ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 176 รับสมัคร (1)
ตอนที่ 176 รับสมัคร (1)
โซนหอพักนักศึกษาใหม่
ฟางผิงไปยืมโต๊ะจากฝ่ายบริการมาตัวหนึ่ง มองไปรอบทิศทาง ก่อนจะเห็นใครบางคนคุ้นหน้า รีบตะโกนทันที “นายอ้วนคนนั้น!”
กัวเซิ่งกำลังลากกระเป๋าใบใหญ่ เงยหน้าเจอฟางผิงก็งุนงงอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ เหล่ากัว กัวเซิ่งสินะ!”
ฟางผิงเกือบจะลืมชื่ออีกฝ่ายไปแล้ว ดีที่ยังนึกขึ้นมาได้
เขาตะโกนทักทาย ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “รู้จักฉันหรือเปล่า?”
กัวเซิ่งพยักหน้าอย่างงงๆ รู้จักอยู่แล้ว จะไม่รู้จักได้ยังไง! ทุกคนแทบจะเคยอัดเขา!
แน่นอนว่า การแข่งขันแลกเปลี่ยนหลายวันก่อน เขาก็ไปดูเช่นกัน จะไม่คุ้นหน้าหัวหน้าทีมของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้ยังไงกัน
“มาๆๆ เพิ่งกลับมาถึงมหาวิทยาลัยใช่ไหม?”
“อืม”
“ฉลองปีใหม่ผ่านไปได้ด้วยดีสินะ ฉันเห็นว่านายอ้วนขึ้นมาอีกแล้ว”
“อ้วนขึ้น?”
กัวเซิ่งหม่นหมองอยู่บ้าง พูดเสียงเบาว่า “ฉันกินไปไม่เท่าไหร่เอง”
ฟางผิงไม่สนว่าเขาจะอ้วนหรือไม่อ้วน เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันทะลวงขั้นสองแล้ว”
“หา?”
กัวเซิ่งยังคงงุนงง นายทะลวงขั้นสองแล้วมาบอกฉันทำไม?
ผ่านมาหนึ่งเทอม ตอนนี้ปราณของกัวเซิ่งถึงหนึ่งร้อยห้าสิบแคลแล้วเช่นกัน
แต่อาจารย์ที่นี่แนะนำให้ทุกคนบ่มเพาะปราณให้ถึงขีดจำกัด
ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองยังไม่ถึงขีดจำกัด ดังนั้นจึงยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์
ได้ยินฟางผิงบอกว่าตัวเองทะลวงขั้นสองแล้ว กัวเซิ่งยังคงอิจฉาอยู่บ้าง
“เดือนหน้าฉันน่าจะอยู่ขั้นสองสูงสุดแล้ว”
“หา?”
“ฉันว่าเทอมนี้อาจจะถึงขั้นสามหรือกระทั่งขั้นสี่ จบมหาวิทยาลัยอย่างน้อยคงอยู่ที่ขั้นห้าขั้นหกเป็นอย่างต่ำ ครอบครัวของนายมีปรมาจารย์หรือเปล่า?”
“ไม่มี”
“พ่อนายเหมือนจะอยู่ขั้นหนึ่งสินะ ปู่ของนายล่ะ?”
“ปู่ของฉันไม่อยู่แล้ว” กัวเซิ่งตอบอย่างซื่อๆ
“พูดแบบนี้แสดงว่าในครอบครัว พ่อของนายแข็งแกร่งที่สุดแล้ว?”
“ไม่ใช่ แม่ของฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม”
ฟางผิงตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะไม่ใส่ใจ หัวเราะว่า “แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง ฉันก็มีอนาคตไกล นายคงเห็นด้วยกับเรื่องนี้ใช่ไหม?”
กัวเซิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมฟางผิงต้องมาโอ้อวดเรื่องพวกนี้กับตัวเอง แต่ยังคงพยักหน้าอย่างใสซื่อ
“อืม พวกอาจารย์ก็พูดเหมือนกัน นายเป็นอัจฉริยะที่มีฝีมือและเฉลียวฉลาดในรุ่นของพวกเรา”
“ดังนั้นอัจฉริยะอย่างฉัน ก่อตั้งสมาคมขึ้นมา ตอนนี้กำลังรับสมัครเพื่อนร่วมรบที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เพื่อที่พวกเราจะได้ฝ่าฝันเส้นทางนี้ไปด้วยกัน ค้นหาไปด้วยกัน นายจะร่วมด้วยหรือเปล่า?”
“สมาคม?”
กัวเซิ่งงงงวยอีกครั้ง ฉันเพิ่งจะกลับมามหาวิทยาลัย จู่ๆ ทำไมมาถูกฟางผิงดึงเข้าสมาคมซะได้?
ฉันเก่งขนาดนั้นเลยหรือไง?
ในมหาวิทยาลัยมีสมาคมต่างๆ มากมาย แต่การรวมตัวอย่างสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ในหมู่นักศึกษาใหม่ รับสมัครแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
สมาคมอื่นๆ ก็รับสมัครแต่ผู้ฝึกยุทธ์ พวกเขาที่ยังเป็นคนธรรมดา นอกจากจะหลอมกระดูกสองครั้ง ไม่งั้นคงจะไม่มีใครสนใจ
ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าฟางผิงจะให้เขาเข้าร่วมสมาคม!
กัวเซิ่งนิ่งไปพักหนึ่ง เอ่ยอย่างลังเลอยู่บ้าง “ต้องจ่ายเงินหรือเปล่า? ฉัน…ถ้าแพงเกินไป ตอนนี้ฉันยังมีเงินไม่เยอะ…”
ฟางผิงโมโหขึ้นมาทันที เอ็ดว่า “เห็นฉันเป็นคนยังไงกัน?”
“เพื่อนๆ ทุกคน เดินผ่านมาก็หยุดฟังกันสักหน่อย!”
สองวันนี้เป็นฤดูกาลเปิดเทอม พวกนักศึกษาใหม่ส่วนมากจะกลับมามหาวิทยาลัยในสองวันนี้
ตอนนี้ฟางผิงดักอยู่ตรงปากทางเข้าของโซนนักศึกษาใหม่ เวลาแค่ครู่เดียวก็มีคนมารุมล้อมแปดเก้าคนแล้ว
ฟางผิงเห็นคนเยอะขึ้นเรื่อยๆ จึงตะโกนเสียงดัง “ในมหาวิทยาลัยผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้นที่ถูกให้ความสำคัญ ถูกมองว่าเป็นนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้อย่างแท้จริง! แต่สำหรับนักศึกษาใหม่อย่างพวกเรา กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์นั้นเป็นเรื่องยาก! นักศึกษาเกือบหนึ่งพันหกร้อยคนในปี 2008 จนถึงตอนนี้ คนที่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์มีไม่ถึงห้าร้อยคนเท่านั้น! ผู้ฝึกยุทธ์ว่ายากแล้ว เป็นคนอ่อนแอนั้นยากกว่า!”
“คนธรรมดาแย่กว่าผู้ฝึกยุทธ์หรือไง? ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป! คนที่สามารถเข้าเซี่ยงไฮ้ได้ ใครไม่ใช่อัจฉริยะบ้าง ใครไม่ใช่ลูกรักของสวรรค์บ้าง แล้วทำไมพวกเราถึงก้าวเดินได้ช้า? อย่างแรกเพราะทรัพยากรไม่เพียงพอ ฐานะทางบ้านของพวกเราไม่ดี ผ่านเข้ามาเรียนในเซี่ยงไฮ้จากนักศึกษาหลายพันหลายหมื่นคน แต่เพราะฐานะสู้คนอื่นไม่ได้ พวกเราทำได้เพียงล้าหลังคนอื่นหนึ่งก้าว จำเป็นต้องทุ่มเทความพยายามให้มากกว่าเดิม! อย่างที่สอง พวกเราเริ่มต้นช้า รวมทั้งไม่มีพื้นฐานเหมือนคนอื่นๆ ไม่มีอาจารย์ระดับสูง ไม่มีผู้อาวุโสในบ้านที่แข็งแกร่งให้คำแนะนำ! ฉันไม่ได้มีความหมายดูถูกอาจารย์แต่อย่างใด แต่พวกเรามีคนมากมาย อาจารย์รับลูกศิษย์ได้แค่ไม่กี่สิบคน อาจารย์มีเวลาอธิบายอย่างละเอียดให้พวกเราฟังอย่างนั้นเหรอ? ดังนั้นพวกเราจึงจำเป็นต้องแข็งแกร่งด้วยตัวเอง!”
คล้อยจากเสียงตะโกนของฟางผิง คนที่มามุงดูก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ
โซนหอพักรอบๆ ตอนนี้มีหลายคนเปิดหน้าต่างออกมาดู บางส่วนก็ลงมาตึก มุ่งหน้ามาทางนี้
ฟางผิงเห็นแบบนี้จึงกระโดดขึ้นโต๊ะทันที “สหายทุกคน ฉันอยากรู้ว่าพวกนายพอใจหรือเปล่า? พอใจที่จะจบการศึกษาด้วยฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง! พอใจที่จะล้าหลังคนอื่นไปหนึ่งก้าวตลอดชีวิต! พอใจที่วันนี้สู้คนอื่นไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ยังสู้คนอื่นไม่ได้!”
“พอใจหรือเปล่า?”
ฟางผิงตะโกนดังลั่น เสียงนั้นกระจายไปทั่วโซนหอพัก
ตอนนี้กระทั่งนักศึกษาปีสูงบางส่วนยังได้ยินคำพูดของเขา ด้านข้างหน้าต่างของแต่ละโซนหอพักมีคนมายืนดูไม่น้อย
ฟางผิงตะโกนแล้ว เห็นไม่มีคนผสมโรง ชั่วขณะนั้นจึงลอบร้องในใจว่าผิดแผน ก่อนจะอดถลึงตามองกัวเซิ่งไม่ได้
เวลานี้กัวเซิ่งไม่ใช่คนโง่แล้วเช่นกัน ตะโกนด้วยใบหน้ากระดากอายว่า “ไม่พอใจ!”
“ไม่พอใจ!”
มีนักศึกษาที่ยังไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์บางส่วน อดตะโกนขึ้นตามไม่ได้
“ไม่พอใจ งั้นต้องทำยังไง?”
“พวกเราต้องแข็งแกร่งด้วยตัวเอง!”
“แข็งแกร่งด้วยตัวเองยังไง? พึ่งใครไม่สู้พึ่งตัวเอง!”
“ฉันฟางผิง นักศึกษาปี 2008 ไม่มีครอบครัวสนับสนุน แต่ฉันพึ่งความสามารถของตัวเอง กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่นักศึกษาใหม่ มีใครเห็นต่างหรือเปล่า? มีใครไม่ยอมรับหรือเปล่า? ตอนนี้ฉันทะลวงขั้นสองแล้ว เทอมนี้ฉันต้องเข้าสู่ขั้นสามให้ได้ มุ่งหน้าหาขั้นสี่! อย่าพูดถึงนักศึกษาใหม่เลย จบปีหนึ่งแล้ว ฉันจะไปท้าประลองกับประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ คำพูดนี้ ฉันจะทิ้งไว้ที่นี่ ตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ฉันต้องได้นั่งอย่างแน่นอน!”
คำพูดของฟางผิงหลุดออกมา จู่ๆ ก็มีนักศึกษาปีสูงแค่นหัวเราะว่า “ตอนนี้ประธานจางอยู่ขั้นสี่แล้ว…”
ฟางผิงเงยหน้าทันที ตะโกนว่า “อย่าพูดเหลวไหล นายสู้ไม่ไหว ไม่ได้หมายความว่าคนอย่างฉันจะสู้ไม่ไหว! อย่ามาเห่าหอนกับฉัน ไม่ยินยอม นายก็ลงมา พวกเราไปดูของจริงบนเวทีประลอง!”
“นาย…”
นักศึกษาปีสูงที่อยู่บนตึกทั้งโมโหและอับอายอยู่บ้าง คนด้านข้างดึงเขาไว้ จะลงไปจริงๆ หรือไง
คนที่อยู่ด้านล่างนั่นทะลวงขั้นสองแล้ว ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าหลอมกระดูกไปเท่าไหร่
แม้ว่าคนๆ นี้จะอยู่ขั้นสองเหมือนกัน ทั้งเป็นขั้นสองตอนต้น แต่ระหว่างขั้นสองยังคงมีความแตกต่าง
ฟางผิงเป็นคู่ต่อสู้ที่ไร้เทียมทานในการแข่งขันแลกเปลี่ยน เวลานั้นไม่ใช่ว่าไร้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง
ฟางผิงไม่ยั่วโมโหเขาอีกแล้ว กล่าวต่อว่า “ฉันเกิดในครอบครัวธรรมดา แต่ฉันไม่เคยละทิ้งความฝันของตัวเอง! ปรมาจารย์เป็นเรื่องในไม่ช้าก็เร็ว คนอย่างฉันทำได้แน่! ฉันหวังว่าวันหนึ่ง ทุกคนจะสามารถเป็นปรมาจารย์ได้ แต่ว่านี่ยังต้องการความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของพวกเรา วันนี้ฉันก่อตั้งสมาคมผิงหยวนขึ้นมา เปิดรับสมัครสมาชิก ผู้ที่มีจิตใจแข็งแกร่ง ผู้ที่มีใจบากบั่นไล่ตามเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ถามฐานะตัวตน ไม่ถามลำดับขั้น ไม่ปฏิเสธใครทั้งนั้น แน่นอนว่า ช่วงแรกพวกเราต้องจำกัดสมาชิก จำกัดแค่เล็กน้อยเท่านั้น โควตาอยู่ที่หนึ่งร้อยคน!”
“อย่าถามฉันว่าเข้าสมาคมมีข้อดีข้อเสียอะไร ทุกคนค้นหาไปด้วยกัน แบ่งประสบการณ์ร่วมกัน ต่อสู้ฝ่าฝันเพื่อเป้าหมายเดียวกัน! ฉันจะให้ประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ กับทุกคน ให้สามารถใกล้ชิดกับรุ่นพี่ระดับสูงบางส่วน จะได้รับอะไรจากมือของพวกรุ่นพี่หรือไม่ นั่นอยู่ที่ความสามารถของตัวเอง! ตอนนี้เริ่มต้นแล้ว สมาคมผิงหยวนเปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการ คนที่อยากเข้าร่วมมากรอกข้อมูลลงทะเบียน ไม่อยากเข้า ไม่บังคับ!”
พูดจบ ฟางผิงก็ปราดสายตามองไปทางกัวเซิ่ง
เจ้าอ้วน ยังไม่ช่วยอวยฉันอีก!
อันที่จริงเวลานี้กัวเซิ่งฮึกเหิมขึ้นมาแล้ว ต่อสู้บากบั่นเพื่อความฝันด้วยกัน!
จะมีวันหนึ่งที่ทุกคนสามารถกลายเป็นปรมาจารย์ได้…
นึกไม่ถึงว่าฟางผิงจะยังมีความทะเยอทะยานเช่นนี้!
เสี้ยวนาทีต่อมา กัวเซิ่งก็ตะโกนว่า “ฉันจะเข้าร่วม!”
“ได้ นับนายเป็นหนึ่งแล้ว ฉันไม่สนใจว่าตัวตนฐานะของนายจะเป็นยังไง ผู้ฝึกยุทธ์อย่างฉันสามารถแข็งแกร่งด้วยตัวเองได้!”
—
ด้านนอกฝูงชน
พวกฟู่ชางติ่งก็เพิ่งกลับมาเช่นกัน เห็นสถานการณ์นี้จึงพากันงุนงง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ฟางผิงก่อตั้งสมาคมยังไม่เท่าไหร่ แต่รับทุกคนโดยไม่สนเงื่อนไขเนี่ยสิ
ฟังจากความหมายของเขาแล้ว ยังตั้งใจรับคนที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ นี่จะทำอะไรกัน?
จะพูดว่าเป็นการคัดเลือกทีมสำหรับลงถ้ำในวันข้างหน้าก็ควรจะเป็นพวกเขาในคลาสฝึกพิเศษสิ
ในเมื่อไม่ใช่ งั้นเพื่ออะไรกัน?
หรือจะเป็นเหมือนที่เขาพูดจริงๆ เพื่อช่วยเหลือทุกคน บากบั่นอย่างไม่ท้อถอย รวมตัวกันเพื่อไล่ตามความฝัน?
“เจ้าฟางผิงฉลองปีใหม่เสร็จก็เป็นบ้าซะแล้ว?” ฟู่ชางติ่งพึมพำ
จ้าวเสวี่ยเหมยที่เพิ่งมาถึงเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “เขาไม่ใช่คนที่กลัวความยุ่งยากที่สุดเหรอ? จู่ๆ สร้างสมาคมขึ้นมาทำไม?”
“ใครจะไปรู้”
—————-