ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 171-2 ค่อยๆ เปลี่ยน (2)
ตอนที่ 171 ค่อยๆ เปลี่ยน (2)
“ครั้งนี้เชิญทุกคนมา นอกจากจะแจ้งเรื่องการประเมินสิ้นปีแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเข้าร่วมทีมรบหรือไม่ ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดจะต้องหาเวลาออกมาหนึ่งเดือนต่อปี เพื่อเข้าร่วมคลาสฝึกอบรมที่จัดในท้องที่! แน่นอนว่านักศึกษาศิลปะการต่อสู้ได้รับการยกเว้น หน่วยทหารได้รับการยกเว้น ผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าร่วมโครงการวิจัยของประเทศได้รับการยกเว้น…”
ทุกคนอึ้งไปพักหนึ่ง ยังต้องเข้าร่วมคลาสฝึกอบรมอีก?
พวกเขาหลายคนอายุจะห้าสิบหกสิบแล้ว อายุปูนนี้ยังให้พวกเขาไปร่วมคลาสฝึกอบรมอีก?
หนึ่งเดือนของทุกปี เวลานี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย
มีคนแย้งออกมาทันที “ผู้บัญชาการไป๋ พูดเรื่องประเมินสิ้นปีก่อนแล้วกัน เบื้องบนบอกว่าต้องสอบประเมิน อันนี้พวกเรายอมรับ อย่างมากแค่ฝึกวิชาที่บ้านสักหน่อย อันที่จริงไม่ได้เสียเวลามากมาย ตอนนี้ยังจะให้เจียดเวลาออกมาหนึ่งเดือนเพื่อเข้าร่วมคลาสฝึกอบรมอีก จำเป็นด้วยหรือไง? พวกเราไม่ใช่นักเรียนนักศึกษา เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ใครจะปลีกตัวจากงานกองโตมาได้?”
“ก็คือ…”
ไป๋จิ่นซานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่อยากเข้าร่วม?”
“ง่ายๆ ละทิ้งฐานะของผู้ฝึกยุทธ์ไป แบบนั้นคงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมแล้ว!”
“ผมแค่มาแจ้งให้ทุกคนทราบเท่านั้น นโยบายนี้ ผมไม่ได้ร่างขึ้นมา ตอนที่สอบประเมินปลายปี การขาดเข้าคลาสฝึกอบรมจะกลายเป็นหนึ่งในรายการประเมินเช่นกัน ไม่สามารถเข้าร่วมคลาสครบหนึ่งเดือน ต้องถูกยกเลิกฐานะของผู้ฝึกยุทธ์! นี่ไม่ใช่ว่าผมตั้งใจสร้างความลำบากให้ทุกคน แต่เป็นการตัดสินใจของเบื้องบน หนึ่งเดือนเท่านั้น แค่สี่อาทิตย์ สามารถแบ่งมาเข้าร่วมสี่ครั้งได้ ยื่นมาขอล่วงหน้าก็พอแล้ว หรือทุกคนจะหาเวลาสี่อาทิตย์ในหนึ่งปีออกมาไม่ได้เชียว? มีเวลาไปเที่ยว มีเวลาไปทำอย่างอื่น เวลาเข้าคลาสฝึกอบรมกลับไม่มี? ในเมื่อผู้ฝึกยุทธ์เสวยสุขตั้งมากมาย จ่ายค่าตอบแทนออกมาเล็กน้อย ทุกคนคงไม่ขัดอะไรใช่หรือเปล่า? ขอแค่ให้พวกคุณเข้าร่วมคลาสฝึกอบรม ไม่ได้ส่งไปตาย ยังโต้ตอบรุนแรงแบบนี้ หากบังคับให้พวกคุณเข้าสู่สนามรบ คงไม่ใช่ว่าจะก่อกบฏหรอกนะ!”
พูดมาถึงตอนท้าย ไป๋จิ่นซานไม่เผยความอ่อนโยนให้เห็นอีกแล้ว เอ่ยอย่างเยียบเย็นว่า “ผมบอกไปแล้ว นี่คือคำสั่ง! ทุกคนต้องปฏิบัติตาม! นอกจากทุกคนในที่นี่ คนอื่นที่ไม่มา พวกเราจะแจ้งให้ทราบเหมือนกัน บางคนแสร้งทำไม่รู้ แสร้งว่าไม่ได้รับข่าว ไม่เป็นไร ผลที่ตามมาจะแจ้งผ่านเอกสาร บางคนไม่ร่วมคลาสฝึกอบรม ไม่เข้าร่วมการประเมินปลายปี จะถูกริบฐานะผู้ฝึกยุทธ์ทันที ทั้งยกเลิกสิทธิพิเศษทั้งหมดของผู้ฝึกยุทธ์! ภาษีที่ได้รับการงดเว้น ลดไปเท่าไหร่ จะต้องชดเชยคืนเท่านั้น ไม่ว่าจะกิจการ การเมือง ทำอาชีพในวงการไหนล้วนเหมือนกัน ในเมื่อคุณไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์แล้ว คุณก็ต้องทำเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ต้องแบกรับหน้าที่อะไรก็ต้องแบกรับหน้าที่นั้นไป อีกอย่าง ผู้ฝึกยุทธ์บางคนใช้ประโยชน์จากความอภิสิทธิ์ ตัวเองเคยทำอะไรไว้คงรู้อยู่แก่ใจดี เมื่อก่อนไม่ซักไซ้เอาความ แต่ตอนนี้ต้องถูกตรวจสอบอย่างถึงที่สุด”
“ทุกคนผมบอกไปแล้ว ไม่ใช่ว่าผมสร้างความลำบากใจให้ทุกคน พวกคุณเป็นผู้ฝึกยุทธ์! ถ้าไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ พวกคุณจะร่ำรวยมีกินได้ยังไง คนธรรมดาที่ไม่ด้อยไปกว่าพวกคุณทำได้เป็นแค่ผู้ช่วย เป็นแค่ลูกมือ? เมื่อก่อนรัฐบาลปฏิบัติกับพวกคุณเป็นพิเศษ นั่นเพราะหวังให้ทุกคนสามารถทุ่มเทเพื่อประเทศชาติ อุทิศตนให้กับสังคมนี้! แต่ตอนนี้ดูแล้ว เห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่มีความคิดนี้…เอาแต่เรียกร้อง กลับไม่คิดตอบแทน พวกคุณคิดว่าเหมาะสมแล้ว?”
ทุกคนพูดไม่ออกอยู่บ้าง แต่ยังมีคนเอ่ยค้านออกมา “ผู้บัญชาการไป๋ ทำแบบนี้จะโกลาหลวุ่นวายไปหมด! คลาสฝึกอบรมเป็นเรื่องจำเป็นหรือไง? ไม่ใช่ว่าก่อตั้งทีมรบแล้วเหรอ? อย่างมากพวกเราครอบครัวหนึ่งก็บริจาคกันคนละเล็กละน้อย ให้ผู้ฝึกยุทธ์ในทีมรบได้ฝึกฝนกันดีๆ นี่เป็นผลดีกว่าให้ตาแก่อย่างพวกเราเข้าร่วมคลาสฝึกอบรมซะอีก?”
ไป๋จิ่นซานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ว่า…ผมบอกเลยไม่มีประโยชน์ หรือพวกคุณจะให้ผมไปเสนอความคิดกับผู้ว่าจาง? เบื้องบนตัดสินเป็นเอกฉันท์แล้ว พวกเรา…มีเพียงต้องปฏิบัติตาม! บอกทุกคนตามตรงละกัน ตอนนี้มีสองทาง หากไม่ทำตามคำสั่งก็ต้องละทิ้งฐานะผู้ฝึกยุทธ์ แน่นอนว่า…พวกคุณสามารถเลือกวิธีที่สามได้ อยากจะลองก่อกบฏดูไหมล่ะ?”
ทุกคนเผยสีหน้าซีดเผือด ก่อกบฏกับปู่แกสิ!
ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม ทั้งยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์มีดีแค่ปราณ พูดตามตรงแทบไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา?
ผู้ฝึกยุทธ์สูงกว่าระดับกลางขึ้นไปแทบไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ปราณเลย
ส่วนมากผู้ฝึกยุทธ์ปราณจะอยู่ในระดับต่ำกว่าขั้นสาม ตอนนี้เบื้องบนเห็นพ้องตรงกันแล้ว
ผู้ฝึกยุทธ์ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ หน่วยทหารและหน่วยสืบสวนไม่มีใครคัดค้านเช่นกัน
คนธรรมดาแทบอยากให้ผู้ฝึกยุทธ์ปราณอย่างพวกเขาดวงซวยด้วยซ้ำ!
พูดได้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่พอใจ ไม่ได้มีเยอะแยะมากมาย
ผู้ฝึกยุทธ์นับล้านทั่วประเทศ นอกจากผู้ฝึกยุทธ์ในหน่วยทหาร มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้พวกนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ปราณก็มีประมาณสองแสนคน
สัดส่วนไม่ได้ต่ำมาก ถือเป็นหนึ่งในห้าส่วน
ในสองแสนคน อย่างน้อยครึ่งหนึ่งมีความเห็นจะยังไงก็ได้ ในเมื่อต้องประเมิน ก็ประเมินไปเท่านั้น
ส่วนอีกครึ่งเล็กๆ ที่เหลือ แม้ว่าจะไม่พอใจ แต่ได้รับอภิสิทธิ์เสวยสุขมาหลายปี จะทำใจละทิ้งฐานะผู้ฝึกยุทธ์ได้ยังไง คนส่วนมากล้วนยอมทำตามแต่โดยดี
ส่วนที่เหลือบางส่วนเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ อย่างมากคงไม่กี่หมื่นคน น้อยสุดอาจหลักพัน คนพวกนี้นอกเสียจากว่าจะรวมกลุ่มขึ้นมาจริงๆ ไม่งั้นทำได้แค่ปฏิบัติตามข้อบังคับของพวกเขา หรือไม่ก็ละทิ้งฐานะของผู้ฝึกยุทธ์ไปเสีย
ประชากรนับพันล้านของจีน มีแค่คนกลุ่มน้อยที่ไม่พอใจผู้ฝึกยุทธ์ปราณ ไม่อาจสร้างผลกระทบอะไรมากมาย
ทุกคนพูดเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ ฟางผิงกลับพยักหน้าเบาๆ สมควรที่จะเปลี่ยนแล้ว
แค่นึกไม่ถึงว่าจะเริ่มบังคับใช้ง่ายๆ แบบนี้ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไป๋จิ่นซานกำลังบีบเค้นให้ทุกคนยอมรับเงื่อนไขทั้งหมด
แต่ไม่ยอมรับ คนอื่นๆ จะทำอะไรได้?
คุณไม่เข้าร่วมคลาสฝึกอบรม เบื้องบนไม่ทำอะไรคุณหรอก แค่ยกเลิกฐานะผู้ฝึกยุทธ์คุณเท่านั้น นี่ยุติธรรมสุดๆ แล้ว
แม้จะแพร่กระจายออกไปข้างนอก คนธรรมดาก็จะปรบมือเห็นด้วยเช่นกัน
อาละวาดไปไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก!
“อีกอย่าง…”
ไป๋จิ่นซานเอ่ยต่อทันที “อีกอย่าง สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่ทำได้ยอดเยี่ยม รัฐบาลมีรางวัลให้เหมือนกัน! หลังจากนี้นักศึกษาศิลปะการต่อสู้ ผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าหน่วยทหาร คนพวกนี้รัฐบาลในพื้นที่จะมีนโยบายสนับสนุน รวมทั้งจัดสรรงานให้คนในบ้าน ธุรกิจของครอบครัวจะมีนโยบายช่วยเหลือเช่นกัน ตัวเองฝึกวิชาจนขาดแคลนทรัพยากร รัฐบาลในพื้นที่จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งเปิดทางอนุมัติเงินกู้ นอกจากนี้นักศึกษาดีเด่นอย่างฟางผิงหรือคนจากหน่วยทหาร ล้วนสามารถได้รับรางวัล! ก่อนหน้านี้นักศึกษาฟางผิงทำได้ยอดเยี่ยมในการแข่งขันแลกเปลี่ยน ทางการหยางเฉิงตัดสินใจให้รางวัลนักศึกษาฟางผิงเป็นเงินห้าแสนหยวน หวังให้นักศึกษาฟางผิงมีความพยายามอย่างไม่ลดละ ก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางหรือกระทั่งปรมาจารย์!”
ฟางผิงตะลึงไปเล็กน้อย จะให้เงินฉันห้าแสน?
สรุปแล้วให้ฉันเทียวมาที่นี่เพราะมาเอาเงินอย่างนั้นเหรอ?
ห้าแสน ฟางผิงไม่ได้สนใจขนาดนั้น
ประเด็นหลักอยู่ที่ท่าทีของรัฐบาลเปลี่ยนไปแล้ว!
จากเมื่อก่อนที่ปล่อยปะละเลย ตอนนี้เริ่มมีแผนให้จัดระเบียบเข้าด้วยกัน
จัดระเบียบสังคมผู้ฝึกยุทธ์ให้คนพวกนี้เข้าร่วมคลาสฝึกอบรม ฝึกฝนเคล็ดวิชาต่อสู้ เมื่อเป็นแบบนี้ไม่กี่ปีในอนาคต คงผลิตผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถสู้รบได้ออกมานับแสนคน
ฟางผิงค้นพบว่าหลังการแข่งขันแลกเปลี่ยนสิ้นสุดลง การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ถึงตอนนี้กระทั่งเมืองเล็กๆ อย่างหยางเฉิงยังมีการเปลี่ยนแปลง
แม้จะไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น ทั้งให้แค่ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมมาเข้าร่วมคลาสฝึกอบรมหนึ่งเดือนต่อปี แต่การเปลี่ยนแปลงพวกนี้จะค่อยๆ ครอบคลุมจนเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด
พูดเรื่องพวกนี้จบแล้ว ไป๋จิ่นซานเห็นบรรยากาศตึงเครียดขึ้นมา จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกคนไม่ต้องเคร่งเครียด อันที่จริงไม่ใช่หรือที่เหนือบ่ากว่าแรงอะไร คลาสฝึกอบรมไม่ได้ยากเหมือนที่ทุกคนคิด เป็นคลาสที่สบายๆ คิดเสียว่าเป็นคลาสฝึกอบรมของเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่ให้ทหารมาคุมทั้งหมด คุณจะสะสางเรื่องธุรกิจ โทรศัพท์ ดูทีวีล้วนทำได้ทั้งนั้น!”
ตอนแรกใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ตอนนี้กลับปลอบใจซะแล้ว
—
ไป๋จิ่นซานปลอบใจอยู่ยกใหญ่ อารมณ์ของทุกคนจึงดีขึ้นมาไม่น้อย
หนึ่งเดือนไม่ใช่เวลาสั้นๆ แต่แบ่งเป็นสี่ครั้ง ครั้งหนึ่งหนึ่งอาทิตย์ ใช่ว่าจะรับไม่ได้ถึงขนาดนั้น ไม่ใช่การจำคุกสักหน่อย เข้าร่วมคลาสฝึกอบรมยังสามารถจัดการธุรกิจของตัวเองได้ตามปกติ
ทั้งผู้ฝึกยุทธ์หลายคนอยู่รวมกัน ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถขยายเส้นสาย เปิดตลาดได้กว้างอีกหน่อย
ไป๋จิ่นซานพูดไม่ผิด นี่ไม่ต่างอะไรกับคลาสอบรมเจ้าของธุรกิจในสังคมทั่วไปนัก
ทุกคนปลอบใจตัวเอง ไม่ปลอบใจคงไม่ได้ พวกเขาไม่มีอำนาจพอ นอกจากจะละทิ้งฐานะผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ ไม่งั้นเรื่องนี้คงไม่มีทางแข็งข้อได้
ฟางผิงคิดว่าจะมาเสียเปล่า สุดท้ายกลับได้ห้าแสนมาฟรีๆ นับว่าคาดไม่ถึงเช่นกัน
งานชุมนุมในวันนี้ประเด็นสำคัญก็คือเรื่องนี้
ส่วนเรื่องการรับสมัครทีมรบ จัดการสมาชิกหรือขาดแคลนเงินทุน ไป๋จิ่นซานล้วนไม่เอ่ยถึง เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้หยางเฉิงสามารถจัดการได้
ในตอนที่ฟางผิงเตรียมจะจากไป ไป๋จิ่นซานกลับรั้งตัวฟางผิงไว้ก่อน
ฟางผิงตกใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าคนๆ นี้จะเรียกหาตัวเองทำไม แต่เขาทำได้เพียงหยุดฝีเท้าเท่านั้น
——————