ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 168-2 ทีมรบในพื้นที่ (2)
ตอนที่ 168 ทีมรบในพื้นที่ (2)
นี่ถึงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของถานเจิ้นผิง
ส่วนหวังจินหยางน่ะเหรอ น่าขำสิ้นดี ให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่กลับมาสอนผู้ฝึกยุทธ์ที่มีดีแค่ปราณกลุ่มหนึ่ง
ทั้งยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองทั้งหมด หวังจินหยางจะตอบรับได้ยังไง?
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น หากตอบรับแล้ว หยางเฉิงจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมากเท่าไหร่ถึงจะดี?
ตอนนี้ดูแล้วฟางผิงกลับจะเหมาะสมกว่า
ฟางผิงเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด แต่การสอนเคล็ดวิชาต่อสู้ ไม่จำเป็นต้องมีฝีมือมากมายอะไร
หยางเฉิงรวบรวมทีมรบขึ้นมา ส่วนมากอยู่ในขั้นหนึ่งและขั้นสอง ขั้นสองเกรงว่าจะมีแค่ไม่กี่คน
ทีมแบบนี้เชิญอัจฉริยะของเซี่ยงไฮ้มาสอน นับว่าเพียงพอแล้ว!
ค่าตอบแทนก็คงไม่หนักหนาสาหัสจนเกินไป
“ลุงถาน คุณประเมินผมสูงเกินไป ให้ผมเป็นครูฝึกสอนเคล็ดวิชาต่อสู้? ตลกเกินไปแล้ว”
ฟางผิงปฏิเสธทันที เล่นตลกอะไรกัน ใครจะเอาเวลามาเสียกับเรื่องแบบนี้
หยางเฉิงสามารถให้ค่าตอบแทนอะไรบ้าง?
หนึ่งล้านคงจะประเมินสูงเกินไป!
เพื่อเงินเล็กน้อยแค่นี้ ต้องสิ้นเปลืองเวลามหาศาล ฟางผิงแทบไม่ต่างอะไรจากคนโง่
ฟางผิงไม่สนใจเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนนี้สิ่งที่เขาคิดคือ ตกลงเป็นเพราะสถานการณ์เลวร้ายจนต้องสร้างทีมรบผู้ฝึกยุทธ์ในพื้นที่ขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่
ได้ยินฟางผิงปฏิเสธ ถานเจิ้นผิงจึงจนใจอยู่บ้าง สุดท้ายเลยเอ่ยว่า “ข้ามปีใหม่แล้ว หยางเฉิงจะจัดงานชุมนุมผู้ฝึกยุทธ์ ฟางผิง เธอสนใจมาเข้าร่วมสักหน่อยหรือเปล่า?”
“งานชุมนุมผู้ฝึกยุทธ์หยางเฉิง?”
“จุดประสงค์ของหยางเฉิงคืออยากสร้างสมาคมระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ของหยางเฉิงเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดูว่าทุกคนจะมีความเห็นยังไง ช่วงนี้เมืองหยางเฉิงไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายนัก หวังว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ออกจากหยางเฉิงไปจะสามารถทุ่มเทลงแรงเพื่อบ้านเกิดได้บ้าง”
ปฏิเสธเรื่องหนึ่งไปแล้ว หากปฏิเสธอีก ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมนัก
ฟางผิงครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “ถ้าตอนนั้นผมไม่ได้กลับมหาวิทยาลัย คงจะเข้าไปเหมือนกันครับ”
“ได้ ถึงเวลานั้นฉันจะแจ้งเธออีกที”
“…”
วางสายแล้ว ฟางผิงยังจมดิ่งในความเงียบ ไม่รู้ว่าฟางหยวนมาตั้งแต่ตอนไหน เอ่ยอย่างสงสัยว่า “ทีมรบอะไรเหรอ? เหมือนกับว่าอยากให้นายเป็นครูฝึก?”
“จุ้นจ้าน!”
ฟางผิงกลอกตาใส่เธอ รู้มากไปไม่ใช่เรื่องดีเข้าใจหรือเปล่า!
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับเช่นกัน ฟางผิงเอ่ยออกไปว่า “หลังจากนี้แต่ละเมืองของหนานเจียงจะจัดตั้งทีมรบผู้ฝึกยุทธ์ขึ้นมา อาจจะให้เข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ อีกอย่างเธอช่วยอยู่อย่างสงบเสงี่ยมหน่อย ตอนนี้บ้านเมืองไม่ได้ปลอดภัย อย่าออกไปวิ่งวุ่นข้างนอก”
“หนานเจียงก็จะจัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เหมือนกันเหรอ?”
ฟางหยวนเอ่ยอย่างสงสัย “ฟางผิง ช่วงนี้เหมือนจะจัดการประลองฝีมือไปทั่ว เป็นเพราะอะไรเหรอ?”
“ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ประลองฝีมือ หรือจะต้องขุนตัวเองให้อ้วน?”
ฟางผิงแค่นเสียงในลำคอ ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ปราณกำลังขุนตัวเองอยู่จริงๆ นั่นแหละ!
ในเมื่อรัฐบาลให้สิทธิพิเศษกับพวกเขา เวลานี้คงไม่ปล่อยพวกเขาไปอยู่แล้ว
ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ หน่วยทหาร หรือไม่ว่าจะที่ใด ทุกคนล้วนยึดมั่นในเรื่องเดียวกัน จ่ายออกไปถึงจะได้กลับมา
ทว่าผู้ฝึกยุทธ์ปราณพวกนี้กลับเอาแต่ฉวยผลประโยชน์อย่างเดียว ไม่ยอมจ่ายอะไรออกไป
ไม่ต่างจากที่คิดไว้ ผ่านไปอีกไม่กี่ปี การมีอยู่ของผู้ฝึกยุทธ์ปราณจะถูกบีบเค้นให้ถอยไปอีกก้าว ความเป็นไปได้นี้ส่อเค้าลางให้เห็นชัดเจนแล้ว
แค่ไม่รู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ปราณพวกนี้สังเกตเห็นหรือเปล่า
น่าจะมีคนตระหนักได้บ้างเหมือนกัน ช่วงนี้ถานเจิ้นผิงมีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะรู้ว่าวันคืนที่สงบสุขมาถึงจุดจบแล้ว
“หวังว่าอย่าได้เกิดความวุ่นวายจะดีที่สุด…”
ฟางผิงพึมพำเบาๆ ตอนนี้รัฐบาลกำลังบีบบังคับให้ผู้ฝึกยุทธ์ปราณพวกนี้เปลี่ยนแปลงตัวเอง
อาจจะก่อความสับสนอลหม่านขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่วุ่นวายมากจะดีที่สุด ทั้งหวังว่าจะไม่ก่อผลกระทบเป็นวงกว้างเกินไป
ในใจครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ จู่ๆ ฟางผิงก็มองไปยังฟางหยวน หมวดคิ้วเล็กน้อย “จวงกงของเธอเข้าสู่ระดับหนึ่งหรือยัง?”
“ถึงแล้ว!”
ฟางหยวนพยักหน้างึกงัก เอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ก่อนหน้านี้นายไม่ได้ถาม ฉันยังคิดว่านายมองออกแล้ว ก่อนที่ฉันไปเซี่ยงไฮ้ก็เข้าสู่ระดับยืนตั้งมั่นแล้ว!”
“ใช้เวลากว่าครึ่งปียังมีหน้ามาภูมิใจ?”
ฟางผิงกลอกตามองเธอ ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “มีพลังปกป้องตัวเองนิดหน่อยก็ดีกว่าไม่มีแม้แต่แรงฆ่าไก่ แม้ฉันจะไม่ได้หวังให้เธอเข้าสู่แวดวงผู้ฝึกยุทธ์ แต่ในอนาคตแวดวงนี้อาจจะไม่ได้เด่นชัดเหมือนตอนนี้แล้ว”
ฟางหยวนไม่เข้าใจความนัยของเขาอยู่บ้าง มองฟางผิงด้วยสีหน้างุนงง
ฟางผิงดึงแก้มเธอด้วยรอยยิ้ม “แค่บอกให้เธอฝึกฝนดีๆ เท่านั้น เคล็ดหลอมกระดูกก็สามารถฝึกได้แล้ว เอาแบบนี้พรุ่งนี้ฉันจะให้หลิวรั่วฉีมาสอนเธอสักหน่อย จนถึงตอนนี้ปราณยังมีแค่…”
ฟางหยวนเอ่ยอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “ปราณของฉันสูงอยู่เหมือนกัน ไม่กี่วันก่อนพ่อพาไปตรวจที่กองการศึกษา มีตั้งหนึ่งร้อยยี่สิบแคล!”
นักเรียนมอต้นคนหนึ่ง ปราณแตะถึงหนึ่งร้อยยี่สิบแคลถือว่าสูงจริงๆ
ฟางผิงกลับเอ่ยอย่างไม่พอใจ “อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่น! เธอน่าจะรู้ว่าหลายคนอยู่มอปลายก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้แล้ว ทั้งยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง หลอมกระดูกสองครั้งปราณจะอยู่ที่หนึ่งร้อยแปดสิบเป็นอย่างต่ำ ระยะห่างของเธอถึงช่วงมอปลายมีแค่สามปีเท่านั้น จากการพัฒนาของเธอ เวลาสามปีปราณจะแตะถึงหนึ่งร้อยแปดสิบแคลได้อย่างนั้นเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากปราณของพวกเขาจะถึงหนึ่งร้อยแปดสิบแคลแล้ว บางคนยังหลอมกระดูกได้กว่าสิบชิ้น!”
ตอนที่พวกฟู่ชางติ่งเข้ามหาวิทยาลัย นอกจากเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ยังหลอมกระดูกได้สามสิบเอ็ดชิ้น
นี่ล้วนทำสำเร็จในช่วงเวลามอปลาย!
ยึดตามความก้าวหน้าของฟางหยวน อาจจะไม่สามารถทำถึงจุดนี้ได้ในช่วงเวลามอปลายด้วยซ้ำ
ช้าเกินไป!
ยังมีเวลาอีกกว่าสามปี ใครจะรู้ว่าสามปีหลังจากนี้จะมีเหตุการณ์อะไร
ฟางผิงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่ได้อยู่บ้านตลอดเวลา นี่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เขาอยากจะช่วยคงมาไม่ทัน
ฟางหยวนฟองลมแก้ม เอ่ยอย่างผิดหวังอยู่บ้าง “ไม่เก่งอย่างนั้นเหรอ? ฉันยังคิดว่าตัวเองเก่งมากแล้วซะอีก เมื่อก่อนสอบเข้ามหาลัยศิลปะการต่อสู้ก็ใช้ปราณแค่นี้…”
“นั่นมันเมื่อก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยังไงพี่ชายเธอก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองแล้ว เธอจะทำฉันขายหน้าไม่ได้ เข้าใจหรือเปล่า?”
“อ่อ…ขั้นสอง?”
ฟางหยวนตามไม่ทันอยู่บ้าง ฟางผิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ขั้นสอง มีปัญหาหรือไง?”
“นายไม่ใช่ว่าอยู่ขั้น…นายทะลวงขั้นแล้ว?” ฟางหยวนอ้าปากค้างอย่างตกใจ
นึกไม่ถึงว่าฟางผิงจะอยู่ขั้นสองแล้ว!
“ตอนนี้คงรู้ว่าสิ่งไหนที่เรียกว่าอัจฉริยะแล้วสินะ? พี่ชายเธอสามารถทะลวงขั้นสองได้ตั้งนานแล้ว หากไม่ใช่ว่ามีการแข่งขันแลกเปลี่ยนฉันคงทะลวงตั้งแต่เดือนธันวาแล้ว เธอลองคิดดู จากคนธรรมดาทะลวงสู่ขั้นสองในเวลาแปดเดือน เก่งกาจขนาดไหนกัน! เธอล่ะ? จวงกงของเธอจนถึงตอนนี้ใช้เวลากว่าหกเดือนแล้ว ปราณยังแค่หนึ่งร้อยยี่สิบแคล! หลังจากนี้ออกไปไหนอย่าบอกว่าเป็นน้องสาวฉันเชียว ขายหน้าตาย…”
ฟางหยวนน้อยใจขึ้นมาอีกครั้ง ฉันน่าขายหน้าขนาดนั้นเลยหรือไง?
แต่…แต่ฟางผิงเหมือนจะเป็นอัจฉริยะจริงๆ!
น้อยใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนฟางหยวนจะเอ่ยด้วยใบหน้าสุขล้น “พี่ นึกไม่ถึงว่านายจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองแล้ว หากเพื่อนของฉันรู้เข้า…”
“อย่าพูดออกไป รู้แค่เธอก็พอแล้ว เกิดเป็นคนต้องถ่อมตัวหน่อย”
ฟางผิงสั่งสอนน้องสาวแล้ว สุดท้ายยังโทรศัพท์หาหลิวรั่วฉี อยากให้เธอช่วยชี้แนะน้องสาวสักหน่อย
หลิวรั่วฉีรับปากด้วยความยินดี ยังถือโอกาสอิจฉาไปด้วย
คาดไม่ถึงว่าฟางผิงจะมีทรัพยากรสนับสนุนน้องสาวในการฝึกวิชาด้วย คนเราไม่อาจเทียบกันได้เลยจริงๆ
—
ระหว่างที่ฟางผิงเริ่มวางแผนเตรียมการณ์ให้ฟางหยวน เรื่องเกี่ยวกับก่อตั้งทีมรบผู้ฝึกยุทธ์ในแต่ละพื้นที่ก็ค่อยๆ แพร่กระจายออกมา
นอกจากหนานเจียงแล้ว ยังมีอีกหลายมณฑลที่เลือกดำเนินนโยบายเดียวกัน
ฟางผิงเห็นข่าวแล้ว ใจบีบรัดขึ้นมาเล็กน้อย ดูท่าสถานการณ์จะเลวร้ายอยู่บ้างจริงๆ
——————