ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 161 เซี่ยงไฮ้ปะทะปักกิ่ง (1)
ตอนที่ 161 เซี่ยงไฮ้ปะทะปักกิ่ง (1)
คำพูดของปรมาจารย์เฒ่ากลายเป็นประโยคปิดท้ายของการแข่งขันวันที่สิบสอง
การแข่งขันระหว่างทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยและทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้
ทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยเป็นฝ่ายถอนตัวออกจากสนามไปก่อน
แม้ว่าการแข่งขันจะจบลงแล้ว แต่การพิจารณาในแง่มุมต่างๆ เกี่ยวกับทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ การแข่งขันแลกเปลี่ยน รวมถึงเรื่องที่ปรมาจารย์เฒ่าพูดเกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์…
ยังไม่ได้สิ้นสุดลง!
ผู้ฝึกยุทธ์กล้าสู้รบ ต่อสู้อย่างไม่เกรงกลัวความตาย?
ทำไมต้องต่อสู้?
ต่อสู้เพื่อใคร?
หลายปีมานี้ประเทศจีนไม่มีสงครามขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็น สงครามเล็กๆ นั้นมีบ้าง แต่นี่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกยุทธ์เท่าไหร่?
บนอินเตอร์เน็ตมีการถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มากมาย
แต่กลับไม่มีคนตอบ ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจนได้ ข้อสงสัยนี้จึงค่อยๆ ปรากฏขึ้นในใจของคนทั่วไป
—
การแข่งขันครั้งนี้ พวกฟางผิงอยู่ในฐานะของผู้ชม
เมื่อการแข่งสิ้นสุด ฟางผิงและพวกฟู่ชางติ่งก็ไปรวมตัวกัน
ห้องฝึกซ้อม
ไป๋รั่วซีอยู่ที่นี่เช่นกัน รอจนคนมาถึงแล้วก็เอ่ยปากว่า “พรุ่งนี้พวกเราต้องแข่งกับปักกิ่ง หากชนะ สุดท้ายพวกเราก็สามารถรอปักกิ่งหรือทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ในรอบสุดท้ายได้เลย แต่ถ้าแพ้ พวกเรายังต้องแข่งกับทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แล้วสู้กับปักกิ่งอีกหนึ่งรอบ สมาชิกทีมหลักของพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ นอกจากเฉินเจียเซิง คนอื่นๆ ล้วนบาดเจ็บหนัก ดังนั้นทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เรื่องสำคัญอยู่ที่จะสามารถคว้าที่หนึ่งได้หรือไม่? พรุ่งนี้ตามประสงค์ของมหาวิทยาลัยคือพยายามรักษาพลังไว้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ สุดท้ายพวกเรายังต้องแข่งขันกับปักกิ่งอีกรอบอยู่ดี…”
ตอนนี้ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แทบจะบาดเจ็บหนักกันหมด ปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้จะเอาชนะอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องยาก
ประเด็นสำคัญคือปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ทั้งสองฝ่ายแทบจะมั่นใจว่าตังเองสามารถเข้าไปแข่งขันรอบที่สองได้
สถานการณ์แบบนี้ การจัดลำดับลงสนาม ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งในการแพ้หรือชนะเช่นกัน
ฟางผิงเอ่ยไปตรงๆ ว่า “พรุ่งนี้ซัดทีมปักกิ่งให้แหลกไปเลย รอบหน้าจะได้ผ่อนคลาย”
ไป๋รั่วซีหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เรื่องมันง่ายอย่างนั้นที่ไหนกันล่ะ
เธอไม่สนใจฟางผิง เอ่ยต่อว่า “การแข่งขันในวันพรุ่งนี้ ทางปักกิ่งอาจไม่ดึงสมาชิกทีมหลักลงสนามทั้งหมด หลี่หรานได้รับบาดเจ็บยังไม่หายดี จางเจิ้นกวงก็เหมือนกัน สองคนนี้คงไม่ลงสนามพร้อมอาการบาดเจ็บ รอจนถึงศึกตัดสินวันที่สิบห้า อาการของทั้งสองคนน่าจะหายดีแล้ว เวลานั้นเหมาะที่จะลงสนามมากที่สุด ดังนั้นทีมปักกิ่งที่ลงสนามคงมีหานซวี่ ฟางเหวินเสียง เว่ยซู่เจีย สามคนจากทีมหลักและสองคนจากทีมสำรอง ทีมสำรองของพวกเขาอยู่ในขั้นหนึ่งสูงสุดเช่นกัน ฝีมือแข็งแกร่ง ไม่อาจประมาทได้ ทางเซี่ยงไฮ้ หากให้ทีมหลักลงสนามทั้งหมด หากพรุ่งนี้เกิดเหตุไม่คาดฝันบาดเจ็บกันทุกคน ศึกตัดสินวันที่สิบห้า พวกเราคงเจอปัญหาใหญ่แล้ว…”
พรุ่งนี้หากทีมหลักของเซี่ยงไฮ้ถูกตีแตกพ่าย
แม้ว่าจะเอาชนะทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แต่การแข่งรอบตัดสินในวันมะรืนคงไม่มีทางสู้ต่อได้อีกแล้ว
หลี่หรานและจางเจิ้นกวงจากปักกิ่งฝีมือไม่อ่อนด้อย สองคนนี้อาจจะลงสนามในการแข่งขันวันมะรืน
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “อาจารย์ไป๋มีความคิดเห็นยังไง พูดมาเถอะครับ”
“เพราะไม่อาจเดาได้ว่าหานซวี่จะนำทัพหรือรั้งท้ายทัพ ดังนั้นหากเจอกับหานซวี่ เคลื่อนไหวช้ากว่าเขา อาจโจมตีไม่โดนเขา ไม่ก็ถูกเขาทำร้ายร่างกายจนแพ้ไป ตามประสงค์ของมหาวิทยาลัยคือนายหรือจ้าวเหล่ย คนใดคนหนึ่งไม่ลงสนามในวันพรุ่งนี้ ป้องกันเผื่อ…”
จ้าวเหล่ยเอ่ยอย่างไม่พอใจ “อาจารย์ครับ มาจนถึงขั้นนี้แล้ว พวกเรายังกลัว ปักกิ่งจะไม่กลัวงั้นเหรอครับ? ถึงพวกเราจะบาดเจ็บ ปักกิ่งคงไม่ดีไปกว่ากันเท่าไหร่…”
“แต่สมาชิกทีมสำรองของพวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดกันทุกคน!”
ไป๋รั่วซีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มหาวิทยาลัยกังวลว่าพวกเขาจะใช้เทคนิคต่อสู้แบบเอาชีวิตเข้าแลก!”
“ใช้สมาชิกทีมสำรองทำให้สมาชิกทีมหลักของพวกเราบาดเจ็บหนัก หากทีมหลักบาดเจ็บ ในทีมสำรองของพวกเรามีแค่ถังซงถิงเท่านั้นที่อยู่ขั้นหนึ่งสูงสุด!”
ช่วงนี้เฉินอวิ๋นซีแทบรู้สึกราวกับไร้ตัวตน อาจารย์ของตัวเองยังมองข้ามเธอไป เฉินอวิ๋นซีปิดปากเงียบไม่ส่งเสียงอะไร
“สุดท้ายจะแพ้หรือชนะ ยังต้องอยู่ที่การแข่งรอบตัดสิน ดังนั้นพวกเรายังจำเป็นต้องรักษากำลังหลักเอาไว้”
ข้อเสนอแนะของมหาวิทยาลัยไม่ถือว่าแย่เลย จะเป็นอันดับหนึ่งหรืออันดับสอง ต้องตัดสินกันในการแข่งรอบสุดท้ายเท่านั้น
สมาชิกทีมสำรองของเซี่ยงไฮ้ฝีมือสู้ทีมปักกิ่งไม่ได้ ในการแข่งขันวันพรุ่งนี้ หากทีมหลักได้รับบาดเจ็บมากไป การแข่งรอบสุดท้ายคงยากจะเอาชนะ
พรุ่งนี้หากทีมหลักรักษาสภาพสมบูรณ์ไว้ได้ ทีมสำรองของปักกิ่งคงไม่เป็นปัญหากับพวกเขาแล้ว
การแข่งรอบตัดสินวันที่สิบห้า สู้กับทีมหลักของพวกเขาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องสู้กับทีมสำรองของพวกเขาอีก
ฟางผิงเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “งั้นมหาวิทยาลัยเรียงลำดับการลงสนามยังไงเหรอครับ?”
“ถังซงถิง จ้าวเสวี่ยเหมย ฟู่ชางติ่ง หยางเสี่ยวม่าน สี่คนลงสนาม นายหรือจ้าวเหล่ยคนใดคนหนึ่งรั้งท้ายทัพ อันที่จริงอาจารย์ถังเฟิงยังคิดว่าฟางผิงไม่จำเป็นต้องลงสนามก็ได้เหมือนกัน ให้จินเหล่ยทีมสำรอง…”
“งั้นไม่ใช่ว่าจะแพ้เห็นๆ เหรอครับ?”
จ้าวเหล่ยไม่พอใจอยู่บ้าง แม้คำพูดนี้คล้ายกับว่าไม่เชื่อใจเพื่อนร่วมทีม แต่กลับเป็นเรื่องจริงเช่นกัน
ฟางผิงและจ้าวเหล่ยไม่ลงสนามทั้งคู่ จินเหล่ยเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลาย หากเจอกับหานซวี่หรือฟางเหวินเสียง จะแพ้นั้นถือเป็นเรื่องปกติ
“ถึงจะแพ้ แต่พวกเรายังคงมีโอกาสพลิกฟื้น!”
ถังเฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอก “เหลือกำลังหลักไว้ เตรียมพร้อมสำหรับศึกตัดสินในวันที่สิบห้า นี่ถึงจะเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้แพ้หรือชนะในรอบสุดท้าย!”
“แต่…วันนี้ปรมาจารย์ก็พูดออกมาแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ไม่กลัวการต่อสู้ ไม่หลีกหนีสงคราม…”
“โง่เง่า นี่ไม่ใช่การหลีกหนีสงคราม นี่เป็นเทคนิคต่อสู้ที่สมเหตุสมผล! หรือเข้าถ้ำใต้ดินแล้ว พวกเธอจะอาศัยความกล้าดีเดือดที่เกิดเพียงชั่วครู่ ไล่ฝ่าฟันไปจนถึงรังของอีกฝ่าย?”
ถังเฟิงตำหนิจ้าวเหล่ยแล้ว ก็มองไปยังฟางผิง “เธอเป็นหัวหน้าทีม คิดว่ายังไง?”
ฟางผิงถอนหายใจเล็กน้อย “ผมไม่อยากแพ้ ทั้งไม่อยากสู้เยอะไปกว่านี้แล้ว แต่สิ่งที่มหาวิทยาลัยกังวลไม่ได้ไร้เหตุผล ให้จ้าวเหล่ยรั้งตัวไว้ดีกว่า”
“ฉันว่าแล้ว!”
จ้าวเหล่ยเผยสีหน้าไม่พอใจ เขารู้อยู่แล้วผลลัพธ์ต้องเป็นแบบนี้
ตั้งแต่ต้นจนจบแทบไม่มีโอกาสให้เขาลงสนาม!
ส่วนการแข่งรอบตัดสินนั้นใครจะรู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไง เขาจะได้ลงสนามหรือเปล่ายังคงพูดยาก
“งั้นเอาแบบนี้เถอะ พรุ่งนี้เธอรั้งท้ายทัพ”
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หรือพรุ่งนี้ให้ผมนำทัพเหมือนเดิม…”
จ้าวเหล่ยไม่ลงสนาม หากเขารั้งท้าย ฟางผิงกลัวว่าสี่คนข้างหน้าจะกดดันเกินไป
“ไม่ต้อง เธอรั้งท้ายทัพดูสถานการณ์ไป ถ้าเห็นท่าไม่ดี สุดท้าย…อนุญาตให้เธอออมแรงได้!”
แม้ถังเฟิงจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่ทุกคนต่างเข้าใจความหมายอย่างกระจ่างแจ้ง
พรุ่งนี้หากสี่คนข้างหน้าต้านไม่ไหว ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
งั้นฟางผิงที่รั้งท้ายทัพ ไม่จำเป็นต้องต่อสู้อย่างเต็มที่ ให้เก็บรักษาพลังเป็นหลัก รอศึกตัดสินในวันที่สิบห้า!
ฟางผิงฟังจบก็ไม่พูดอะไร หยางเสี่ยวม่านกลับเบะปากว่า “อาจารย์วางใจเถอะค่ะ พวกเราไม่ใช่นักบวชแม่ชีเหมือนกัน!”
“พยายามอย่าให้บาดเจ็บหนักละกัน พรุ่งนี้ไม่ใช่การแข่งรอบตัดสิน!”
ถังเฟิงกำชับอีกครั้ง ส่วนทุกคนฟังหรือไม่ฟัง แม้ว่าเขาจะเป็นอาจารย์ ก็ไม่อาจบังคับได้เช่นกัน
หลายวันมานี้แทบจะถูกย้อมด้วยความคิดที่ว่าบนเวทีผู้ฝึกยุทธ์จะต้องต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
เวลานี้ให้พวกเขาหลีกหนีการต่อสู้ สำหรับนักศึกษาที่หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีพวกนี้ ถือเป็นทำร้ายจิตใจยิ่งกว่า
ปรึกษาเรื่องลำดับการลงสนามสักพัก ไม่นานถังเฟิงก็ปลีกตัวออกไป
ก่อนจะไปยังไม่ลืมให้ฟางผิงไปเอายาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งอีกห้าเม็ด
—————-