ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 173 คนที่คำนวณเป็นถึงจะมีข้าวกิน (1)
ตอนที่ 173 คนที่คำนวณเป็นถึงจะมีข้าวกิน (1)
“นักศึกษาฟางผิง ฝีมือก้าวหน้าขึ้นอีกแล้วสินะ ตอนนี้เธอมีห้าร้อยยี่สิบคะแนนแล้ว?”
ตาเฒ่าหลี่เผยสีหน้ากระตือรือร้น หัวเราะร่า “เข้าสู่ขั้นสองแล้ว ได้รับหนึ่งร้อยคะแนน…”
ฟางผิงตัดบทว่า “อาจารย์หลี่ ขนาดห้าร้อยยี่สิบคะแนนคุณยังรู้ นักศึกษามีเยอะขนาดนี้ คุณจับตาดูคะแนนของทุกคนเลยสินะ?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ดูพูดเข้า ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ฝ่ายบริการ ข้อมูลพื้นฐานพวกนี้ฉันต้องรู้อยู่แล้วสิ!”
ฟางผิงไร้คำจะพูด สักพักจึงเอ่ยว่า “อาจารย์มียาชุบร่างกายหรือเปล่า?”
“มี! มีอยู่แล้ว!”
ตาเฒ่าหลี่เผยสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที นักศึกษาฟางผิงเป็นลูกค้าชั้นยอดจริงๆ!
ยาบำรุงที่ไม่เป็นที่นิยมยังซื้อ!
ก่อนหน้านี้ยังไม่ทะลวงขั้นสอง ซื้อล่วงหน้าไปสองเม็ดยังพอว่า ตอนนี้เข้าสู่ขั้นสองแล้วยังซื้อต่อ คงจะใช้เงินตามใจตัวเองจริงๆ
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ อันที่จริงยาชุบร่างกายเป็นเพียงตัวช่วย
ภารกิจหลักๆ ของพวกเขาคือการหลอมกระดูก หลอมกระดูกได้ที่แล้ว ร่างกายจะถูกหลอมตามเช่นกัน
ในทางตรงข้ามหากชุบร่างกายแต่ไม่หลอมกระดูกคงไม่มีประโยชน์
“อาจารย์หลี่ คุณว่าตอนนี้ผมมีแค่ห้าร้อยยี่สิบคะแนน แลกเปลี่ยนยาชุบร่างกาย พอจะลดให้ผมหน่อยได้หรือเปล่า?”
“หื้ม? นี่เธอจะ…”
“ยี่สิบคะแนนต่อหนึ่งเม็ด ผมแลกหมดเลย!”
“แลกหมดเลย? เธอจะเอายาชุบร่างกายไปทำอะไรนักหนา?”
ตาเฒ่าหลี่ทำหน้าสงสัย ฟางผิงเอ่ยทันที “หรืออาจารย์ไม่รู้ว่าผมดูดซึมยาบำรุงได้เร็ว? แต่ช่วงนี้ผมพบว่าดูดซึมยาบำรุงไวมีผลเสียเหมือนกัน หลอมกระดูกเร็วขึ้น แต่ร่างกายนั้นตามไม่ทัน เฮ้อ ไม่มีวิธีอื่น ทำได้แค่สิ้นเปลืองใช้เงินแลกเปลี่ยนเป็นยาชุบร่างกายอย่างนี้”
“ยังมีผลเสียแบบนี้อีกเหรอ…”
ตาเฒ่าหลี่รู้เรื่องนี้ ฟังจบจึงพึมพำออกมา “ว่าแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่สมบูรณ์แบบไปเสียหมด”
ฟางผิงพูดแบบนี้ เขากลับรู้สึกเห็นใจอยู่บ้าง
ซื้อยาชุบร่างกายเป็นการใช้เงินสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุจริงๆ
แต่มาคิดดู ย่อยสลายยาได้ไว หลอมกระดูกอย่างรวดเร็ว นี่ก็เป็นเรื่องดี ทำได้เพียงพูดว่าทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
พิจารณาจากตอนนี้ข้อดีน่าจะมีมากกว่าข้อเสีย
“ยี่สิบคะแนนไม่ได้ ตาแก่อย่างฉันจะออกหน้าให้ละกัน ห้าร้อยยี่สิบคะแนน ให้เธอสิบแปดเม็ด มากสุดได้แค่นี้!”
“แค่สิบแปดเม็ด? อาจารย์ ผมซื้อเยอะขนาดนี้…”
“ไม่ซื้อไม่บังคับ ให้ถูกกว่านี้ไม่ได้แล้ว เจ้าเด็กนี้อย่าเอาแต่คิดฉวยผลประโยชน์”
ฟางผิงแห้งเหี่ยวอยู่บ้าง ตาเฒ่าหลี่หลอกยากจริงๆ
ก่อนหน้านี้ทรัพย์สินของเขาเกินยี่สิบล้านไปแล้ว
ตั้งแต่ปิดเทอมจนกระทั่งถึงตอนนี้ฟางผิงหลอมกระดูกถึงเจ็ดสิบชิ้น กระดูกช่วงบนแปดชิ้น รวมกับเงินรางวัลที่หยางเฉิงให้อีกห้าแสน ค่าทรัพย์สินจึงเหลือเพียงสิบแปดล้านห้าแสน
เมื่อครู่ไปรับมาหนึ่งร้อยคะแนน จึงเพิ่มถึงยี่สิบล้านห้าแสนอีกครั้ง
ซื้อยาชุบร่างกายสิบแปดเม็ด ราคาในตลาดเม็ดละหนึ่งล้าน ระบบจะเพิ่มค่าทรัพย์สินให้เขาเจ็ดแสน สิบแปดเม็ดก็เป็นสิบสองล้านหกแสน
หักเงินสิบล้านสี่แสนที่มาจากคะแนนห้าร้อยยี่สิบออกไป คำนวณแล้ว เขาจะได้ค่าทรัพย์สินเพิ่มอีกสองล้านสองแสน
ฟางผิงกัดฟัน กำลังคิดจะผงกหัว จู่ๆ ก็ถามออกมาว่า “อาจารย์ ถ้าผมใช้เงินสดซื้อสิบแปดเม็ด เม็ดละแปดแสนได้หรือเปล่า?”
“หื้ม?”
ตาเฒ่าหลี่มองเขาอย่างแปลกใจพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยว่า “เธอแน่ใจ?”
“แน่ใจครับ!”
“ทำได้ เธอเป็นนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้ ถ้าจะใช้เงินสดซื้อจริงๆ สามารถลดให้สิบเปอร์เซ็นต์ได้…ยี่สิบเปอร์เซ็นต์คงไม่ได้ สิบแปดเม็ดไม่ใช่ถูกๆ เก้าหมื่นต่อเม็ดก็เป็นสิบหกล้านสองแสน”
“อาจารย์ คุณคำนวณเป็นหรือเปล่าเนี่ย? ผมใช้เงินเก้าแสนแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนก็เป็นสามสิบคะแนน ไม่ต้องลดยังสามารถซื้อยาชุบร่างกายได้ ตอนนี้ใช้เงินสดซื้อ ถ้ายึดตามมาตรฐานนี้ต้องลดให้ผมอีกสิบเปอร์เซ็นต์ แปดแสนคงไม่มากเกินไปมั้งครับ? คำนวณทั้งหมดแล้ว จะเป็นเงินสิบสี่ล้านสี่แสนถูกหรือเปล่า? คุณปัดเศษให้ผมอีกหน่อยก็เป็นสิบสี่ล้าน คงไม่มีปัญหาสินะครับ?”
“…”
จู่ๆ ตาเฒ่าหลี่ก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองไม่สามารถจะพูดอะไรได้แล้ว
ใช้คะแนนแลกดีๆ กลับเปลี่ยนเป็นใช้เงินซื้อ แล้วมาให้เขาลดราคาอีกครั้ง
ชำเลืองมองฟางผิงอยู่พักหนึ่ง ก่อนตาเฒ่าหลี่จะเอ่ยอย่างแปลกใจ “เธอเหลือคะแนนไว้จะไม่ใช้เหรอไง?”
“ใช้สิครับ เดี๋ยวค่อยใช้ คุณบอกมาก่อนตกลงได้หรือเปล่า?”
“เอ่อ…”
ตาเฒ่าหลี่ลังเลเล็กน้อย ท้ายที่สุดยังคงพยักหน้าว่า “แค่ครั้งนี้นะ อย่าเอาไปพูดข้างนอกล่ะ”
ความจริงพูดไปก็เสียเปล่า เดิมทียาชุบร่างกายแทบไม่มีใครซื้ออยู่แล้ว
“ขอบคุณครับอาจารย์” ฟางผิงดีอกดีใจ เอ่ยไปว่า “งั้นคุณช่วยแลกยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาให้ผมสักหนึ่งร้อยแปดสิบเม็ดก่อน…”
ตาเฒ่าหลี่พูดอะไรไม่ออก
เขางงไปหมดแล้ว นี่มันอะไรกัน?
ฟางผิงกลับไม่สนใจเขา แลกยาชุบร่างกายเพื่อขายออกไปเป็นเรื่องยาก เขาไม่มีช่องทางขาย
แลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุงเลือดและปราณยังพอมีทางขาย ขายแล้วแลกเปลี่ยนเป็นเงิน
เปลี่ยนเป็นเงินแล้วค่อยเอาเงินสดมาซื้อยาชุบร่างกาย ยังไงตาเฒ่าหลี่ก็ลดให้เขายี่สิบเปอร์เซ็นต์ เงินพออยู่แล้ว
เมื่อเป็นแบบนี้เขายังจะหาเงินจากราคาต่างได้ เพิ่มค่าทรัพย์สินอีกหลายล้าน
อีกอย่างยังสามารถหาเงินก้อนใหญ่ได้ด้วย!
เรื่องดีแบบนี้ แน่นอนว่าต้องใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มพูนเงินให้ได้มากที่สุด
แต่ราคาต่างจากการค้าขาย ระหว่างทางยังต้องพึ่งคะแนนในการหมุนเวียน ไม่มีคะแนน ฟางผิงคงไม่อาจใช้วิธีนี้ได้
แม้ตาเฒ่าหลี่จะงง แต่ยังคงพยักหน้า “ห้าร้อยยี่สิบคะแนนแลกได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเม็ด…”
“อาจารย์ คุณเพิ่งบอกว่าจะลดราคาให้ผมไม่ใช่เหรอ? คุณลองคิดดู ยาชุบร่างกายสามสิบคะแนนต่อหนึ่งเม็ด สิบแปดเม็ดก็คือห้าร้อยสี่สิบคะแนน สามารถแลกยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาได้หนึ่งร้อยแปดสิบเม็ดไม่ใช่เหรอครับ? ผมแทบไม่ได้ต่อรอง แค่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเท่านั้น เป็นยาบำรุงอีกชนิดหนึ่ง…”
“แต่ว่า…”
“อาจารย์ คุณว่าผมพูดถูกหรือเปล่าล่ะ? ตรงตามหลักเกณฑ์ไหม? จะมาลดยาบำรุงผมอย่างไร้เหตุผลไม่ได้นะ?”
ตาเฒ่าหลี่ยังคงงงต่อ มีอะไรผิดปกติตรงไหนหรือเปล่านะ?
ยาชุบร่างกายเป็นสินค้าขายยาก ฉันถึงได้ลดราคาให้เธอ แต่ยาบำรุงเลือดและปราณกลับไม่ใช่!
ตาเฒ่าหลี่ที่ยังงุนงงชำเลืองตามองเขาหลายครั้ง ก่อนจะเอ่ยว่า “เธอคิดจะซื้อยาบำรุงเลือดและปราณแล้วขายออกไป ดูว่าพอจะสามารถขายได้เยอะกว่าสิบสี่ล้านหรือเปล่า จากนั้นจะได้เสียเงินน้อยลง?”
“อาจารย์ฉลาดจริงๆ ครับ!”
ฟางผิงประจบทันที อันที่จริงหาเงินกลับไม่ใช่เรื่องหลัก สิ่งที่สำคัญคือราคาต่างของค่าทรัพย์สินที่ค่อนข้างมากต่างหาก
แน่นอนว่าได้เงินเช่นกัน แม้จะขายในราคาแปดหมื่นแปดพันต่อหนึ่งเม็ดให้ข้างนอก หนึ่งร้อยแปดสิบเม็ดก็จะเป็นเงินสิบห้าล้านแปดแสนสี่หมื่นแล้ว เกินสิบสี่ล้านมานิดหน่อย
“ฟางผิง!”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยเสียงจริงจัง “มหาวิทยาลัยจัดสรรยาบำรุงให้พวกเธอ ไม่ได้ให้พวกเธอเอาไปขายข้างนอก! หลายครั้งก่อนฉันอุตส่าห์ปิดตาข้างหนึ่งให้เธอ หากเรื่องนี้ถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด เธอต้องถูกหักคะแนน! ยาบำรุงเลือดและปราณหลายร้อยเม็ดถูกขายอยู่ข้างนอก นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ…”
ฟางผิงเอ่ยอย่างน่าสงสาร “อาจารย์ ไม่ใช่ว่าผมอยากทำเรื่องพวกนี้ ขายหน้าขายตาผู้ฝึกยุทธ์ แต่สถานการณ์บ้านของผม มหาวิทยาลัยก็รู้ดี ที่บ้านช่วยเหลือผมไม่ไหว ผมและพวกจ้าวเหล่ยไม่เหมือนกัน ผมต้องประหยัดเงิน ผมเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่งไม่มีรายได้อะไร ทำได้แค่หาผลประโยชน์ทางนี้ ยิ่งไปกว่านั้น คะแนนของผมก็เป็นผมเองที่หามาอย่างยากลำบาก หามาได้เท่าไหร่ก็ใช้ออกไปได้เท่านั้น ถ้าผมหาคะแนนไม่ได้ คุณว่าผมจะมียาบำรุงไปขายหรือเปล่าล่ะ? คุณว่าใช่หลักการนี้ไหม? ผมอับจนหนทางจริงๆ หากคุณไม่พูด ใครจะสาวเรื่องนี้ได้ ผมก็ไม่ได้เอาไปขายปลีกข้างนอก คุณคิดว่าอย่างนั้นไหมล่ะ?”
ขายความน่าสงสารยังคงได้ผล ฟางผิงพูดไม่ผิดเสียทีเดียว หากเขาไม่มีคะแนน คงทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้
——————-