ้ออกมา
ด้านบน ในที่สุดก็มีปรมาจารย์ถอนหายใจว่า “ยอมแพ้!”
ผู้ตัดสินเคลื่อนไหวทันที ใช้มือบังหมัดของเหวินฟางเสียงเอาไว้
“ทีมปักกิ่งเป็นฝ่ายชนะ!”
ผู้ตัดสินประกาศผลการแข่งขันเสียงดัง
ทว่าเฉินเจียเซิงยังคงคุกเข่าที่พื้น กระอักเลือดออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าซึม
การแข่งขันรอบแรก ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ!
แม้จะสู้สุดตัวจนมาถึงคนสุดท้าย แต่สมาชิกทีมหลักห้าคนต่างได้รับบาดเจ็บหนักทั้งสิ้น เขาเองตอนนี้ก็บาดเจ็บภายในไม่น้อยเช่นกัน
ฝีมือของทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่ได้อ่อนด้อย แต่เจอกับทีมปักกิ่งที่แข็งแกร่งกว่า ทีมพวกเขาจึงบาดเจ็บหนักกันถ้วนหน้า
—
“ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แพ้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องลงสนามอีก สมาชิกทีมหลักเหลือเพียงเฉินเจียเซิงและไป๋อิ่นเท่านั้น”
จ้าวเสวี่ยเหมยถอนหายใจเบาๆ ทีมหลักห้าคน พรุ่งนี้มีสามคนไม่สามารถลงสนามได้แล้ว
หากพรุ่งนี้แพ้อีก หลังจากนี้อาจไม่มีโอกาสได้ขึ้นเวทีอีกแล้ว
ยึดตามระบบการแข่งขัน หากพวกฟางผิงชนะทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย จากนี้ก็ต้องแข่งขันกับทีมปักกิ่ง
หากชนะทีมปักกิ่งได้ ทั้งทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แพ้ให้กับทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย ทั้งสองฝ่ายก็จะไม่มีโอกาสพบเจอกันแล้ว
แต่หากเซี่ยงไฮ้แพ้ให้ปักกิ่ง ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงมีโอกาสต่อสู้กันอยู่
จะมีการแข่งครั้งที่สามหรือไม่ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ผลการแข่งขันของทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้
หากพวกเขาชนะ คงมีโอกาสพลิกหน้าขึ้นมา แต่ถ้าแพ้ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอาจจะได้ที่สาม อย่างแรกต้องเอาชนะเซี่ยงไฮ้ที่แพ้จากปักกิ่งให้ได้ก่อน
ฟางผิงกลับไม่ได้สนใจมากมาย หมุนกายว่า “ไปเถอะ ตอนบ่ายเป็นตาของพวกเราแล้ว”
เขากำลังเตรียมจะออกมา จู่ๆ ถังเฟิงก็เอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ของเธอออกไปข้างนอกอีกแล้ว แต่รู้ว่าคนของตระกูลฟางตงหูมา ให้ฉันมาถ่ายทอดคำพูดว่า ครั้งนี้หากล้มคนของตระกูลฟางตงหูไม่ได้ อาจารย์ของเธอจะจัดการเธอแทน!”
“ผม…”
ฟางผิงแทบจะกระอักเลือดออกมา เรื่องอะไรก็โยนให้แต่ฉัน!
ให้ฉันเอาชนะหานซวี่ ให้ตอนบ่ายฉันชนะห้าคนรวด ให้ฉันล้มฟางเหวินเสียงของตระกูลฟางตงหู…
ผลประโยชน์ไม่เอ่ยถึง มีแต่เรื่องราวมากองให้
ถังเฟิงหัวเราะว่า “อย่าร้อนใจไป อาจารย์ของเธอและตระกูลฟางคนนั้นมีบัญชีแค้นร่วมกันมาหลายปี หากเธอช่วยอาจารย์แก้แค้น ถึงเวลานั้นอาจจะมีประโยชน์ต่อเธอก็ได้”
“ฟางเหวินเสียงงั้นเหรอ?”
ฟางผิงพึมพำเสียงเบา อีกฝ่ายฝีมือแข็งแกร่ง อาจไม่อ่อนด้อยกว่าหานซวี่ด้วยซ้ำ
อย่างน้อยหมัดสะท้านฟ้าที่ออกมาติดต่อกันครั้งสุดท้าย ปราณยังคงอยู่ที่ห้าสิบแคลตลอด แทบจะแตะถึงขั้นเคล็ดไม้ตายแล้ว
นักศึกษาใหม่พวกนี้เพื่อการหลอมกระดูกแล้ว จึงฝึกฝนเคล็ดวิชาต่อสู้ได้ไม่ลึกซึ้งเท่าไหร่ ยังไงก็เด็กเกินไป ทั้งเวลามีเพียงน้อยนิด สามารถมาถึงขั้นเคล็ดไม้ตายได้ ถึงว่าไม่ง่ายแล้ว
อย่างน้อยในรอบแรกสมาชิกทีมหลักของปักกิ่งและพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แทบไม่มีใครแสดงวิชาต่อสู้จนถึงขั้นเคล็ดไม้ตายออกมา
แต่ปกติแล้วการใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ ปราณจะระเบิดที่สามสิบแคลเป็นอย่างต่ำ
“ไว้ค่อยว่าเถอะ ยังไงก็มีเวลาอีกนาน”
เซี่ยงไฮ้อยากจะเจอกับปักกิ่ง ต้องชนะการแข่งตอนบ่ายให้ได้ก่อน
พรุ่งนี้ถึงจะเป็นการแข่งขันระหว่างทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยและพันธมิตรมหาวิทยาลัยทั่วไป วันมะรืนก็จะถึงตาพวกเขาและทีมปักกิ่ง
ถังเฟิงไม่พูดอะไรอีก สุดท้ายเอ่ยว่า “ตอนบ่ายระวังด้วย อย่าทำพลาดกลางคันล่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
“…”
หลังจากพวกฟางผิงจากไป ผู้ชมด้านล่างเวทีก็เริ่มสลายตัวเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขากลับไม่มีความกระตือรือร้นและคึกคักเหมือนตอนแรกอีกแล้ว หลายคนตกอยู่ในความเงียบงัน
ตอนเช้าแข่งกันทั้งหมดแปดรอบ ไม่มีคนตาย
แต่ผู้เข้าแข่งขันที่ลงสนามทั้งสิบคน นอกจากฟางเหวินเสียงที่ลงสนามคนสุดท้าย คนอื่นๆ ต่างได้รับบาดเจ็บทั้งหมด
ทั้งยังมีสามคนที่เจ็บหนัก การแข่งขันนั้นดุเดือดกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก
นี่ยังแค่รอบแรก แล้วหลังจากนี้ล่ะ?
การแข่งขันตอนบ่ายจะเหมือนกับช่วงเช้าหรือเปล่า?
รอจนถึงรอบสุดท้ายถึงตัดสินผลแพ้ชนะได้ ทั้งจะน่าสังเวชใจกว่านี้หรือเปล่า?
ทุกคนไม่มีใครรู้ ทั้งมีบางอย่างที่ไม่เข้าใจอยู่บ้าง ทำไมนักศึกษาพวกนี้ถึงต้องต่อสู้สุดตัวอย่างไม่คำนึงถึงชีวิตเช่นนี้!
ทีมหลักห้าคนของพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ หากไม่ต่อสู้จนหมดเรี่ยวแรงจริงๆ คงไม่มีใครยอมแพ้เลยสักคน แม้จะรู้ว่าสู้อีกฝ่ายไม่ไหวก็ตาม
—
เดินออกมาจากสนามกีฬา ฟางผิงก็ถอนหายใจเบาๆ
ยังไม่ทันได้พูดอะไร จู่ๆ กลับได้ยินคนตะโกนเคล้าด้วยเสียงร้องไห้ “พี่!”
สิ้นเสียงนั้นฟางหยวนก็กระโจนสู่อ้อมกอดของฟางผิง สะอึกสะเอื้อนว่า “ตอนบ่ายไม่แข่งแล้วได้หรือเปล่า? พี่ พวกเราไม่…”
ฟางผิงลูบหัวเธอเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “คิดอะไรอยู่? ฉันเป็นหัวหน้านะ…”
“พี่ พวกเราอย่าแข่งเลย! พวกเขา…พวกเขาเลือดเย็นกันจริงๆ…”
ใบหน้าของฟางหยวนแฝงความหวาดกลัวและคราบน้ำตา การแข่งขันแปดรอบในตอนเช้าทำให้เธอตกใจจริงๆ
ผู้ฝึกยุทธ์ในจินตนาการของเธอนั้นเหมือนกับดารา ส่องสว่างสดใส สูงส่งสง่างาม
พี่ชายในความทรงจำของเธอคือใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม หลอกเอาเงินค่าขนมจากเธอ บิดแก้มกลมเธอจนผิดรูป
ไม่ได้เหมือนกับผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่บนเวทีในวันนี้ ลงสนามแล้วมีแต่คำว่าแพ้กับชนะ ต่อสู้อย่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย!
“เด็กโง่…นี่ถือจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง…ไม่แข่งได้ที่ไหนกัน…”
ฟางผิงพูดเสียงอู้อี้ มาถึงขั้นนี้แล้ว หากเขาไม่แข่ง หลังจากนี้อย่าได้คิดจะอยู่ในวงการผู้ฝึกยุทธ์อีกเลย
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ยอมรับ กระทรวงศึกษาไม่ยอมรับเช่นกัน!
หรือกระทั่งพูดให้ร้ายแรงกว่านี้หน่อย ทางการคงไม่ยอมรับเหมือนกัน!
ผู้ฝึกยุทธ์ของประเทศจีนหวาดกลัวต่อสนามรบได้ แต่ไม่อาจเลือกถอยในเวลานี้ได้ หวาดกลัวต่อการแข่งขันที่เปิดเผยต่อสาธารณะชนเป็นครั้งแรก
นี่เป็นการแข่งขันขนาดใหญ่ของผู้ฝึกยุทธ์ที่เปิดเผยกับภายนอกเป็นครั้งแรก เขาขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้าทีมของเซี่ยงไฮ้
หวาดกลัวกลางคัน นี่ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่มหาวิทยาลัยแห่งเดียว แต่กระทบกับความรู้สึกที่คนทั้งหมดมีต่อผู้ฝึกยุทธ์ด้วย
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ พี่ชายของเธอแข็งแกร่งจะตาย ตอนบ่ายผู้ฝึกยุทธ์พวกนั้นมีแต่คนอ่อนแอ ตอนบ่าย เธอดูพี่ชายว่าจะกำราบพวกเขายังไงแล้วกัน วางใจเถอะ…”
กล่าวปลอบใจน้องสาวแล้ว ฟางผิงเบนสายตามองไปยังพวกอู๋จื้อหาว
คนพวกนี้ต่างเผยสีหน้าซับซ้อน มองฟางผิงเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง
เมื่อวานพวกเขายังอิจฉาฟางผิงที่ยืนโดดเด่นท่ามกลางสายตาผู้คน แต่วันนี้กลับไร้ซึ่งความอิจฉานั้นอีกแล้ว
การแข่งขันช่วงเช้าทำให้พวกเขาเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ความภาคภูมิใจที่ยืนอยู่บนเวทีเมื่อวานต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมามากมาย
“ลำบากพวกนายแล้ว ไม่มีอะไรหรอก ตอนกลางวันคงไม่ได้กินข้าวเป็นเพื่อนทุกคน พวกเราต้องปรึกษาเรื่องกลยุทธ์ต่อสู้ น้องสาวฉัน…”
“พี่!” ฟางหยวนตาแดงก่ำ ดึงชายเสื้อเขาไม่ปล่อย
“พอได้แล้ว ร้องไห้ทำไมกัน พี่ชายเธอต่อสู้กับขั้นหนึ่งจนไร้คู่ต่อสู้แล้ว ขั้นสองก็ใช่ว่าไม่เคยต่อสู้มาก่อน จากที่คาดการณ์คงไม่มีอะไรหรอก แต่เธอเอาแต่ร้องไห้ ถ้าฉันเกิดเรื่องขึ้นมา…”
ฟางหยวนหยุดร้องไห้ทันที ไม่รู้ต้องทำยังไงถึงจะดี
“ไปเถอะ ตอนบ่ายนอนให้เต็มอิ่มสักหน่อย ไม่ต้องมาดูการแข่งแล้ว ฉันจะให้คนอัดคลิปไว้ให้เธอดู ถึงเวลานั้นเธอจะได้รู้ว่าพี่ชายเธอน่าเกรงขามขนาดไหน…”
เอ่ยหยอกเย้าขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนฟางผิงจะทิ้งฟางหยวนให้พวกอู๋จื้อหาว สาวเท้าเดินจากไปพร้อมพวกฟู่ชางติ่ง
———————