ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 173-2 คนที่คำนวณเป็นถึงจะมีข้าวกิน (2)
ตอนที่ 173 คนที่คำนวณเป็นถึงจะมีข้าวกิน (2)
ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจ เอ่ยปากว่า “ครั้งนี้ฉันจะปล่อยไป เธอขายยาบำรุงออกไปมากขนาดนี้ ไม่ช้าก็เร็วจะถูกจับได้!”
ตาเฒ่าหลี่ไม่ได้ขู่ฟางผิง เด็กนี้ขายยาบำรุงจำนวนมาก ไม่นานคงเกิดเรื่องแน่
ตอนนี้ขายระหว่างนักศึกษาด้วยกันเองยังพอว่า หากขายออกไปข้างนอก ยาบำรุงมากมายขนาดนี้ ถูกจับได้ ฟางผิงจะถูกปรับจนสิ้นเนื้อประดาตัว ต่อให้กรีดเลือดขายยังไม่พอนำมาใช้หนี้ด้วยซ้ำ
“ผมจะระวัง จะระวังอย่างแน่นอน!”
ฟางผิงเผยสีหน้าดีใจ หาเงินกองโตเข้ากระเป๋าได้อีกครั้งแล้ว
ตาเฒ่าหลี่ไม่มากความเช่นกัน แลกเปลี่ยนยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาให้ฟางผิงหนึ่งร้อยแปดสิบเม็ด
เวลาชั่วพริบตาค่าทรัพย์สินของฟางผิงก็เพิ่มขึ้นอีกสองล้านสองแสน แตะถึงยี่สิบสองล้านเจ็ดแสน
“ฟินชะมัด!”
ฟางผิงดีใจออกนอกหน้า ไม่พูดพร่ำทำเพลง ได้ยาบำรุงก็วิ่งทันที
“ไอ่หนู ยาชุบร่างกายของเธอ…”
“ขายแล้วผมจะมาอีกที!”
ฟางผิงวิ่งไปพลางพูดไปพลาง ไม่นานก็หายลับไปแทบไม่เห็นเงา
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัว เวลานี้เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ด้านข้างกระซิบว่า “ผู้เฒ่าหลี่ นี่เหมาะสมแล้วเหรอ? เขาแลกเปลี่ยนยาบำรุงเลือดและปราณไปนับร้อยเม็ด…”
“นั่นเพราะความสามารถของเขา ขอแค่ไม่รบกวนกลไกตลาดคงไม่เป็นไร ยิ่งไปกว่านั้นแค่ไม่กี่ร้อยเม็ดจะเป็นไรไป”
“แต่ว่า…”
“ฉันรู้จักความเหมาะสมอยู่แล้ว!”
เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่กล้าพูดอะไรอีก ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจอีกครั้ง ปล่อยให้ฟางผิงทำแบบนี้ เพราะฐานะทางบ้านของเขาไม่ค่อยดี เด็กที่เกิดในครอบครัวธรรมดา คิดจะลืมตาอ้าปากไม่ใช่เรื่องง่าย
ฟางผิงสามารถช่วงชิงคะแนนได้เยอะขนาดนี้ ทั้งนำมาแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุง ใช้ประโยชน์จากราคาต่าง นี่ถือเป็นความสามารถของตัวเองเช่นกัน
ไม่มีความสามารถ หวังแค่ห้าสิบคะแนนที่มหาวิทยาลัยส่งให้คุณ จะหาเงินจากราคาต่างได้ยังไง
—
“ฮัลโหล ฟู่ชางติ่ง บ้านนายอยากได้ยาบำรุงเลือดและปราณหรือเปล่า?”
“หา?”
“ยาบำรุงเลือดและปราณ จะเอาไหม?”
“มาอีกแล้ว!” ฟู่ชางติ่งที่อยู่ปลายสายเอ่ยอย่างตกใจ “อย่าบอกนะว่านายเป็นบ้าเอาคะแนนรางวัลมาแลกเป็นยาบำรุงอีกแล้ว?”
“นายเดาถูกแล้ว ตอนนี้อยู่มหาวิทยาลัยหรือเปล่า…”
“ไม่อยู่ แล้วก็ไม่ซื้อด้วย บ้านฉันมีพอใช้แล้ว”
“เชอะ จะพูดเยอะทำไม ฉันไปหาคนอื่นละกัน”
“…”
วางสายแล้ว ฟางผิงครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนจะโทรศัพท์ไปถามจ้าวเสวี่ยเหมย
จ้าวเสวี่ยเหมยไม่ต้องการเหมือนกัน ตอนนี้บ้านเธอมีแค่เธอใช้ยาบำรุงเพียงคนเดียว
ไม่มีทางอื่นแล้ว ฟางผิงจึงโทรไปถามหยางเสี่ยวม่านและเฉินอวิ๋นซี สองคนนี้ก็มีเงินเช่นกัน
ปรากฏว่าโทรหาหยางเสี่ยวม่าน นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะกลับมามหาวิทยาลัยแล้ว
ฟางผิงไม่ชักช้า ไปเคาะประตูห้องข้างๆ ทันที
—
“ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหนึ่งร้อยแปดสิบเม็ด ขั้นหนึ่งหกเม็ด ขั้นสองสามเม็ด ตามราคาตลาดยี่สิบเอ็ดล้านเก้าแสน ฉันลดให้เธอเหลือยี่สิบเอ็ดล้านห้าแสน เธอคิดว่าไง?”
หยางเสี่ยวม่านด้านหนึ่งตกใจที่ฟางผิงมียาเยอะถึงขนาดนี้ อีกด้านหน้าก็แค่นเสียงอย่างดูแคลน เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “นายเห็นฉันเป็นคนโง่หรือไง? ราคาตลาดก็คือราคาตลาด นายคิดว่าฉันเหมือนนายหรือไง ซื้อยาบำรุงต้องอิงราคาตลาด? ฉันรู้มาเหมือนกันว่าก่อนหน้านี้นายขายยาบำรุงให้ฟู่ชางติ่ง ลดสิบสองเปอร์เซ็นต์ใช่ไหม สิบสองเปอร์เซ็นต์ก็สิบเก้าล้านถ้วน…”
ฟางผิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันเหมือนคนโง่หรือไง? เห็นชัดๆ ว่าสิบเก้าล้านสองแสนเจ็ดหมื่น…”
“ฟางผิง มันต่างกันด้วยหรือไง? สิบเก้าล้านถ้วน ขายไม่ขายแค่พูดมาประโยคเดียว ไม่ขายก็ช่าง ฉันขี้เกียจจะยุ่งเรื่องพวกนี้เหมือนกัน”
“หยางเสี่ยวม่าน บ้านเธอมีเงิน ลูกหลานคนจนอย่างฉัน เงินกว่าสองแสน เธอรู้ไหมว่าหมายถึงอะไร? ต่อให้แม่ฉันทำงานสามสิบปี พวกเราก็สู้ลูกหลานคนรวยอย่างเธอไม่ได้…”
ฟางผิงเผยท่าทีน่าสงสาร สุดท้ายหยางเสี่ยวม่านจึงยอมแพ้ โอนให้สิบเก้าล้านสามแสนซื้อยาบำรุงของฟางผิงเอาไว้
รอจนเงินเข้าบัญชี ค่าทรัพย์สินของฟางผิงก็เพิ่มขึ้นมาอีกสี่ล้าน!
ระบบประเมินค่ายาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาที่เจ็ดหมื่น ขั้นหนึ่งสองแสน ขั้นสองห้าแสน ก่อนหน้านี้ให้ค่าทรัพย์สินที่สิบห้าล้านสามแสน สรุปแล้วฟางผิงได้เพิ่มขึ้นมาอีกสี่ล้าน ค่าทรัพย์สินจึงอยู่ที่ยี่สิบหกล้านเจ็ดแสน
เงินมาถึงมือ ฟางผิงก็ไม่รอช้า วิ่งไปที่ฝ่ายบริการต่อทันที
—
ตอนนี้ฟางผิงมีเงินสดติดตัวสูงถึงยี่สิบแปดล้านสามแสนหยวน
“อาจารย์ ให้ผมยี่สิบเม็ด สิบห้าล้านคุณว่าเป็นยังไง?”
ตาเฒ่าหลี่ชำเลืองตามองเขา ผ่านไปพักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “ไอ่หนู ถ้ายังต่อรองอีก รีบไปไกลๆ ซะตอนนี้เลย!”
“แค่กๆ…ไม่ได้ต่อรอง สิบแปดเม็ดก่อนหน้านี้คุณบอกแล้วว่าสิบสี่ล้าน งั้นผมซื้ออีกสิบเม็ด ยี่สิบสองล้านเป็นยังไง?”
“ยี่สิบแปดเม็ด เธอต้องการเยอะขนาดนี้เลย?”
ครั้งนี้ตาเฒ่าหลี่ขมวดคิ้วขึ้นมาจริงๆ แม้ว่าร่างกายของฟางผิงจะหลอมตามไม่ทัน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชุบร่างกายเยอะขนาดนี้หรือเปล่า
“อาจารย์ ผมเสียเงินไม่ใช่น้อยๆ วางใจเถอะครับ ครั้งนี้ไม่ได้ขายจริงๆ ยาชุบร่างกายไม่มีลู่ทางขาย”
“เธอรู้ตัวก็ดี”
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัว เป็นเหมือนที่ฟางผิงพูดจริงๆ ยาชุบร่างกายไม่มีลู่ทางขาย นอกจากจะแพงแล้ว คนทั่วไปยังแทบไม่ได้ใช้
ครั้งนี้เสียเงินยี่สิบสองล้านได้ยาชุบร่างกายยี่สิบแปดเม็ดมาอยู่ในมือ ค่าทรัพย์สินกลับไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
—
ออกมาจากฝ่ายบริการ ฟางผิงถอนหายใจยาว
“คะแนนหมดแล้ว เงินสดยังมีหกล้านสามแสน ยาบำรุงมีแค่ยาชุบร่างกายยี่สิบแปดเม็ด ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองหนึ่งเม็ดรวมทั้งยารักษาบาดแผลอีกส่วนหนึ่ง”
มองค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นของตัวเอง ฟางผิงกลับพอใจอยู่บ้าง
ทรัพย์สิน : 26,700,000
ปราณ : 350 แคล (366 แคล)
จิตใจ : 310 เฮิรตซ์ (319 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 70 ชิ้น (90%) , 6 ชิ้น (40%) , 130 ชิ้น (30%)
“ใช้ระบบหลอมกระดูกทั้งหมดต้องใช้ค่าทรัพย์สินสามสิบสามล้าน แต่เดือนนี้ฉันก็หลอมกระดูกด้วยตัวเองเหมือนกัน คงจะประหยัดได้ไม่น้อย ใช้ยาชุบร่างกายวันละเม็ด ฟุ่มเฟือยจริงๆ ยี่สิบแปดเม็ดใช้ได้หนึ่งเดือน ผ่านไปหนึ่งเดือน ฉันคงสามารถหลอมกระดูกช่วงบนสำเร็จแล้วสินะ?”
ฟางผิงคำนวณอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายยังจนใจอยู่บ้าง
หากทำแบบนั้นจริงๆ พอถึงขั้นสองสูงสุด ค่าทรัพย์สินและยาบำรุงของเขาคงหมดเกลี้ยงแล้ว
เหลือแค่เงินไม่กี่ล้าน รวมกับยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองหนึ่งเม็ด อาจจะไม่สามารถทำให้เขาทะลวงขั้นสามได้เสมอไป
อีกอย่างเคล็ดวิชายังต้องฝึกต่อ?
“ใช้เงินพวกนี้แล้ว…หากบริษัทหาเงินไม่ได้ ฉันคงสิ้นเนื้อประดาตัวแน่!”
ตอนนี้ฟางผิงรีบทะลวงขั้นเพราะคำพูดของไป๋จิ่นซาน ไม่นานปากทางเข้าถ้ำอาจปรากฏขึ้นที่แถบหนานเจียง
หากมาถึงเวลานั้นจริงๆ แม้จะไม่มีคนบังคับให้เขากลับหนานเจียง แต่ถ้ามีความสามารถจริงๆ ฟางผิงก็ไม่คิดจะนั่งดูดายมองหนานเจียงเกิดความสูญเสียเช่นกัน
เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างคนหนึ่ง บางทีอาจช่วยอะไรไม่ได้นัก แบ่งเบาภาระได้ก็เพียงพอแล้ว
บางครั้งฟางผิงยังนับว่ามีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
—
“เงินและค่าทรัพย์สิน ไม่พอให้ใช้ไปตลอด เฮ้อ เจอเรื่องยากแล้ว!”
ฟางผิงถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนหน้านี้คิดว่าตัวเองฝึกวิชาถึงขั้นสองสูงสุด คงจะเหลือค่าทรัพย์สินเพียงพอให้ฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้อยู่บ้าง
แต่ตอนนี้จะพรวดพราดทะลวงขั้น ต้องการทำเวลา นั่นจำเป็นต้องสิ้นเปลืองมหาศาล
ส่วนฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้…ต้องดูว่าจะหลอกอะไรจากหลู่เฟิ่งโหรวมาได้บ้างหรือเปล่า อาจารย์ของเขารวยจะตาย
ฟางผิงไม่ได้กลับหอพัก ตรงดิ่งออกไปข้างนอก เขายังต้องซื้อรถสักคัน ถือโอกาสไปดูทางบริษัทด้วย
ผ่านไปนานขนาดนี้ ยังไงบริษัทก็ต้องมีความก้าวหน้าบ้างแหละ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ฟางผิงยังมีชื่อเสียงขึ้นมาแล้ว ทางเมืองมหาวิทยาลัยน่าจะไม่มีคนกล้าก่อความวุ่นวายอีก
ลงทุนบริษัทไปกว่าสิบล้าน จนถึงตอนนี้ยังไม่มีกำไร ฟางผิงร้อนใจอยู่บ้างเหมือนกัน
——————-