ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 169-2 ช่วงเวลาที่เฟื่องฟู (2)
ตอนที่ 169 ช่วงเวลาที่เฟื่องฟู (2)
“ฉันเตือนเธอไว้ก่อน ถ้าเธอกล้าขายออกไป หลังจากนั้นอย่าคิดว่าฉันจะเอาของอะไรดีๆ ให้เธออีก!”
ตอนนี้เขาสงสัยอย่างมาก เด็กคนนี้อาจขายยาบำรุงที่เขาให้เธอไว้ออกไป
ไม่งั้นกลับมาครั้งก่อนปราณของเธอน่าจะทะลุหนึ่งร้อยสิบแคลไปแล้ว
หลังจากนั้นยังให้เธออีกไม่น้อย รวมทั้งยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา ทำไมปราณถึงเพิ่มขึ้นมาแค่นี้กัน?
ฟางหยวนยืนกรานปฏิเสธอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “ฉันไม่ได้ขาย นายใส่ร้ายฉัน!”
“ยังไงฉันก็ให้แม่จับตาดูเธอไว้แล้ว กินหนึ่งเม็ด ถึงจะให้เธออีกเม็ด ไม่กินไม่ให้ กินหมดแล้ว ปราณยังไม่ถึงร้อยห้าสิบแคลล่ะก็ หึๆ!”
รวมทั้งหมดแล้ว ยาบำรุงกำลังกว่าสิบเม็ด ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาอีกกว่าสิบเม็ด
ตามราคาตลาดแล้วเกือบถึงสองล้าน
หากปราณยังไม่ถึงร้อยห้าสิบแคลอีก นั่นหมายความว่าคุณสมบัติของเด็กคนนี้แย่จริงๆ แล้ว
ฟางหยวนฟองแก้ม ยังคงอารมณ์ไม่ดีเรื่องที่ฟางผิงใส่ร้ายเธอ เธอไม่ได้ขายจริงๆ!
อีกอย่าง แพงขนาดนี้ เพื่อนนักเรียนซื้อไหวที่ไหนกัน!
สองพี่น้องเถียงกันอยู่ครู่หนึ่ง ฟางหยวนรู้ว่าคงเรียกร้องอะไรจากพี่ชายไม่ได้แล้ว จึงรีบวิ่งลงไปขออั่งเปาจากพ่อกับแม่แทน
—
คนในบ้านติดอักษรอวยพรกลอนคู่ แขวนโคมแดง เตรียมอาหารค่ำอย่างสุขสันต์…
ด้านนอกเริ่มจุดประทัดกันตั้งนานแล้ว
โทรศัพท์ยังดังขึ้นเป็นครั้งคราว บ้างก็โทรมาหาฟางหมิงหรง บ้างก็ของฟางผิง…
คนที่โทรมาหาเยอะที่สุดคือฟางหยวน!
ฟางผิงโทรไปสวัสดีปีใหม่หลายคนเหมือนกัน
สายของหลู่เฟิ่งโหรวโทรไม่ติด ฟางผิงเดาว่าหลู่เฟิ่งโหรวอาจจะไปถ้ำใต้ดิน
ทางหวังจินหยางโทรติด แต่ปีนี้เขาไม่ได้กลับมาฉลองปีใหม่ที่หยางเฉิง แต่ข้ามปีที่เจียงเฉิงแทน
ตอนแรกฟางผิงยังจับต้นชนปลายไม่ถูก จวบจนในสายมีเสียงดังว่า “พี่จินหยาง กับข้าวพร้อมแล้ว!”
เสียงนี้ฟางผิงคุ้นหูอยู่บ้าง
คิดอยู่พักหนึ่งจึงตระหนักได้ว่า นี่เป็นเสียงของลูกสาวอาจารย์ของหวังจินหยางคนนั้น?
เหล่าหวังฉลองปีใหม่อยู่ที่นั่น…
ฟางผิงลอบถอนหายใจ เป็นลูกศิษย์แล้ว หรือจะเป็นลูกเขยอีกงั้นเหรอ?
แต่เด็กสาวคนนั้นเหมือนจะอายุยังน้อย ทั้งเด็กกว่าฟางหยวนอีกด้วย
นินทาในใจแล้ว ฟางผิงไม่พูดมากอีก ไม่นานก็วางสายไป
ก่อนต่อมาฟางผิงจะคุยโทรศัพท์กับน้าเล็กของตัวเอง
ทั้งสองบ้านผลัดกันกล่าวสวัสดีปีใหม่แล้ว อาหารค่ำส่งท้ายปีเก่าก็ขึ้นโต๊ะอย่างเป็นทางการ
ในโทรทัศน์กำลังฉายภาพของผู้นำจีนกล่าวให้ขวัญกำลังใจทหารชายแดน
ฟางผิงถึงกระทั่งเห็นสถานการณ์อย่างเลือนรางว่ามีคนได้รับบาดเจ็บในขบวนทหาร
บริเวณชายแดนนั้นมีปากทางเข้าถ้ำไม่ใช่น้อยๆ
—
ทิวทัศน์ยาวค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ดอกไม้ไฟสว่างวาบไปทั่ว
ฟางผิงลงมาจุดดอกไม้ไฟเล่นกับฟางหยวนข้างล่างพักหนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปฝึกวิชาต่อ เขาไม่ได้เอ้อละเหยทำตัวสบายๆ เหมือนฟางหยวน
ยังไงฟางหยวนก็เพิ่งอายุสิบสี่ปี ผ่านปีนี้ไปจะครบสิบห้า
เธอไม่ได้กดดันตัวเองเหมือนฟางผิง ในสายตาของฟางหยวน พี่ชายของเธอเก่งที่สุดถือว่าเพียงพอแล้ว
ส่วนตัวเองรอให้ถึงมอปลาย กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ทั้งสามารถเข้าสู่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ได้ นั่นนับเป็นความปรารถนาที่สูงที่สุดของเธอแล้ว
ดังนั้นแม้เด็กสาวจะสนใจเรื่องฝึกวิชา แต่ก็ไม่ได้กดดันกับมันมากมาย
ในห้องออกกำลังกาย
ฟางผิงตรวจสอบตัวเลขของตัวเองอีกครั้ง
ทรัพย์สิน : 19,200,000
ปราณ : 340 แคล (355 แคล)
จิตใจ : 305 เฮิรตซ์ (312 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 66 ชิ้น (90%) , 10 ชิ้น (40%) , 130 (30%)
กระดูกช่วงล่างหกสิบสองชิ้นหลอมสำเร็จแล้ว กระดูกช่วงบนหกสิบสี่ชิ้น หลอมไปแล้วสี่ชิ้น ระยะห่างจากขั้นสองสูงสุดยังขาดหลอมกระดูกอีกหกสิบชิ้น
ถ้าใช้ระบบเพิ่มความเร็วในการหลอมกระดูกทั้งหมด ต้องใช้ค่าทรัพย์สินถึงสามสิบห้าล้าน!
“ใช้ระบบเพิ่มความเร็วในการหลอมกระดูก ต้องใช้ค่าทรัพย์สินหกแสนต่อการหลอมกระดูกหนึ่งชิ้น ทั้งยังต้องซื้อยาชุบร่างกาย หากพึ่งตัวเองต้องใช้ค่าทรัพย์สินประมาณสามแสนถึงจะหลอมกระดูกได้หนึ่งชิ้น แต่หลอมกระดูกหนึ่งชิ้นต้องใช้เวลาสองวันเป็นอย่างต่ำ ยังเหลือเวลาครึ่งเดือนก่อนจะเปิดเทอม ครึ่งเทอมนี้ต้องหลอมกระดูกสิบชิ้นที่หลอมไปแล้วสี่สิบเปอร์เซ็นต์ให้เสร็จสิ้นทั้งหมด ถึงเวลานั้นจะขาดอีกห้าสิบชิ้น ทรัพย์สินสามสิบล้านน่าจะสามารถหลอมกระดูกทั้งหมดสำเร็จแล้ว”
ฟางผิงครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ในใจ หลังเปิดเทอมแล้ว จำเป็นต้องสิ้นเปลืองอย่างหนักเพื่อเข้าสู่ขั้นสองสูงสุด ทะลวงขั้นสามให้เร็วที่สุดหรือเปล่า
จะเข้าถ้ำใต้ดิน หากไม่มีความสามารถของขั้นสามถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง
ทั้งดาบคลั่งโลหิตที่เขาฝึกตอนนี้ เหลือเพียงต้องรอให้เขาหลอมกระดูกช่วงบนสำเร็จถึงจะสามารถระเบิดปราณแข็งแกร่งกว่าเดิมออกมาได้
ไม่งั้นขีดจำกัดของเขาคงอยู่ที่หนึ่งร้อยแคล หากปะทุมากกว่านี้อีก ร่างกายเขาก็จะระเบิด
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองทั่วไป ปราณจะอยู่ระหว่างสองร้อยห้าสิบถึงสี่ร้อยแคล ฉันทะลวงถึงขั้นสูงสุดคงจะประมาณห้าร้อยแคล หลอมกระดูกสามครั้ง จะค่อยๆ เว้นระยะห่างจากผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปออกมา”
“ขาดเงิน ขาดค่าทรัพย์สิน…”
ฟางผิงพึมพำ หากมีเงินและค่าทรัพย์สิน บางทีภายในเวลาหนึ่งเดือนเขาอาจจะแตะถึงขั้นสองสูงสุด
ความยากจนกำจัดความก้าวหน้าของเขาอีกครั้งแล้ว
“เฮ้อ หวังว่าไม่กี่ปีนี้สังคมจะสงบสุข ไม่งั้นคงทำธุรกิจได้ลำบาก!”
ฟางผิงภาวนาออกไปด้านนอกหน้าต่าง ก่อนจะเข้าสู่การฝึกวิชาอย่างรวดเร็ว เริ่มยืนจวงกงหลอมกระดูกอีกครั้ง
—
ในเวลาเดียวกัน
ปากทางเข้าถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้
หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้ว “หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป สามปีหลังจากนี้บางทีพวกเราอาจจะต้านไม่อยู่แล้วจริงๆ! คำทำนายวันสิ้นโลกปี 2012…”
หวงจิ่งตำหนิว่า “กระทั่งเธอยังเชื่อคำพูดไร้สาระแบบนี้ ไม่แปลกใจที่ลัทธินอกรีตพวกนั้นถึงสามารถเติบโตได้!”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างหงุดหงิด “ฉันบอกว่าฉันเชื่อหรือยังล่ะ? แต่ลัทธินอกรีตพวกนี้สามารถดึงผู้ฝึกยุทธ์ส่วนหนึ่งไปเป็นพวกได้ ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ๆ สถานการณ์ตอนนี้สามปีให้หลังคงจะทวีความเลวร้ายยิ่งกว่า! ฉันว่าปรมาจารย์อย่างพวกคุณ จะคิดวิธีสักหน่อยไม่ได้เหรอไง? ตอนนี้ปากทางเข้ามีแต่สิ่งมีชีวิตใต้ดินเต็มไปหมด ผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างแทบไม่อาจฝ่าเข้าไปได้แล้ว”
หวงจิ่งถอนหายใจออกมา เดินไปทั้งเอ่ยไปพลาง “ตอนนี้กำลังหาวิธี ถึงขั้นเริ่มจัดกลุ่มรวมตัวกันแล้ว ดูว่าจะสามารถผนึกกำลังผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดขึ้นไปเข้าไปในถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่ง ดำเนินการกวาดล้างครั้งใหญ่ด้วยกันได้หรือเปล่า”
“พวกคุณบ้าไปแล้ว?”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างตกใจ “การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของพวกคุณ จะทำให้สิ่งมีชีวิตใต้ดินที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งอยู่ลึกลงไปในถ้ำพวกนั้นโต้กลับอย่างแน่นอน!”
พวกปรมาจารย์จำนวนน้อยคงไม่มีอะไร แต่ปรมาจารย์กว่าร้อยเข้าไปกวาดล้างในปากทางถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่งด้วยกัน สิ่งมีชีวิตใต้ดินที่อยู่ลึกลงไปคงไม่นั่งนิ่งอยู่เฉยๆ แน่
ถึงเวลานั้นสถานการณ์จะยิ่งอันตรายกว่านี้
“ดูสถานการณ์ก่อนเถอะ นี่อาจจะเป็นวิธีสุดท้าย ไม่งั้นคงทำได้แค่พึ่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างระดับกลางและคนธรรมดาดำเนินการกวาดล้างเท่านั้น น่าเสียดาย…การพัฒนาอาวุธพลังงานแร่ไม่ราบรื่นมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นให้ทหารธรรมดาพกของพวกนี้คงสามารถลดความกดดันของพวกเราได้มากแล้ว”
หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วว่า “ยังไม่มีความก้าวหน้า?”
“พลังงานแร่น้อยเกินไป ไม่พอใช้”
หวงจิ่งส่ายหัว ครุ่นคิดเล็กน้อยว่า “กระทรวงการศึกษามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ผ่านปีใหม่อาจจะเปลี่ยนแปลงนโยบายบางส่วน ให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เข้าไปในถ้ำใต้ดินด้วยเหมือนกัน!”
“ขั้นสอง…นี่…อันตรายเกินไปหรือเปล่า?”
หลู่เฟิ่งโหรวกังวลอยู่บ้าง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองเข้าถ้ำใต้ดิน อันตรายมากจริงๆ
หวงจิ่งขบริมฝีปาก เอ่ยด้วยสีหน้าหนักแน่น “นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้คือคน ทหารก็เป็นคน! ทหารธรรมดาลาดตระเวนที่ถ้ำใต้ดินอยู่มากมายเช่นกัน…”
“ไม่เหมือนกัน! หน่วยทหารทำงานเป็นระบบ…”
“เหมือนกัน ผู้ฝึกยุทธ์ก็สามารถทำงานเป็นระบบได้!”
พูดมาถึงตรงนี้ หวงจิ่งโบกไม้โบกมือว่า “ไว้ค่อยว่ากันเถอะ เรื่องนี้ยังไม่ถึงเวลาต้องตัดสินใจ หากต้องตัดสินใจจริงๆ เซี่ยงไฮ้ของพวกเราจะแบกรับหน้าที่อย่างไม่ลังเล นักศึกษาศิลปะการต่อสู้ไม่หวั่นกลัวสงครามอยู่แล้ว!”
พูดจบ หวงจิ่งก็กล่าวต่อว่า “เธอกลับไปก่อนเถอะ เหล่าอู๋ของเธอยังรออยู่…”
“หย่ากันแล้ว เขาใช้ชีวิตของเขา ฉันใช้ชีวิตของฉัน คุณยุ่งเรื่องพวกนี้ให้มันน้อยๆ หน่อย”
“ฮ่าๆ!”
หวงจิ่งหัวเราะแฝงด้วยความหยอกเย้า
หย่าแล้ว?
พวกคุณสองคนหย่ากันมากว่าสิบปี! แต่พอคุณจัดการคนตระกูลฟาง กลับเอาแต่อ้างบารมีเหล่าอู๋อย่างนั้นอย่างนี้
คร้านจะสนใจเธออีก ตอนนี้หวงจิ่งออกมาจากถ้ำใต้ดินแล้ว ด้านนอกไม่ไกล โคมของเซี่ยงไฮ้ส่องแสงสว่างพร่างพราว
“ช่วงเวลาที่เฟื่องฟู ประเทศจีนเฟื่องฟูมาถึงห้าพันปี…”
หวงจิ่งพึมพำ อาหารการกินอุดมสมบูรณ์อยู่อย่างสุขสบาย ประชากรพันล้านคนไม่มีใครหนาวเหน็บหิวโหย ช่วงเวลาที่เฟื่องฟูเช่นนี้จะผ่านไปแล้ว?
ประเทศชาติตกสู่ความยากลำบากจะกระตุ้นให้ประชาชนสามารถฟื้นฟูประเทศขึ้นมาใหม่อีกครั้งงั้นเหรอ?
มีสิทธิ์อะไรกัน!
ผ่านวันคืนมาอย่างยากลำบาก มีสิทธิ์อะไรมาทำให้เผชิญกับความลำบากอีกครั้ง!
“ถ้ำใต้ดิน…”
ถอนหายใจแล้ว เงาของหวงจิ่งก็ห่างไกลออกไปทันที
———————