ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 160 ผู้ฝึกยุทธ์เป็นแบบนี้อยู่แล้ว (1)
ตอนที่ 160 ผู้ฝึกยุทธ์เป็นแบบนี้อยู่แล้ว (1)
การแข่งขันสองรอบในสนามแรกสิ้นสุดลง
ในอินเทอร์เน็ตมีแต่ข่าวการแข่งขันแลกเปลี่ยนเต็มไปหมด
“ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้และทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยเป็นฝ่ายแพ้ในรอบแรก!”
“มหาวิทยาลัยปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้เอาชนะทั้งคู่ ไม่ทำเสียชื่อมหาวิทยาลัยชื่อดัง”
“หานซวี่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งจากปักกิ่งเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองได้”
“ฟางผิงจากเซี่ยงไฮ้เอาชนะสี่คนรวดโดยไร้รอยขีดข่วน”
“การแข่งขันแลกเปลี่ยนรอบแรกมีผู้บาดเจ็บทั้งหมดห้าคน เว้นแค่ฟางผิงและฟางเหวินเสียง เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงไปหรือไม่?”
“ซุนหมิงอวี่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองที่พ่ายแพ้ในรอบแรก สูญเสียฝ่ามือไป!”
“เฉินเจียเซิงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองรั้งท้ายทัพด้วยตัวคนเดียว ไร้แรงพลิกฟื้นสถานการณ์…”
“ทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยชนะศูนย์แพ้ห้า เป็นเพราะเซี่ยงไฮ้แข็งแกร่งเกินไปหรือพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยอ่อนด้อยเกินไป?”
“…”
ในอินเทอร์เน็ตถกเถียงกันอย่างดุเดือด
การแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้ มีหลายเว็บไซต์ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่คลิปบนอินเทอร์เน็ต
ผู้ชมจำนวนมากสามารถดูการแข่งขันครั้งนี้จากอินเทอร์เน็ตได้เช่นกัน
การแข่งขันสองรอบในสามแรก ลงสนามทั้งหมดสิบเจ็ดคน เจ็บหนักห้าคน บาดเจ็บเล็กน้อยสิบคน จำต้องพูดว่าผลลัพธ์เช่นนี้เหนือความคาดหมายของทุกคน
ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ที่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสองคน สุดท้ายกลับพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ นี่เป็นข่าวใหญ่ยิ่งกว่า
ทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยถูกเซี่ยงไฮ้เอาชนะอย่างสบายๆ ทำให้หลายคนพากันถอนหายใจเช่นกัน
ชื่อเสียงของแปดมหาวิทยาลัย อันที่จริงไม่ได้อ่อนด้อยเลย มหาวิทยาลัยแปดแห่งถูกจัดอยู่ในสิบอันดับแรกของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ นึกไม่ถึงว่าขนาดร่วมมือกันแล้วยังถูกสองคนจากเซี่ยงไฮ้เอาชนะ
ทั้งฟางผิงหัวหน้าทีมของเซี่ยงไฮ้ยังเป็นฝ่ายเอ่ยปากลงจากเวทีเอง นี่ทำให้ความเกรงขามของแปดมหาวิทยาลัยลดลงไปไม่น้อย
ในขณะเดียวกันในอินเทอร์เน็ตก็ประกาศตารางการต่อสู้ครั้งต่อไปออกมา
วันที่ 12 มกราคม ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้พบกับทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย!
วันที่ 13 มกราคม มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งพบกับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้!
การการแข่งขันวันที่สิบสอง คนภายนอกคาดการณ์กันว่าอาจเป็นการต่อสู้ของสมาชิกทีมสำรอง เพราะทีมหลักของทั้งสองทีมแทบจะได้รับบาดเจ็บทั้งหมด
สิ่งที่คนภายนอกให้ความสนใจอย่างแท้จริงยังคงเป็นศึกระหว่างสองมหาวิทยาลัยดัง ฟางผิงแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยม แต่ปักกิ่งก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน
อีกฝ่ายสามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสองคนจากทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ได้
แม้พวกเขาจะเอาชนะอย่างยากลำบาก ไม่ได้หมายความว่าฝีมืออ่อนด้อย แต่พูดได้แค่ว่าทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้นั้นแข็งแกร่ง บีบเค้นจนอีกฝ่ายต้องต่อสู้ยันคนสุดท้าย
ในขณะเดียวกัน การแข่งขันแลกเปลี่ยนก็ถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง
ถึงขั้นมีรายงานบางส่วนออกมาว่าการแข่งขันโหดเหี้ยมเกินไป แต่พวกวัยรุ่นแทบไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่!
นี่ถึงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์
ใครไม่มีฝันอยากเป็นจอมยุทธ์บ้าง?
มีบุญคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ ถือดาบขี่อาชา ไม่เห็นคาวเลือด ยังจะเรียกว่าผู้ฝึกยุทธ์ได้อีกหรือ?
กลับกันคนจำนวนไม่น้อยนั้นดูชอบอกชอบใจมากกว่า
เห็นผู้ฝึกยุทธ์คนดังที่สวยแต่กระบวนท่ามามากมาย เห็นผู้ฝึกยุทธ์บางส่วนที่เอาแต่อวดโวพูดไร้สาระ ทั้งเห็นผู้ฝึกยุทธ์นักธุรกิจที่ยอมอยู่เงียบๆ เพราะเห็นเงินเป็นหลักมาไม่น้อย…
ตอนนี้เห็นพวกนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แข่งขันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อชัยชนะ นี่ถึงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในจินตนาการของพวกเขา!
—
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้
ฟางหยวนยิ้มจนหน้าที่กลมนั้นกลมขึ้นไปอีก เกาะแขนฟางผิงแน่น “พี่เก่งจริงๆ ด้วย!”
“แน่นอน ฉันบอกแล้ว เอาชนะพวกเขาเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ต้องไว้หน้าให้พวกเขา ไม่งั้นฉันคงเอาชนะห้าคนรวดไปแล้ว!”
“พี่ งั้นวันมะรืนยังจะเอาชนะพวกเขาโดยไม่บาดเจ็บได้หรือเปล่า?”
“วันมะรืนฉันอยู่ลำดับสุดท้าย” ฟางผิงหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยว่า “วางใจเถอะ วันนี้ฉันยังไม่ได้แสดงความสามารถออกมาทั้งหมดด้วยซ้ำ วันมะรืนหากปักกิ่งคิดจะจัดการฉันจากความสามารถที่เห็นในวันนี้ เธอรอดูเถอะว่าฉันจะฟันพวกเขาให้ตายในดาบเดียวได้กี่คน!”
ฟางผิงพูดราวกับล้อเล่น พวกอู๋จื้อหาวไม่คิดจริงจังเช่นกัน แน่นอน ถึงแม้ตอนนี้ในสายตาของพวกเขาจะมองว่าฟางผิงเก่งกาจแล้วก็ตาม
อู๋จื้อหาวถอนหายใจว่า “รู้แล้วว่านายเก่ง แต่นายจะเก่งเกินไปแล้ว พวกเราแทบไม่ทันเตรียมใจ เสียแรงที่ก่อนหน้านี้พวกเรายังกังวลแทนนาย”
ช่วงเช้าพวกเขาเป็นห่วงฟางผิงอยู่บ้างจริงๆ แต่พอช่วงบ่ายกลับเห็นฟางผิงที่เผยท่าทีเหี้ยมหาญ
ต่อให้ฟางผิงจะมั่นใจในตัวเองขนาดไหน แต่ยังคงส่ายหัวว่า “เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเหมือนกันทั้งหมด แม้จะมีขั้นสองก็แค่ขั้นสองตอนต้นเท่านั้น นี่เป็นระดับที่ต่ำที่สุดของผู้ฝึกยุทธ์ เอาชนะขั้นหนึ่งขั้นสองจนไร้ศัตรูได้จะเก่งกาจเท่าไหร่กันเชียว? ขั้นสามล่ะ? พอเอาชนะขั้นสามได้ แล้วขั้นสี่ขั้นห้าล่ะ? เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์นั้นยาวไกล พวกนายคิดว่าฉันเก่ง ฉันกลับไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งมาก่อน ตอนนี้หากสุ่มผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามออกมาสักคน คงเอาชนะฉันได้เช่นกัน แน่นอนว่าผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไป ฉันทำให้พวกเขาตายได้ในดาบเดียวอยู่แล้ว…”
ถานเจิ้นผิงที่อยู่ด้านข้างรู้สึกถึงความเศร้าโศกอีกครั้ง!
ฟางผิงไม่ให้ค่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองในสังคมทั่วไป หากเขาจะฟัน คงเลือกฟันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามในสังคมทั่วไป นี่นับเป็นเรื่องอะไรกัน?
เหล่าถานปิดปากเงียบ ฟางผิงพูดต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้น แทนที่จะอิจฉาฉัน ยังไม่สู้ใช้ฉันเป็นเป้าหมายดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น คนหยางเฉิงอย่างพวกเราควรจะเอาหวังจินหยางเป็นเป้าหมายมากที่สุด!”
“พี่หวังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม…”
ฟางผิงตัดบทว่า “ขั้นสาม? ขั้นสี่แล้วต่างหาก! ก่อนหน้านี้พี่หวังถูกจัดในอันดับที่ยี่สิบเจ็ดของผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำกว่าขั้นสาม อย่าคิดว่าอันดับยี่สิบเจ็ดไม่มีค่า เขากวาดล้างผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามของปักกิ่งจนไม่มีใครกล้าท้าประลองด้วยมาแล้ว พวกเราต้องตั้งเป้าหมายเล็กๆ นี้ไว้ก่อน ไล่ตามเขา หลังจากนั้นค่อยไล่ตามปรมาจารย์ นี่ถึงจะเป็นความใฝ่ฝันของผู้ฝึกยุทธ์!”
ทุกคนต่างอ้าปากค้าง เรื่องพวกนี้พวกเขาไม่รู้มาก่อนจริงๆ!
ถานเจิ้นผิงตกใจยกใหญ่เช่นกัน เอ่ยอึกอักว่า “เขา…เขาทะลวงขั้นสี่แล้ว?”
“ครับ”
“นี่…นี่มันอยู่ระดับของผู้บัญชาการรุ่ยหยางแล้ว…”
“ผู้บัญชาการรุ่ยหยางอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำ”
ฟางผิงเบะปาก ผู้บัญชาการในพื้นที่ธรรมดาพวกนี้ หลายปีที่ผ่านมามีโอกาสลงมือกี่ครั้งกัน?
เริ่มแรกพวกเขาคงมีฝีมืออยู่แล้ว ไม่งั้นคงเป็นผู้บัญชาการไม่ได้
แต่ไม่มีปากทางเข้าถ้ำใต้ดิน คนพวกนี้มีโอกาสต่อสู้น้อยยิ่ง วางมือจากอาวุธมาหลายปี มีความสามารถแค่ไหนยังคงพูดยาก
ทุกคนต่างไร้คำจะเอ่ย ครั้งนี้มาเยือนเซี่ยงไฮ้ ถูกเรื่องจริงโจมตีเข้าครั้งแล้วครั้งเล่า
ฟางผิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด สามารถทะลวงขั้นสองได้ตลอดเวลา ทั้งความสามารถของเขายังแข็งแกร่งอย่างมาก ขั้นสองอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเสมอไป
หวังจินหยางยิ่งทะลวงขั้นสี่แล้ว!
สองคนนี้คนหนึ่งเป็นรุ่นพี่สมัยมอปลายของพวกเขา อีกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมอปลาย
เทียบกันแล้ว สู้ไม่ได้เลยจริงๆ
หลิวรั่วฉีเหมือนจะนึกอะไรได้ ถามว่า “ฟางผิง ก่อนหน้านี้ที่นายใช้ดาบตัดอาวุธของคนอื่น ดาบของนาย…”
“ทำมาจากโลหะผสมระดับ D”
หลิวรั่วฉีไม่ถามอีก อู๋จื้อหาวกลับเอ่ยอย่างตกใจ “นายซื้อเองเหรอ?”
“อืม เก็บเงินเอา เกือบจะหมดตัวแล้ว”
“ให้ตายเถอะ!”
อู๋จื้อหาวยังจะพูดอะไรได้อีก!
เขาขยี้ศีรษะฟางหยวน เอ่ยอย่างขุ่นเคืองว่า “เด็กแสบ นึกไม่ถึงว่าเธอยังจะคิดขายลายเซ็นเก็บเงินอีก หลอกพี่เธอสิ! หลอกเอาดาบนั่นของพี่เธอมา คงไม่ต้องเปิดสมาคมหยวนผิงอะไรนั่นอีกแล้ว! การแข่งขันครั้งนี้พี่เธอกินยาบำรุงมูลค่าหนึ่งล้านแปดแสนหยวน ดาบเล่มหนึ่งราคาเกือบสิบล้านแล้ว!”
ฟางหยวนตกตะลึงอ้ำอึ้ง
อู๋จื้อหาวปวดร้าวอยู่ในใจเช่นกัน ดาบเล่มใหญ่ทำจากโลหะผสมระดับ D
กระทั่งมีดสั้นระดับ F เขายังไม่มีปัญญาซื้อเลย
อัดยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งราวกับกินลูกอม เขาแทบไม่กล้ากินยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาด้วยซ้ำ
ความแตกต่างนี้น่าโมโหเกินไปแล้ว!
ฟางผิงตบหัวเขาเบาๆ เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “สอนเรื่องไร้สาระให้น้องฉันน้อยๆ หน่อย”
“ยังต้องให้ฉันสอน พวกนายสองพี่น้องมีพรสวรรค์เรื่องเป็นตัวร้ายอยู่แล้ว…ตั้งใจมารังแกคนซื่อๆ อย่างพวกเราโดยเฉพาะ?”
อู๋จื้อหาวขุ่นเคืองใจอย่างยิ่ง ครั้งนี้ถูกเรื่องราวต่างๆ โจมตีอย่างหนักจริงๆ
ฟางหยวนทำหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม นายสิเป็นตัวร้าย!
ไม่สร้างปัญหาให้เขาอีกแล้ว ฟางหยวนรีบมองไปทางฟางผิง เอ่ยด้วยเสียงหวานว่า “พี่ ดาบ…ดาบนั้นของนายมูลค่าสูงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
นับสิบล้าน!
ตาของสาวน้อยแทบมีสัญลักษณ์รูปเงินปรากฏ!
มือเล็กๆ นั้นลูบกล่องไม้ที่ฟางผิงถืออยู่
นับสิบล้าน หามาจากไหนกัน?
ฟางผิงเคาะหัวเธอเบาๆ “คิดอะไรอยู่!”
“ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
ฟางหยวนรีบปฏิเสธ เอ่ยว่า “พี่ชายฉันเก่งจริงๆ การแข่งครั้งหน้าจัดการพวกเขาขั้นเด็ดขาดไปเลย!”
“อย่ามาประจบกันซะให้ยาก”
ฟางผิงอมยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย “ยังต้องพยายามอีกเยอะ วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์อย่างพวกเราและคนที่คิดจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ อนาคตกลับแสนสั้น เวลาของพวกเรามีค่อนข้างน้อย ต้องขยันฝึกวิชา เพื่อให้ความสามารถพัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้น จื้อหาว หลังจากพวกนายกลับไปแล้ว สร้างแรงกดดันให้ตัวเองบ้างแล้วกัน พยายามกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ให้เร็วที่สุด”
ฟางผิงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องช่วยเหลือพวกเขา แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ขาดยาบำรุงธรรมดาพวกนี้ แต่เส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์ ยังจำเป็นต้องเดินด้วยตัวเอง
———————–