ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 167-2 ขั้นสอง (2)
ตอนที่ 167 ขั้นสอง (2)
เดินออกมาจากสถานีรถไฟ
ฟางผิงเอ่ยด้วยความรู้สึกลึกๆ “กลับมาบ้านแล้ว”
พวกอู๋จื้อหาวกลับไม่มีความรู้สึกเหมือนเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อืม ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว”
วันนี้คือวันที่สิบหกมกราคม วันที่ยี่สิบเอ็ดตามปฏิทินจันทรคติ
อีกไม่กี่วัน วันสิ้นปีของจีนก็จะมาถึง
เวลานี้ฟางผิงค่อยหวนสติคืนมา บนถนนคล้ายว่าจะคึกคักขึ้นมาไม่น้อย
“จะข้ามปีแล้ว?”
เห็นผู้คนเดินกันคราครั่งด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ฟางผิงจึงอดยิ้มขึ้นตามไม่ได้
บางทีผู้ฝึกยุทธ์หลายคนยินยอมที่จะอุทิศเลือดเนื้อของตนในถ้ำใต้ดิน คงเป็นเพราะสาเหตุนี้สินะ
ให้ทุกคนได้ข้ามปีใหม่อย่างราบรื่น ให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย ให้พวกเขาอยู่ห่างจากสงคราม อยู่ห่างไกลจากความตาย…
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนกำลังคิดและกำลังทำ
“กลับบ้านก่อนล่ะ!”
ฟางผิงดึงแขนฟางหยวน ก่อนจะโบกมือให้พวกอู๋จื้อหาว สาวเท้าแยกไปอีกทาง
ถึงบ้านก็ผ่อนคลายแล้ว ไม่ต้องไปคิดเรื่องการแข่งบนสังเวียน ไม่ต้องไปคิดเรื่องการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหรืออันตรายจากถ้ำใต้ดิน
ฟ้าถล่มพังลงมายังมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงตั้งมากมายคอยพยุงอยู่
ตอนนี้ความสามารถของฟางผิงยังไม่เพียงพอที่จะไปกังวลเรื่องประชาชนและประเทศชาติ
—
กวนหูหยวน
“ผิงผิงกลับมาแล้ว!”
หลี่อวี้อิงยังคงเหมือนเช่นเคย เห็นฟางผิงกลับมาถึงบ้านก็เผยสีหน้าดีใจทันที
ฟางหมิงหรงคล้ายกับอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็หยุดไป หลี่อวี้อิงไม่เล่นอินเทอร์เน็ต ทั้งไม่ค่อยดูข่าวเท่าไหร่
เรื่องที่พวกตาสีตาสาในชุมชนเล็กๆ พูดกันก็เป็นเรื่องหยุมหยิมทั่วไป น้อยนักที่จะพูดถึงผู้ฝึกยุทธ์
แต่กองการศึกษากลับไม่เหมือนกัน!
นั่นเป็นองค์กรที่ดูแลบ่มเพาะผู้ฝึกยุทธ์
รวมถึงถานเจิ้นผิงที่ไปชมการแข่งขันที่เซี่ยงไฮ้ด้วยตัวเอง กองการศึกษาล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ พากันชมการแข่งขันบนอินเทอร์เน็ต
ดังนั้นฟางหมิงหรงจึงเห็นลูกชายเช่นกัน!
ครั้งแรกที่เห็นเขาไม่อยากจะเชื่อสาตาตัวเอง คิดว่ามองพลาดไป
แต่ชื่อแซ่เดียวกัน หน้าตาไม่ผิดเพี้ยน หากยังไม่ยอมรับว่าเป็นลูกชายตัวเองอีก คงจะเป็นการหลอกตัวเองเกินไปแล้ว
ฟางหมิงหรงไม่ได้โทรไปถามฟางผิง เขากลัวว่าจะไปรบกวนลูกชาย
แต่เขาโทรถามจากลูกสาวเพื่อยืนยันว่าหัวหน้าทีมเซี่ยงไฮ้คนนั้นเป็นลูกชายของตัวเอง คนของการศึกษาก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดที่ตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันกลับไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ได้คือลูกชายของฟางหมิงหรง
ฟางหมิงหรงไม่รู้ว่าควรจะภูมิใจหรือกังวลดี
เห็นผู้ฝึกยุทธ์พวกนั้นต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายบนสังเวียน ตอนเห็นลูกหลานของคนอื่น ฟางหมิงหรงยังรู้สึกสนุกฮึกเหิม แต่พอมีลูกชายของตัวเองอยู่ในนั้น ความสนุกฮึกเหิมนี้กลับกลายเป็นความกังวลและหวาดผวา
คนของกองการศึกษาพวกนั้น ตอนนี้เห็นเขาต่างกระตือรือร้น ชมฟางหมิงหรงว่าเลี้ยงดูลูกชายมาเป็นอย่างดี
ผู้อำนวยกองการศึกษาที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่ ครั้งก่อนกลับมาหาที่สำนักงานเพื่อไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบด้วยตัวเอง
เป็นเพราะลูกชายของเขาคือฟางผิง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด คนที่แข็งแกร่งที่สุด!
ฟางหมิงหรงรู้สึกซับซ้อนอยู่ในใจ เห็นฟางผิงจึงอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่รู้ควรจะพูดยังไงดี
พูดอะไรล่ะ?
ให้ลาออกอย่างนั้นเหรอ?
ลูกชายสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ได้ ก้าวสู่เส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์ ตอนนี้จะไม่ให้ลูกชายเดินต่อไปได้งั้นเหรอ?
แต่เมื่อนึกถึงการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายบนสังเวียน ฟางหมิงหรงกลับรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
ความกังวลนี้ไม่นานก็สลายหายไปเพราะเสียงหัวเราะของลูกสาว
“แม่ พี่เก่งมากๆ เลย!”
“แม่และพ่อควรจะไปกับหนู พี่เจ๋งสุดๆ…”
“คิกๆ…”
ฟางหยวนชูหมัดเล็กๆ นั้น ก่อนจะคว้าไม้กวาดในบ้านโบกสะบัดไปทั่ว เอ่ยอย่างตื่นเต้น “ตอนที่อยู่ในการแข่งพี่ฟันดาบออกมา เดี๋ยวก็ฟันออกมาอีกดาบ…โห เสี่ยวหลิงนี่อึ้งไปเลย หนูก็อึ้งเหมือนกัน! เก่งมากๆ เลย คนที่นั่งข้างบนกับหนูเอาแต่ชมว่าพี่สุดยอด…”
เด็กสาวอยู่ที่เซี่ยงไฮ้อึดอัดอย่างมาก ไม่มีคนให้โม้ด้วย พวกเสี่ยวหลิงต่างชมการแข่งขันอยู่ด้วยกัน
ตอนนี้กลับมาถึงบ้าน ฟางหยวนจึงนับว่าได้ปลดปล่อยทุกอย่าง ดึงหลี่อวี้อิงที่เหงื่อชุ่มหน้าผากมาพูดอธิบายเป็นฉากๆ ให้ฟัง
พูดไม่พอยังกระโดดโลดเต้น โบกไม้กวาดในมือ ราวกับในเวลานั้นบนสังเวียนเธอเป็นคนต่อสู้ซะเอง
ผ่านไปสักพัก หลี่อวี้อิงจึงค่อยฟังเข้าใจ
มองลูกชายอย่างตกตะลึงอยู่บ้าง “ผิงผิง ลูกเข้าร่วมการแข่งขันด้วยเหรอ?”
เธอไม่ได้ไปชมการแข่งที่นู้น ทั้งไม่ได้ดูคลิปวิดีโอ รู้แค่ว่ามีการแข่งขันแบบนี้อยู่ แต่ไม่รู้ว่ามีคนบาดเจ็บ
ในสายตาของหลี่อี้อิง บางทีการแข่งขันอาจจะไม่ต่างกับการแสดงในโทรทัศน์เท่าไหร่ นายสู้ฉันหนึ่งหมัด ฉันสู้คืนนายอีกสักหมัด…
หลี่อวี้อิงไม่รู้จริงๆ ว่าการแข่งขันของนักศึกษาจะถึงขั้นเกิดการบาดเจ็บล้มตาย
ฟางหมิงหรงมองภรรยาแวบหนึ่ง ครุ่นคิดพักหนึ่งกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา คิดว้าวุ่นในใจขึ้นไปอีก
ฟางผิงไม่พูดอะไรเช่นกัน เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ครับ อย่าไปฟังฟางหยวนพูดมั่วซั่ว แค่การแลกเปลี่ยนความรู้ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเท่านั้น เป็นนักศึกษาเหมือนกันหมด เก่งขนาดนั้นที่ไหนกัน”
“เก่งจริงๆ นะแม่ หนูไม่ได้โกหก ไม่พอแค่นั้นพี่ยังหาเงินก้อนโตได้อีก เพื่อนเขาบอกว่าดาบเล่มหนึ่งของเขามูลค่าสูงกว่าสิบล้าน…”
“ดาบ?”
“อันนี้ไงๆ!”
ฟางหยวนยกกล่องไม้ที่ฟางผิงวางลงด้วยใบหน้าระริกระรี้ เปิดกล่องออกมา “แม่ อันนี้แหละ!”
“ราคาสิบล้าน? ลูกไปฟังใครพูดเหลวไหลที่ไหนมา”
“จริงๆ นะ…”
สองแม่ลูกโต้แย้งกันขึ้นมา เพราะฟางผิงไม่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งฟางหยวนเห็นแต่เขาเป็นฝ่ายจู่โจมคนอื่น ตอนนี้จึงไม่ได้กังวลเหมือนช่วงแรกๆ เวลาที่เอ่ยถึงเรื่องการแข่งเลยพูดเป็นน้ำไหลไฟดับ ตื่นเต้นอย่างมาก
ฟางผิงเห็นน้องสาวดีใจ ทั้งแม่ตัวเองที่เหงื่อผุดพรายก็อดเผยรอยยิ้มไม่ได้
—
สองแม่ลูกพูดคุยกันอยู่ด้านข้าง ฟางผิงและพ่อเดินออกมาที่ระเบียงด้วยกัน
ฟางหมิงหรงควักบุหรี่ขึ้นมาสูบ “ไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม?”
“ไม่ครับ”
“ผู้ฝึกยุทธ์…จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ? พวกผู้อำนวยการ…”
“หลังจากนี้จะเป็นเหมือนกันหมด ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้เป็นแค่สถานการณ์พิเศษ ผู้ฝึกยุทธ์ประมือกันอาจจะไม่ดุเดือดโหดเหี้ยมขนาดนี้ จะเป็นแค่การแลกเปลี่ยนความรู้ทั่วไปเฉยๆ”
คำพูดนี้ฟางผิงไม่ได้โกหก การแลกเปลี่ยนความรู้อย่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจะมีไม่เยอะแล้ว
เพราะคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของผู้ฝึกยุทธ์ก็คือสิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดิน!
ทำสงครามกับสิ่งมีชีวิตใต้ดิน ฟางผิงไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นสถานการณ์แบบไหน
แต่ฟางผิงสามารถเดาได้ว่าต้องโหดเหี้ยมและหลั่งเลือดยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน
ทุกปีมีผู้ฝึกยุทธ์ตายในถ้ำใต้ดินกี่คนกัน?
ลูกศิษย์ของหลู่เฟิ่งโหรวหลายคนตายในถ้ำใต้ดิน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง เทียนหนาน รวมถึงเซี่ยงไฮ้มีนักศึกษาแนวหน้าขั้นสามจำนวนมากตายในถ้ำใต้ดินเช่นกัน
การต่อสู้บนสังเวียน มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามที่ตายในน้ำมือของผู้ฝึกยุทธ์แค่กี่คนกัน?
“เรื่องของพวกลูกๆ พ่อไม่เข้าใจ…พ่อและแม่หวังแค่ว่าลูกจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุข กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาฉลองปีใหม่ร่วมกันทุกปี…”
“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วครับพ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงผม ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้น เรื่องที่อันตราย ผมไม่ทำเด็ดขาด”
“งั้นก็ดีแล้วๆ…”
สองพ่อลูกจมดิ่งในความเงียบ ฟางหมิงหรงไม่เอ่ยถึงเรื่องการแข่งขันอีก ราวกับลืมเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้ว
ส่วนฟางผิงไม่คิดจะพูดเรื่องนี้กับครอบครัวเช่นกัน เขาหวังแค่ว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตนี้ด้วยความสุขสบายและปลอดภัยเท่านั้น
—
คืนนี้ฟางผิงนอนหลับด้วยความสบายใจอีกครั้ง
กลับมาถึงบ้านคล้ายกับกลับมายังอีกโลกหนึ่ง
ที่นี่ทุกอย่างมีแต่ความสงบสุขและความสบายใจ
ตื่นขึ้นมาตอนเช้าเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเสียงทำกับข้าวของแม่ เสียงกระแอมไอของพ่อ และเสียงกรนของน้องสาว เสียงที่อยู่ในหูล้วนทำให้เคลิบเคลิ้มดำดิ่งในภวังค์
“ปกป้องอย่างนั้นเหรอ?”
ในใจของฟางผิงผุดความคิดนี้ขึ้นมา นี่ถึงจะเป็นความหมายที่แท้จริงของผู้ฝึกยุทธ์?
เขาไม่รู้ ทั้งไม่คิดจะนึกถึงมันอีกแล้ว
——————-