ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 162-2 แผนการที่เหนือความคาดหมายของเซี่ยงไฮ้ (2)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 162-2 แผนการที่เหนือความคาดหมายของเซี่ยงไฮ้ (2)
ตอนที่ 162 แผนการที่เหนือความคาดหมายของเซี่ยงไฮ้ (2)
ไม่นานพวกฟางผิงก็มาถึงห้องพยาบาล
หยางเสี่ยวม่านและเฉินอวิ๋นซีดวงตาแดงก่ำไปหมด มองไปทางจ้าวเสวี่ยเหมยที่ยังกระอักเลือดอย่างไม่หยุดหย่อน “เสวี่ยเหมย…”
“คุณหมอคะ เสวี่ยเหมย…”
“อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ แต่คนยังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว ต้องพักรักษาตัวสักเดือนเพื่อบำรุงดูแลอวัยวะ ภายในสามเดือนห้ามออกแรงหนักจนเกินไป ไม่ตายง่ายๆ หรอก…”
หมอเจอสถานการณ์แบบนี้มาเยอะแล้ว ทีมแพทย์ครั้งนี้โยกย้ายมาจากถ้ำใต้ดินโดยเฉพาะ
ขอเพียงแค่คนไม่ตาย ยอมเสียยาบำรุงและทรัพยากรสักหน่อย ปกติแล้วล้วนสามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้
แน่นอนว่า หากเป็นสถานการณ์ของซุนหมิงอวี่ แม้ว่าจะต่อมือได้ ภายหลังก็อาจมีผลกระทบเล็กน้อยอยู่ดี
แต่อย่างน้อยต้องเสียเวลาไม่ได้ฝึกวิชาไปถึงเดือนสองเดือน
ได้ยินว่าอาการของจ้าวเสวี่ยเหมยสามารถรักษาได้ ทุกคนจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
จ้าวเสวี่ยเหมยหยุดกระอักเลือดแล้วเช่นกัน ยังคงมีสติอยู่ เอ่ยอย่างลำบากว่า “ฉัน…ฉันไม่เป็นไร…”
ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็ไม่พูดอะไร จ้าวเสวี่ยเหมยชอบเอาชนะเป็นปกติอยู่แล้ว
ครั้งนี้รู้ทั้งรู้ว่าสู้ไม่ไหว สุดท้ายยังตัดสินใจจะทำให้เพลี่ยงพล้ำทั้งสองฝ่าย โจมตีจุดตายของเว่ยซู่เจี๋ย
นึกมาถึงตรงนี้ ฟางผิงกลับแปลกใจอยู่บ้าง เว่ยซู่เจี๋ยเป็นยังไงบ้าง?
ไม่ใช่ว่าใช้การไม่ได้แล้วหรอกนะ?
หากเป็นแบบนั้นจริงๆ สำหรับผู้ชายแล้ว น่าอนาถยิ่งกว่าซุนหมิงอวี่ซะอีก
ตอนนี้เว่ยซู่เจี๋ยไม่ได้อยู่ทางนี้ แต่อยู่ในห้องทางนู้น คนของปักกิ่งก็อยู่เช่นกัน ฟางผิงไม่อาจไปดูเรื่องสนุกได้
“รักษาตัวดีๆ ล่ะ”
ฟางผิงกำชับแล้ว เห็นไป๋รั่วซีเข้ามา จึงไม่รั้งตัวอยู่นานเช่นกัน ด้านหน้านั้นยังมีการแข่งขันอยู่
—
ผู้ฝึกยุทธ์ระเบิดพลังเต็มที่ ขึ้นไปบนเวทีก็ต่อสู้สุดชีวิตทันที แพ้หรือชนะจึงตัดสินได้อย่างรวดเร็ว
ตอนที่พวกฟางผิงกลับมา ก็เห็นฟู่ชางติ่งระเบิดโทสะพอดี ใช้หอกตรึงขาของหลงเทาไว้กับพื้นเวที!
“กล้ารังแกคนของพวกเรา ตายไปซะ!”
ฟู่ชางติ่งยังไม่รู้สถานการณ์ของจ้าวเสวี่ยเหมย แต่เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บไม่ใช่น้อยๆ
ตอนนี้โมโหอย่างมาก ภายใต้การปะทุปราณเต็มเปี่ยม ลงมืออย่างโหดเหี้ยม
เมื่อครู่หากหลงเทาหลบไม่ทัน ตอนนี้คงเป็นหน้าอกของเขาที่ถูกตรึงบนพื้น
ประจวบกับพวกหานซวี่กลับเข้ามาพอดี เห็นฉากนี้ หานซวี่ก็เผยสีหน้าอึมครึม คนของปักกิ่งต่างเผยสีหน้าดูไม่ได้เช่นกัน
เว่ยซู่เจี๋ยถูกจ้าวเสวี่ยเหมยโจมตีไม่ใช่เบาๆ หมอบอกว่าจะพยายามเต็มที่ สรุปแล้วสถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤติ แม้ครั้งนี้จะรักษาได้ แต่การแข่งขันที่เหลือนี้ก็อย่าหวังจะได้ขึ้นเวทีอีกเลย
ตอนนี้หลงเทาได้รับบาดเจ็บหนักอีกคน ทั้งฟู่ชางติ่งยังพูดจาโอหังออกมา ทุกคนจะไม่โมโหได้ยังไง
หลังจากอาจารย์ของปักกิ่งเอ่ยปากยอมแพ้ ทีมแพทย์ก็ยกคนลงเวทีไปอย่างรวดเร็ว
เริ่มการแข่งขันเพียงห้านาที มีคนเจ็บหนักไปสามคนแล้ว!
หานซวี่ไม่รอผู้ตัดสินประกาศ เดินถือหอกยาวขึ้นเวทีไปทันที
ฟู่ชางติ่งเห็นเขาก็ยิ้มเย็นว่า “ยังจะใช้หอกอีกทำไม? เอากระบี่ออกมาเลยสิ”
“ฟู่ชางติ่ง นายคิดว่านายเอาชนะฉันได้?”
หานซวี่ไม่รีบร้อนเช่นกัน เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “นายเรียนหอก คงเพราะเป็นปมอะไรบางอย่างสินะ? ตอนนั้นถูกหอกฉันจนต้องนอนรักษาไปตั้งสองเดือนเลยนี่…”
ฟู่ชางติ่งเเค่นเสียงในลำคอ “เรื่องเก่าๆ ไร้สาระเอามาพูดมีประโยชน์หรือไง? ตอนนั้นก็คือตอนนั้น หรือคนที่เรียนหอกบนโลกใบนี้ เรียนก็เพราะว่าได้รับอิทธิพลจากนายหมดเลยอย่างนั้นเหรอ น่าขำ!”
“นึกไม่ถึงว่านายและถังซงถิงจะเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยน เหนือความคาดหมายฉันจริงๆ ฉันคิดว่าเซี่ยงไฮ้จะมีอัจฉริยะเบียดเสียดกันซะอีก พวกนายไม่ควรจะเงยหน้าขึ้นมาได้ถึงจะถูก” หานซวี่ยังคงพูดต่อ
“แต่ไม่เป็นไร ตอนนั้นพวกนายเงยหน้าไม่ขึ้นยังไง ตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น!”
“งั้นก็ลองดู!”
สิ้นเสียงของเขา หอกยาวพลันเกิดเสียง แทงตัดอากาศออกมา
หานซวี่ไม่ต้านรับ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ออกห่างจากจุดเดิมในชั่วพริบตา
ครั้งก่อนฟู่ชางติ่งเคยเห็นเคล็ดฝีเท้าของเขาแล้ว ตอนนี้ไม่ชักช้าอีก หอกยาวเปลี่ยนจากแทงเป็นกวาด ใช้เขาเป็นจุดศูนย์กลาง กวาดออกไปรอบทิศทาง!
ครู่ต่อมา แผ่นหลังของหานซวี่ก็ปรากฏขึ้น
“ตอนแรกฉันคิดว่าจะออมแรงสักหน่อย แต่มาคิดดูอีกที จัดการนายให้จบๆ ไปเลยดีกว่า ใช้หอกให้นายจดจำไปตลอดชีวิต ขอเพียงแค่ฉันหานซวี่ใช้หอก นายก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ได้ตลอดไป!”
ตอนนี้หานซวี่ยังมีใจมาพูดคุย แง่หนึ่งเพื่อโจมตีขวัญกำลังใจของฟู่ชางติ่ง อีกแง่หนึ่งต้องการจะบอกว่าเขานั้นมีฝีมือเหลือล้น
“ฟิ้ว!”
เสียงดังลั่นกลางอากาศ หอกยาวของหานซวี่กวาดออกมาอย่างรวดเร็ว ปะทะเข้ากับหอกของฟู่ชางติ่ง
“เคร้ง!”
เกิดประกายไฟลุกพรึ่บ
ครู่ต่อมา แขนของหานซวี่ก็ขยายใหญ่ขึ้นมา ขมับกลับจมบุ๋มลงไป
หลิงหรงหวาที่จดจ่ออยู่กับการแข่งขันมาตลอด เอ่ยอย่างตกใจว่า “หลอมกระดูกสามครั้ง ไม่สิ หลอมกระดูกช่วงบนแล้ว น่าจะมากถึงสามส่วน…”
หานซวี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกช่วงล่าง แต่ตอนนี้แขนกลับกำยำขึ้นมาในชั่วพริบตา ระเบิดปราณออกมาอย่างรุนแรง
“ตอนแรกคิดว่าหานซวี่เคลื่อนไหวเร็วเป็นเพราะเคล็ดฝีเท้า ตอนนี้ดูแล้วจะประเมินหานซวี่ต่ำไป ปราณระเบิดที่หกสิบแคล ไม่ด้อยไปกว่าฟางผิงเลย”
เฉินเสวี่ยเยี่ยนรับบทสนทนาต่อ “ฟางผิงเจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว หานซวี่เคลื่อนไหวเร็วกว่าเขา ทั้งยังมีเคล็ดไม้ตาย”
“แต่ทั้งสองคนอาจจะไม่เจอกันก็ได้”
“…”
สิ้นเสียงของพวกเขา บนเวทีฟู่ชางติ่งและหานซวี่ประมือกันกว่าสิบกระบวนท่าแล้ว
หานซวี่ไม่ได้ระเบิดปราณทุกครั้ง แต่การเคลื่อนไหวของเขาเร็วกว่าฟู่ชางติ่ง ผ่านไปสิบกระบวนท่า ฟู่ชางติ่งจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนี้เขาใบหน้าแดงก่ำ ในใจเต็มไปด้วยโทสะ
ชั่วพริบตานั้น ฟู่ชางติ่งก็คำรามว่า “ดูหอกตระกูลหลัวของฉันแล้วกัน!”
หอกยาวในมือพุ่งออกมาโดยพลัน สั่นสะเทือนในอากาศจนเกิดเสียงดัง
หานซวี่เผยใบหน้าจริงจังขึ้นมา
เขาไม่คิดจะรับกระบวนท่านี้ของฟู่ชางติ่ง เคลื่อนฝีเท้าหลบหลีกอย่างว่องไว
แต่ครู่ต่อมา คนทั้งหมดต่างตกตะลึงอยู่บ้าง
ฟู่ชางติ่งกวาดหอกยาวออกมา ก่อนจะปล่อยหอกในมือลอยออกไป ไม่สนใจว่าจะมีคนถูกลูกหลงหรือไม่ ในสนามมีปรมาจารย์ตั้งเยอะแยะ
หอกยาวนั้นลอยออกไปด้านล่างเวที ไม่ต้องรอให้ถึงมือของปรมาจารย์ชั้นสอง ผู้ตัดสินนั้นยื่นมือรับหอกยาวเอาไว้
ด้านฟู่ชางติ่งโยนหอกไปแล้ว คนก็ตรงดิ่งไปหาหานซวี่ทันที
หานซวี่เพิ่งจะถูกหอกยาวนั้นดึงความสนใจ คลาดสายตาไปแวบเดียว ฟู่ชางติ่งกลับโจมตีประชิดตัวแล้ว
“พลั่กๆๆ…”
ทั้งสองคนเข้าใกล้กัน ฟู่ชางติ่งรัวทั้งหมัดทั้งเท้า หานซวี่ก็ไม่ชักช้า ต่อสู้ระยะใกล้กับเขาเช่นกัน
ทั้งสองคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นก็มีเงาคนกระเด็นออกมา ตกลงบนพื้นเสียงดัง
พอทุกคนเพ่งตาดูจึงเห็นว่าเป็นฟู่ชางติ่ง
ตอนนี้ฟู่ชางติ่งใบหน้าซีดเผือด กระอักเลือดออกมา ทว่ากลับยิ้มอย่างพอใจ
ยิ้มแล้วก็รีบเบนสายตามองไปยังชั้นสอง
เขาไม่เอ่ยยอมแพ้ด้วยตัวเองหรอก!
ถังเฟิงที่อยู่ชั้นสองเผยสีหน้าจนใจอยู่บ้าง เอ่ยปากว่า “ยอมแพ้!”
เวลานี้ทุกคนค่อยมีเวลามองไปทางหานซวี่ หานซวี่ใบหน้าขาวซีดเช่นกัน แต่อาการดีกว่าฟู่ชางติ่งอยู่มาก
แต่รอยยิ้มพอใจของฟู่ชางติ่ง ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว
ตอนนี้ดวงตาของหานซวี่ปรากฏสีม่วงช้ำ ตาสองข้างลืมไม่ขึ้นอยู่บ้าง จมูกก็มีเลือดไหล
ฟู่ชางติ่งฝืนรับกระบวนท่าของเขาหลายครั้ง ทั้งยังออกหมัดใส่หน้าเขาไปหลายหมัด เกือบจะทำให้หานซวี่เสียโฉมซะแล้ว
ปราณของหานซวี่ยังใช้ไม่หมด แต่ดวงตากลับบวมขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าคงมองอะไรเลือนรางอยู่บ้าง
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูญเสียการมองเห็น เป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะสถานการณ์ ตอนนี้หานซวี่เหลือพลังการต่อสู้ไม่มากแล้ว
“สู้ได้แเจ๋ว!”
เห็นฟู่ชางติ่งถูกยกลงมา ฟางผิงเอ่ยชมอย่างหาได้ยาก
หานซวี่ถูกต่อยจนเป็นแบบนั้น หลังจากนี้อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเสี่ยวม่านเสมอไป
ฟู่ชางติ่งหอบหายใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างยากลำบาก “ไม่ใช่อะไรหรอก เห็นหน้าเขาเลยอยากให้หน้าบวมเป็นหัวหมูจนถึงการแข่งรอบสุดท้ายก็เท่านั้น!”
ทุกคนเพิ่งจะกดดันเรื่องที่จ้าวเสวี่ยเหมยบาดเจ็บหนัก ตอนนี้กลับดีขึ้นมาไม่น้อย พากันหัวเราะขึ้นมา
ตอนนี้หยางเสี่ยวม่านสวมสนับมือมวย แค่นเสียงว่า “ดูฉันไว้ละกัน ไอ้พวกที่กล้าทำร้ายผู้หญิง ฉันจะจัดการพวกเขาให้ดู!”
คำกล่าวนี้พูดถึงปักกิ่ง ทั้งหมายถึงฟางผิงด้วยเช่นกัน
ฟางผิงกรอกตา ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเตือนว่า “หานซวี่ได้รับผลกระทบที่สายตา เธอต่อกรกับเขายังพอมีหวัง แต่ฟางเหวินเสียงฝีมือไม่อ่อนด้อย อย่าเจ็บหนักเกินไป วันมะรืนยังต้องปะทะกับพวกเขาอีก”
“รู้แล้ว!”
ไม่รู้เหมือนกันว่าหยางเสี่ยวม่านฟังที่เขาพูดหรือเปล่า ตัวคนนั้นขึ้นไปบนเวทีแล้ว
————–