ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 179 อยากทำการใหญ่จริงๆ (1)
ตอนที่ 179 อยากทำการใหญ่จริงๆ (1)
พื้นที่ของเขตทางใต้ค่อนข้างกว้าง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีพื้นที่สามหมื่นหมู่ เขตทางใต้นั้นครองไปกว่าห้าพันหมู่แล้ว
พื้นที่กว้างขนาดนี้ สิ่งก่อสร้างกลับมีไม่เยอะ
ไม่ได้มีตึกเรียนหรือหอพักเหมือนพื้นที่อื่นๆ…
เขตทางใต้ นอกจากขอบชายฝั่งที่ไกลลิบตาแล้ว มีเพียงสิ่งก่อสร้างที่อยู่อย่างกระจัดกระจาย
เวลานี้หลู่เฟิ่งโหรวเดินมาอยู่ด้านหน้าตึกแห่งหนึ่ง หันมาเอ่ยว่า “ที่นี่คือสถานที่ผลิตอาวุธ!”
“ผลิตอาวุธ?”
“ใช่ การขึ้นรูปอาวุธโลหะผสม เธอคิดว่ามาจากบริษัทอาวุธหรือไง? ผิดแล้ว ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยทำเองแทบทั้งหมด ที่นี่สามารถขึ้นรูปอาวุธและดำเนินการซ่อมแซมได้ แน่นอนว่ากำลังของมหาวิทยาลัยมีจำกัดเช่นกัน แค่สามารถเติมเต็มความต้องการพวกนักศึกษาของตัวเองเท่านั้น”
นักศึกษาเซี่ยงไฮ้มีไม่เยอะ ดังนั้นอาวุธโลหะผสมของมหาวิทยาลัย ส่วนมากจะผลิตขึ้นรูปเอง
ขั้นตอนภายในมีนักศึกษาและอาจารย์ร่วมด้วยเช่นกัน
นักศึกษาปีสูงสาขาคิดค้นวิจัยบางส่วนมักเข้ามาทำภารกิจที่นี่
“สาขายุทโธปกรณ์เป็นกำลังหลักในการรบ สาขาคิดค้นวิจัยทำหน้าที่คุ้มครองอยู่ข้างหลังเช่นกัน วันข้างหน้าเข้าไปในถ้ำใต้ดิน หากต้องรวมกลุ่ม ทางที่ดีพานักศึกษาสาขาคิดค้นวิจัยไปด้วยคนหนึ่ง พวกเขาสามารถเป็นกำลังหลักได้ จัดการซ่อมแซมอาวุธงานยิบย่อยพวกนี้”
ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย มองตึกใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ที่นี่เป็นโรงงานผลิตอาวุธอย่างง่ายๆ แบบนั้นสินะ
หลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้พาฟางผิงเข้าไปข้างใน ยังคงเดินไปด้านหน้าต่อ
ตึกแห่งที่สอง ไม่นานก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าฟางผิง
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยปากอีกครั้ง “ตึกหมายเลขหนึ่งเป็นสถานที่ผลิตอาวุธ ตึกหมายเลขสอง อันที่จริงสำคัญยิ่งกว่า! ที่นี่คือห้องจำลองการต่อสู้!”
ฟางผิงเผยสีหน้าสงสัยขึ้นอีกครั้ง ห้องจำลองการต่อสู้?
“ในถ้ำใต้ดิน เทคโนโลยีแทบทุกอย่างไม่อาจใช้การได้ ดังนั้นมนุษยชาติจะทำความเข้าใจกับถ้ำใต้ดิน ทำได้เพียงคลำทางไปทีละเล็กทีละน้อย หลายปีมานี้ มนุษยชาติมีข้อมูลของลักษณะภูมิประเทศภายในถ้ำใต้ดินบางส่วน การกระจายทหาร หรือป้อมปราการสำคัญ…ในตึกแห่งนี้ มีแบบจำลองภูมิประเทศของถ้ำใต้ดินสามแห่งที่อยู่ใกล้ๆ เซี่ยงไฮ้ แน่นอนว่า ไม่ได้เข้าไปลึกมาก ถ้ำใต้ดินคล้ายกับไม่มีจุดสิ้นสุด พวกเราสำรวจจนถึงทุกวันนี้ ค้นพบเพียงเล็กน้อย โลกของถ้ำใต้ดินใหญ่กว่าโลกของเราอย่างมาก! พูดถึงใกล้ๆ กับเซี่ยงไฮ้ก่อน มีทางเข้าถ้ำทั้งหมดสามแห่ง ว่าตามเหตุผล หากเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง เข้าไปจากปากทางหนึ่งออกมาจากอีกทางหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องยากเหมือนกัน แต่สำรวจมาจนถึงวันนี้ พวกเราพบว่า ยึดตามทิศทางบนพื้นโลกเพื่อสำรวจค้นหา แทบจะไม่สามารถไปออกอีกปากทางเข้าหนึ่งได้ อาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเราไม่อาจสำรวจเข้าไปลึกได้เช่นกัน ฉะนั้นเธออย่าได้คิดว่าจะสามารถเดินจากปากทางหนึ่งแล้วไปออกยังอีกปากทางหนึ่งได้”
“ถ้าเธอเข้าไปในถ้ำใต้ดินแล้วถูกจับกุม นั่นแทบมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว ตายอย่างอนาถ! ห้องจำลองการต่อสู้ ก็คือใช้แบบจำลองภูมิประเทศของทางเข้าถ้ำทั้งสามแห่ง แบบจำลองการกระจายของทหาร ให้นักศึกษาสาขากลยุทธ์สามารถจำลองการต่อสู้ออกมาได้ ในถ้ำใต้ดิน บางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์เหมือนสมัยโบราณ สงครามอาวุธเย็น! นักศึกษาสาขากลยุทธ์แทบจะทำหน้าที่เป็นทหารกองหนุนของกองทัพ คนพวกนี้เข้าไปในถ้ำใต้ดิน ส่วนมากจะเคลื่อนไหวติดตามกองทัพใหญ่ ช่วงเวลาสำคัญ หากทหารเสียชีวิตในสนามรบ พวกเขาจะรับช่วงต่อสั่งการรบ!”
“เป็นแบบนี้นี่เอง”
ฟางผิงเอ่ยขึ้นทันที “ตึกหมายเลขหนึ่งเตรียมพร้อมเพื่อสาขาคิดค้นวิจัย ตึกหมายเลขสองเตรียมการณ์ให้สาขากลยุทธ์เป็นหลัก งั้นฐานที่มั่นของสาขายุทโธปกรณ์ของพวกเราและสาขาสังคมก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอครับ?”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยรอยยิ้มดูแคลน “สาขายุทโธปกรณ์ต้องมีฐานที่มั่นอยู่แล้ว ว่าอย่างนี้แล้วกัน สาขาคิดค้นวิจัยมีเพื่อบ่มเพาะอัจฉริยะแนวหลัง สาขากลยุทธ์บ่มเพาะระบบทหารของแนวหน้า สาขายุทโธปกรณ์ของพวกเรา บ่มเพาะมีดปลายแหลมที่ใช้รบของทหาร ส่วนสาขาสังคม…ส่วนมากจบออกไปล้วนทำธุรกิจ เป็นข้าราชการพลเรือน พวกเขายังต้องการฐานที่มั่นไปทำไม? ดังนั้นที่นี่จึงไม่มีการเตรียมพร้อมให้สาขาสังคม แต่อันที่จริงไม่เป็นไรอยู่แล้ว สถานที่พวกนี้ หลังจากพวกเขามีคุณสมบัติแล้ว ไม่ว่าสาขาใดล้วนไปได้ทั้งนั้น ทำได้แค่พูดว่า ไม่มีของที่สามารถเอามาให้สาขาสังคมปฏิบัติใช้งานจริงได้”
ฟางผิงคิดดูแล้วรู้สึกว่าหลู่เฟิ่งโหรวพูดไม่ผิด สาขาสังคมจะต้องการฐานที่มั่นไปเพื่ออะไร
—
ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงตึกหมายเลขสาม
“ที่นี่คือสถานที่ฝึกวิชา”
หลู่เฟิ่งโหรวชี้ไปที่ตึกหมายเลขสาม “เธอเข้าใจว่าเป็นฐานที่มั่นของนักศึกษาสาขายุทโธปกรณ์ก็ได้ ที่นี่มีเคล็ดวิชาต่อสู้หลากหลาย! เคล็ดวิชายอดเยี่ยมที่สร้างโดยระดับกลาง ระดับสูงหรือกระทั่งระดับปรมาจารย์…”
“ที่นี่คือหอคัมภีร์?” ฟางผิงเอ่ยออกมาทันที
“ฟังฉันพูดให้จบก่อน!”
หลู่เฟิ่งโหรวตัดบทเขา เอ่ยต่อว่า “เคล็ดวิชาต่อสู้ อันที่จริงเป็นการใช้ปราณอย่างหนึ่ง สำหรับพวกเราไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้แบบไหน ล้วนใช้เพื่อระเบิดพลังทำลายล้างให้มากกว่าเดิม ไม่มีความจำเป็นต้องเรียน ทั้งไม่ใช่ยิ่งอยู่ระดับสูงจะยิ่งดี ดังนั้นเคล็ดวิชาต่อสู้จึงไม่ใช่ส่วนหลักของตึกแห่งนี้ สิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริงคือ ห้องแหล่งพลังงานที่อยู่ในนั้น!”
“ห้องแหล่งพลังงาน?”
“ใช่ ยึดพลังงานแร่เป็นพลังงานหลักในการปลดปล่อยพลังงาน ให้ผู้ฝึกยุทธ์คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมของถ้ำใต้ดิน นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ…ประเด็นสำคัญคือ พลังงานที่ปลดปล่อยโดยพลังงานแร่ สามารถกระตุ้นปราณของผู้ฝึกยุทธ์ให้เคลื่อนที่ เพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูได้ ดังนั้นอยู่ในถ้ำใต้ดิน ผู้ฝึกยุทธ์จึงมีความอดทนต่อการสู้รบได้มากกว่าอยู่ข้างนอก! บางแห่งที่ที่พลังงานอุดมสมบูรณ์ ผู้ฝึกยุทธ์สามารถฟื้นฟูปราณได้อย่างรวดเร็วและทำการรบต่อได้ นี่ก็เป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของผู้ฝึกยุทธ์ที่มีมากกว่าคนธรรมดา ทั้งสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกวิชา นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่นักศึกษาหลายคนสามารถทะลวงขั้นในมหาวิทยาลัยได้อย่างรวดเร็ว”
ฟางผิงเอ่ยอย่างแปลกใจ “งั้นหมายความว่าผู้ฝึกยุทธ์ฝึกวิชาในถ้ำใต้ดินจะสำเร็จได้เร็วกว่า?”
“อืม เป็นแบบนั้นแหละ แต่ถ้ำใต้ดินอันตรายเกินไป ใครจะอยู่ฝึกวิชาตลอดกัน? ทั้งไม่อาจเข้าไปทีละจำนวนมาก ยังคงมีคนบางส่วนกระจัดกระจายหลบฝึกวิชาอยู่ในถ้ำใต้ดินเช่นกัน แต่อย่าได้คิดฝันหวาน ในถ้ำใต้ดินมีอันตรายรอบทิศทาง กินข้าวยังมีปัญหา รวมทั้งพลังงานด้านนอกยังไม่ได้เข้มข้นมาก แม้จะเร็วอยู่บ้าง ก็เร็วอย่างจำกัด ยังไม่สู้กินยาบำรุงฝึกวิชาบนพื้นโลก”
“งั้นทางพวกเรา…”
“ห้องแหล่งพลังงานของมหาวิทยาลัย ปลดปล่อยพลังงานมากกว่า แน่นอนว่าต้องใช้คะแนน คิดเป็นชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงสิบคะแนน”
ฟางผิงถึงกับอึ้ง ปล้นกันชัดๆ!
“ตึกหมายเลขสาม นอกจากห้องเคล็ดวิชาต่อสู้และห้องแหล่งพลังงาน ยังมีห้องฝึกวิชาอย่างอื่น อย่างเช่น ห้องแรงโน้มถ่วง สระปราณ…”
ห้องแรงโน้มถ่วง ฟางผิงสามารถเข้าใจได้ แต่สระปราณ ฟางผิงเอ่ยอย่างสงสัยว่า “สระปราณคืออะไร?”
“ไม่เกี่ยวกับเธอ นั่นเป็นเรื่องของผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง ตอนนี้เธอรู้หรือยังว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางฝึกวิชาไปในทิศทางไหน?”
ฟางผิงไร้คำจะเอ่ย เธอไม่พูดแล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง!
ตอนนี้มหาวิทยาลัยยังสอนการฝึกวิชาขั้นพื้นฐาน ยึดระดับต่ำกว่าขั้นสามเป็นหลัก
อาจารย์ไม่บอก ฟางผิงไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางฝึกวิชาไปในทิศทางไหน
“หลอมกะโหลกเหรอครับ?”
กระดูกมนุษย์มีสองร้อยหกชิ้น กะโหลกมียี่สิบเก้าชิ้น นี่ไม่ใช่ส่วนที่ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามฝึกฝนหรอกเหรอ
“ไม่ใช่ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามฝึกเกี่ยวกับอวัยวะภายใน!”
“อวัยวะภายใน?”
“ใช่ การหลอมกระดูกของผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม เป็นแค่การสร้างรากฐาน อันที่จริงผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามมีข้อบกพร่องค่อนข้างมาก อวัยวะภายในตกเลือด แทบจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ฝึกยุทธ์หลายคนในขณะต่อสู้ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามไม่เหมือนกัน พวกเขาฝึกเกี่ยวกับอวัยวะภายใน ฝึกทั้งภายในและนอกร่างกายจนถึงขั้นแข็งแกร่งดุจหินผา แทบไม่ต้องคิดก็จะรู้แล้วว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามมีพลังโต้ตอบ พลังตั้งรับและพลังระเบิดมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ำกว่าขั้นสาม ฝึกจนถึงขั้นหกสูงสุด สามารถพูดว่าร่างกายถึงขีดกำจัด เวลานี้ผู้ฝึกยุทธ์สามารถเรียกได้ว่าตีรันฟันแทงไม่เข้า ร้อยพิษไม่อาจกล้ำกลาย”
“แม้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดจะตาย ร่างกายของพวกเขา ก็สามารถไม่เน่าเปื่อยเหมือนในตำนาน ยังคงมีกายเนื้อ! แน่นอนว่าสมองยังคงเน่าได้ ส่วนการฝึกวิชาเกี่ยวกับกะโหลก อันที่จริงยังต้องอยู่สูงกว่าขั้นสามขึ้นไป เวลานี้ร่างกายจะไปถึงจุดสูงสุดอย่างแท้จริง ทั้งร่างกายจะไม่มีข้อบกพร่องอีก เนื้อหนังแข็งแรงสมบูรณ์! ผิวหนังกระดูก อวัยวะภายใจต่างหลอมจนถึงจุดสูงสุด พวกปรมาจารย์สามารถพูดได้ว่าเป็นร่างทองคงกระพัน ปืนผาหน้าไม้ที่เทคโนโลยีพัฒนาออกมา แทบไม่อาจสร้างความเกรงกลัวให้กับพวกเขา เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นกระสุนปืนใหญ่ที่โจมตีพวกเขาโดยตรง ถึงจะสร้างความบาดเจ็บให้พวกเขาได้ กะโหลกและสมองรวมถึงพลังจิตใจเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ต้องฝึกฝน หลักๆ ฝึกฝนยังไง ขั้นเจ็ดแปดเก้าแบ่งยังไง ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องไปเรียนรู้ ไกลตัวเกินไป!”
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่หลู่เฟิ่งโหรวอธิบายแนวทางการฝึกวิชาของผู้ฝึกยุทธ์อย่างละเอียดลึกซึ้งให้กับฟางผิง
—————-