ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 161-2 เซี่ยงไฮ้ปะทะปักกิ่ง (2)
ตอนที่ 161 เซี่ยงไฮ้ปะทะปักกิ่ง (2)
หลังจากไปรับยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งจากฝ่ายบริการแล้ว ฟางผิงก็ดีอกดีใจขึ้นมาอีกครั้ง
หลายวันที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยให้ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาสิบเม็ด ขั้นหนึ่งสิบเม็ด ขั้นสองอีกสองเม็ดรวมถึงยาจำพวกรักษาบาดแผลด้วย
สรุปแล้วค่าทรัพย์สินของฟางผิงเพิ่มขึ้นกว่าสี่ล้านหยวน
ครึ่งเดือนนี้สูญเสียค่าทรัพย์สินไปอย่างหนัก เป็นเพราะได้รับการชดเชยจากมหาวิทยาลัยจึงทำให้รายรับกับรายจ่ายสมดุลกัน
กลางเดือนธันวาคม เวลานั้นฟางผิงเพิ่งทะลวงขั้นหนึ่งสูงสุด ค่าทรัพย์สินอยู่ที่สิบเอ็ดล้าน ปราณสามร้อยสิบเก้าแคล
ตอนนี้ผ่านมาหนึ่งเดือน แม้เขาจะยังไม่ได้ทะลวงขั้นสอง แต่ก็มีการพัฒนาไม่น้อยเหมือนกัน
ทรัพย์สิน : 10,000,000
ปราณ : 310 แคล (330 แคล)
จิตใจ : 279 เฮิรตซ์ (299 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 62 ชิ้น (90%) , 14 ชิ้น (40%) , 130 ชิ้น (30%)
ผ่านมาหนึ่งเดือน ปราณของเขาแตะถึงสามร้อยสามสิบแคลแล้ว
ฟางผิงตกใจอยู่บ้าง เขาคิดว่าขีดจำกัดของตัวเองจะอยู่ที่ประมาณสามร้อยยี่สิบแคลซะอีก
ส่วนการหลอมกระดูก เป็นเพราะใช้ยาชุบร่างกาย กระดูกมือบางส่วนจึงได้รับการหลอมไปแล้ว
นอกจากการเปลี่ยนแปลงพวกนี้ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดยังคงเป็นความก้าวหน้าของเคล็ดวิชาต่อสู้
บนเวทีฟางผิงสามารถแสดงฝีมือของสองเคล็ดวิชาจนถึงระดับเคล็ดไม้ตายได้
จวงกงอยู่ในระดับสภาวะว่างเปล่าเช่นกัน
ความสามารถเช่นนี้ในหมู่นักศึกษาใหม่ ถึงขั้นพูดได้ว่าอยู่บนยอดพีระมิดของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั้งหมด
“ฝีมือของปักกิ่งไม่อ่อนด้อย แม้ก่อนหน้านี้หานซวี่จะเอาชนะรวดแค่สองคน แต่เป็นเพราะถูกซุนหมิงอวี่ฮึดโจมตีอย่างสุดชีวิต ไม่อย่างนั้นคงไม่หยุดในรอบที่สามหรอก ฟางเหวินเสียง…หมอนั่นเอาชนะเฉินเจียเซิง ทั้งยังไม่ได้ใช้กระบวนท่ามากมาย เผชิญหน้ากับดาบคู่ของเฉินเจียเซิง ใช้หมัดสะท้านฟ้าไม่กี่หมัดก็เอาชนะอีกฝ่ายได้แล้ว แม้ก่อนหน้านี้เฉินเจียเซิงจะแข่งขันมาแล้วสองครั้ง ปราณลดไปมาก แต่ยังไงก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง เกือบที่จะถูกฟางเหวินเสียงฆ่าตายแล้ว”
นึกถึงเรื่องพวกนี้แล้ว ฟางผิงไม่คิดชะล่าใจอีก
มหาวิทยาลัยหวังว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะสามารถรักษาพลังต่อสู้เอาไว้ แต่คนหนุ่มสาว แม้ฟางผิงจะเป็นคนของชาติก่อน เขาก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ดี!
คนหนุ่มสาวใครไม่หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีบ้าง ให้พวกเขากลัวความแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต่อสู้ ใครจะรับได้กัน?
“ปักกิ่ง…”
คืนนี้ฟางผิงไม่ฝึกวิชาอีกแล้ว ไม่นานก็ขึ้นเตียงนอนหลับพักผ่อน
พวกฟางหยวนไม่รบกวนฟางผิงเช่นกัน รู้ว่าพรุ่งนี้พวกเขาต้องแข่งขันกับปักกิ่ง แม้จะเห็นฝีมือแกร่งกล้าของฟางผิงแล้ว แต่ปักกิ่งที่เอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองจากทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ถึงสองคน ถูกเรียกว่าเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่งมาโดยตลอด ใครคงไม่กล้าประเมินปักกิ่งต่ำไปทั้งนั้น
—
วันที่ 13 มกราคม
สนามกีฬามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้
“อีกเดี๋ยวจะเป็นการแข่งขันของทีมปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้!”
“จะว่าไปแล้วปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ มีเรื่องบุญคุณความแค้นภายในมากมายจริงๆ การแย่งชิงตำแหน่งมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่งของจีน! การแข่งขันของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทางเหนือและทางใต้! ปักกิ่งดูแคลนเซี่ยงไฮ้ เซี่ยงไฮ้ก็ไม่ให้ค่าปักกิ่ง หลายปีมานี้สองมหาวิทยาลัยชิงดีชิงเด่นในเรื่องพวกนี้อย่างนับไม่ถ้วน…”
“ออกประเด็นไปไกลซะแล้ว ผมกลัวว่าปรมาจารย์จะมาอุดปากผมเอา”
หลิวหวาหรงหัวเราะตัดจบหัวข้อสนทนาที่ค่อนข้างเป็นข้อขัดแย้งพวกนี้
“ตามระบบการแข่งขัน ฝ่ายที่แพ้ในวันนี้ พรุ่งนี้ต้องแข่งกับทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ทีมที่ชนะในพรุ่งนี้จะแข่งขันชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งกับผู้ชนะในวันนี้อีกครั้ง ดังนั้นต้องพูดว่ามีโอกาสสูงที่วันมะรืนปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้อาจจะได้พบเจอกันอีกครั้ง สถานการณ์เช่นนี้ ควรจะรักษาพลังไว้เพื่อเตรียมพร้อมในศึกสุดท้าย หรือสู้อย่างสุดกำลังเพื่อชัยชนะรอบแรกไว้ก่อน นี่ควรค่าแก่การพิจารณาเช่นกัน”
หลิวหวาหรงมองระบบการแข่งขันอย่างทะลุปรุโปร่ง เอ่ยชั่งน้ำหนักว่า “ผลแพ้หรือชนะครั้งนี้ ไม่อาจตัดสินได้ง่ายเลยจริงๆ การแข่งขันครั้งแรกในวันที่สิบเอ็ด มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งแสดงฝีมือเต็มกำลัง แต่ปักกิ่งก็มีสมาชิกทีมหลักได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน ทางเซี่ยงไฮ้ หัวหน้าทีมฟางผิงเอาชนะสี่คนรวด นอกจากฟู่ชางติ่ง สมาชิกทีมหลักอีกสามคนต่างยังไม่ได้ลงสนาม ไม่อาจคาดเดาฝีมือได้ ว่าตามตรง ตอนนี้ผมมองไม่ออกเหมือนกันว่าเปอร์เซ็นต์แพ้ชนะของทั้งสองฝ่ายมีเท่าไหร่กัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ คงไม่จำเป็นต้องพูดมากแล้ว มาดูลำดับการลงสนามของทั้งสองฝ่ายกันเลย!”
สิ้นเสียงของเขา บนจอใหญ่ก็เผยลำดับการลงสนามของอีกฝ่ายออกมา
“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง : เว่ยซู่เจี๋ย หลงเทา หานซวี่ ฟางเหวินเสียง หลิวเฮ่าหมิง แผนการรบนี้…น่าสนใจขึ้นมาแล้ว!”
หลิวหรงหวาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หลี่หรานและจางเจิ้นกวงจากทีมปักกิ่งได้รับบาดเจ็บจากการแข่งครั้งก่อน ครั้งนี้จึงไม่อาจลงสนามได้ ไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บไม่เอื้ออำนวย หรือต้องการรักษาพลังเอาไว้ แม้หลงเทาและหลิวเฮ่าหมิงจะเป็นสมาชิกทีมสำรอง แต่ก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด เว่ยซู่เจี๋ยสมาชิกทีมหลักเป็นคนนำทัพ นึกไม่ถึงว่าหานซวี่และฟางเหวินเสียงจะถูกจัดลำดับในตำแหน่งที่สามและสี่ ฝีมือของสองคนนี้ทุกคนเคยเห็นมาก่อนแล้ว เป็นผู้เข้าแข่งขันขั้นหนึ่งที่เอาชนะขั้นสองได้! ฟางผิงจากทีมเซี่ยงไฮ้จะสามารถเอาชนะทั้งสองคนติดต่อกันได้หรือเปล่านะ?”
“เอ๋ เซี่ยงไฮ้ก็มีการปรับเปลี่ยนแผนการรบเช่นกัน ทางเซี่ยงไฮ้ไม่มีสมาชิกที่ได้รับบาดเจ็บ นี่คือ…ต้องการรักษาพลังไว้สินะ?ตั้งแต่แรกก็วางแผนจะเก็บพลังเอาไว้อย่างนั้นเหรอ?”
“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ : จ้าวเสวี่ยเหมย ฟู่ชางติ่ง หยางเสี่ยวม่าน ถังซงถิง ฟางผิง จ้าวเหล่ยจากทีมหลักไม่ได้ลงสนาม แต่เป็นถังซงถิงที่อยู่ขั้นหนึ่งสูงสุดเหมือนกัน ส่วนฟางผิงรั้งอยู่ท้ายทัพ สถานการณ์นี้…ไม่เป็นผลดีกับเซี่ยงไฮ้นัก”
ระหว่างที่หลิวหรงหวาพูด เฉินเสวี่ยเยี่ยนก็รับบทสนทนาต่อ “หากฝั่งหานซวี่เอาชนะสี่คนด้านหน้าได้ ฟางผิงก็ต้องเผชิญหน้ากับหานซวี่ ฟางเหวินเสียงและหลงเทาสามคน จ้าวเหล่ยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเรียนเกาเข่าอันดับหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง ถึงกระทั่งเกือบถึงขั้นหลอมกระดูกสามครั้ง ตอนนี้จ้าวเหล่ยไม่ได้ลงสนาม สถานการณ์ของเซี่ยงไฮ้ไม่ค่อยดีแล้ว คงเป็นเพราะวางแผนเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบตัดสินในวันมะรืน”
—
เสียงที่พิธีกรสองคนพูดด้านหน้ากระจายมาถึงด้านหลังเช่นกัน
พวกจ้าวเสวี่ยเหมยต่างเผยสีหน้าขุ่นเคือง ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างมีโทสะว่า “จ้าวเหล่ยไม่ลงสนาม พวกเราจะเอาชนะไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เอาฟู่ชางติ่งอย่างฉันไปไว้ที่ไหนกัน รอดูเถอะ ครั้งนี้จะทำให้พวกเขาตกตะลึงจนตาแตกไปเลย!”
“คนอย่างหยางเสี่ยวม่านก็หยามไม่ได้ง่ายๆ เหมือนกัน!”
หยางเสี่ยวม่านแค่นเสียง เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจอยู่บ้าง
จ้าวเสวี่ยเหมยเผยแววตาตึงเครียดอยู่บ้าง ไป๋รั่วซีปลอบเบาๆ ว่า “ไม่ต้องเครียดไปหรอก ให้เธอลงสนามเป็นคนแรก เป็นเพราะเห็นว่าสไตล์การต่อสู้ของเธอเหมาะที่จะนำทัพ…”
แม้ว่าจ้าวเสวี่ยเหมยจะเป็นผู้หญิง แต่กลับต่อสู้อย่างดุดันห้าวหาญ มีประโยชน์ต่อสมาชิกคนหลังๆ อยู่แล้ว
หยางเสี่ยวม่านปลอบใจเช่นกัน “เว่ยซู่เจี๋ยไม่มีอะไรให้กังวล ครั้งก่อนเขาถูกเฉินเจียเซิงเอาชนะอย่างง่ายๆ…”
เฉินอวิ๋นซีที่เงียบมาโดยตลอดกลับเอ่ยเสียงเบาว่า “เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้งเหมือนกัน เสวี่ยเหมยระวังไว้บ้างดีกว่า”
ทีมหลักของปักกิ่งล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง ไม่แน่ว่าอาจจะมีสามครั้งด้วย ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด
ครั้งก่อนเว่ยซู่เจี๋ยแพ้ให้กับเฉินเจียเซิงจริงๆ แต่เฉินเจียเซิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง
ทั้งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองที่ความสามารถแข็งแกร่ง ไม่อาจประเมินอีกฝ่ายต่ำเพราะจุดนี้ได้
จ้าวเสวี่ยเหมยพยักหน้า สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะถือกระบองโลหะผสมขึ้นมา “วางใจเถอะ ฉันจะไม่ทำให้เซี่ยงไฮ้และทุกคนขายหน้าแน่นอน!”
“ระวังตัวด้วย!”
ฟางผิงเตือนอีกประโยค เวลาต่อสู้จ้าวเสวี่ยเหมยนั้นแทบไม่สนใจชีวิต นี่ทำให้ฟางผิงกังวลอยู่บ้าง ทั้งจ้าวเสวี่ยเหมยเองก็เพิ่งก้าวสู่ขั้นหนึ่งสูงสุดได้ไม่นาน นอกจากนี้ยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกครั้งเดียวอีก ขีดจำกัดปราณสูงสู้อีกฝ่ายไม่ได้
ฟางผิงกลัวว่าถึงเวลานั้นเธอจะสู้เอาเป็นเอาตายไม่ถอย ได้รับบาดเจ็บหนักคงเป็นปัญหาแล้ว
“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้จักความเหมาะสมดี”
จ้าวเสวี่ยเหมยว่าแล้วก็สาวเท้าขึ้นเวทีไป
ฟางผิงทำได้เพียงกดความกังวลไว้ในใจ ย้ายสายตาไปวางบนเวทีพร้อมกับทุกคนแทน
——————