ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 179-2 อยากทำการใหญ่จริงๆ (2)
ตอนที่ 179 อยากทำการใหญ่จริงๆ (2)
เริ่มการหลอมกระดูกตั้งแต่ระดับต่ำกว่าขั้นสามจนถึงหลอมอวัยวะภายในขั้นสาม แล้วก็ฝึกจนถึงขั้นร่างกายสมบูรณ์แบบในระดับสูงกว่าขั้นสาม ชีวิตก็จะเปลี่ยนแปลงไปเพราะเหตุนี้
ฟางผิงถอนหายใจ เอ่ยเสียงเบาว่า “งั้นพวกปรมาจารย์ถือว่าไม่ใช่มนุษย์แล้วหรือเปล่าครับ? ยังไงก็มีการเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ภายนอกอย่างสมบูรณ์แล้ว”
ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม ตอนนี้ฟางผิงรับรู้ถึงความแตกต่างจากคนปกติแล้ว
กระดูกของพวกเขาที่หลอมแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่สีขาวเหมือนกระดูกทั่วไป แต่เปลี่ยนเป็นคุณภาพที่คล้ายกับหยก
ฟางผิงแทบสามารถจินตนาการได้ว่า กระดูกของพวกปรมาจารย์ เกรงว่าคงจะไม่ต่างกับทองที่พูดไว้ในตำนานจริงๆ
ไม่ใช่แค่กระดูก ทุกส่วนของร่างกายน่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
“มนุษย์?”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เธอมองตัวเองเป็นมนุษย์ งั้นเธอก็จะเป็นมนุษย์ตลอดไป! เธอไม่มองตัวเองเป็นมนุษย์ แค่มีรูปแบบเป็นมนุษย์ เธอก็ไม่ใช่มนุษย์แล้ว คนต่างชาติและพวกเรานับเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันหรือเปล่าล่ะ? หน้าตาแปลกประหลาด แต่เธอมองเขาเป็นมนุษย์ พวกเขาก็มองตัวเองเป็นมนุษย์ งั้นพวกเราก็ล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ถ้าเธอไม่เห็นพวกเขาเป็นมนุษย์ พวกเขาก็จะคิดว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์ งั้นคงไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกันแล้ว การแบ่งเผ่าพันธุ์เป็นเรื่องที่ง่ายๆ แบบนี้แหละ! บางคนเห็นสุนัขเป็นลูก สุนัขตัวนั้นก็เป็นลูกของเขา ดีกับสุนัขยิ่งกว่าคน เวลานี้แบ่งแยกความเป็นคน ยังเป็นเรื่องสำคัญหรือเปล่าล่ะ?”
ฟางผิงไม่มีอะไรจะพูดตอบ แต่ไม่นานก็ดึงสติกลับมา เอ่ยอย่างลำบากใจว่า “อาจารย์ เมื่อกี้ที่ผมจะถามคือเรื่องสระปราณ…”
เขาไม่ได้ถามเยอะขนาดนี้สักหน่อย เหล่าหลู่พูดยืดเยื้อจริงๆ
“โง่เง่า!”
หลู่เฟิ่งโหรวด่าออกไป เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ฉันบอกไปแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามจะหลอมอวัยวะภายใน การหลอมอวัยวะภายในอันตรายมาก ทั้งยังเป็นเรื่องยาก สระปราณสร้างไว้เพื่อผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามนั่นแหละ อันที่จริงพูดให้ชัดเจนหน่อยก็คือยาบำรุงจำนวนมากที่แปรสภาพเป็นของเหลว กลายเป็นสระปราณ ผู้ฝึกยุทธ์เข้าไปในสระปราณฝึกวิชา สามารถเพิ่มพูนปราณได้ตลอดเวลา ทั้งจะรู้สึกสบาย…”
“คงสกปรกน่าดู!”
ฟางผิงนึกถึงโรงอาบน้ำเป็นอย่างแรก ทั้งยังเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะ ไม่ยอมเปลี่ยนน้ำใหม่เทือกนั้น!
น่าขยะแขยง!
หลายคนเข้าไปฝึกวิชา ใครจะรู้บ้างว่ามีคนแอบฉี่ในนั้นหรือเปล่า
นี่หากใครอยากจะดื่มขึ้นมา จะไม่น่าสะอิดสะเอียนหรอกเหรอ
หลู่เฟิ่งโหรวใบหน้าดำคล้ำ เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เธอคิดว่าสระปราณเป็นสระน้ำใหญ่ๆ งั้นเหรอ? นั่นมันแค่ชื่อเรียก จริงๆ สระปราณใช้คนต่อคน”
“อ่อ งั้นผมซื้อยาบำรุงมาแช่อาบน้ำเองไม่ดีกว่าเหรอครับ”
“สมองนิ่ม!”
หลู่เฟิ่งโหรวด่าออกมาอีกครั้ง ใบหน้าดำเป็นก้นหมอ “ยาบำรุงเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำ พลังปราณของมันก็จะหายไปรวดเร็ว! สระปราณไม่เหมือนกัน พลังปราณไม่อาจสูญสลาย!”
“อย่างนี้เอง? อาจารย์ ส่วนประกอบของยาบำรุงเลือดและปราณคืออะไร? ทำไมถึงสามารถเปลี่ยนเป็นพลังปราณได้…”
“มีสมุนไพรที่ช่วยเพิ่มปราณเป็นวัตถุดิบเสริมบางส่วน แน่นอนว่าไม่ใช่ส่วนประกอบหลัก”
“งั้นส่วนประกอบหลัก…”
“เธอถามไปทำไม? เธอยังคิดจะผลิตยาบำรุงงั้นเหรอ? อย่าคิดเกินตัว”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่ให้คำตอบ ทั้งไม่อธิบายว่าทำไมพลังปราณของสระปราณไม่สูญสลาย
ฟางผิงคิดอยากจะถาม แต่หลู่เฟิ่งโหรวสาวเท้าเดินไปข้างหน้าต่อแล้ว
ตึกหมายเลขสามด้านหน้า ทำให้ฟางผิงรู้จักคำว่าเปิดหูเปิดตาอยู่บ้าง
ตึกหมายเลขสี่ รอฟางผิงรู้ว่าเป็นสถานที่ใด ก็เกิดความคิดอยากปล้นขึ้นมาแล้ว
“นี่คือตึกสำรองทรัพยากร รวมถึงพวกยาบำรุงแต่ละชนิด อาวุธที่เสร็จสมบูรณ์ ทั้งพลังงานแร่ที่สูงค่าบางส่วน…อยู่ในนี้ทั้งหมด ทางฝ่ายบริการเป็นแค่จุดสำรองของชั่วคราวเท่านั้น ที่นั่นหลักๆ จะจัดสรรให้นักศึกษาขั้นหนึ่งขั้นสอง แต่ยาบำรุงที่เป็นของมีค่าอย่างแท้จริง จะอยู่ที่นี่ทั้งหมด รวมทั้งทรัพยากรที่พวกอาจารย์ใช้ฝึกวิชาด้วย”
ดวงตาของฟางผิงแทบจะกลายเป็นสีเขียวแล้ว นี่มันมูลค่าเท่าไหร่กัน!
แค่ฝ่ายบริการ เขายังอยากปล้น
นับประสาอะไรกับตึกสำรองทรัพยากรที่จัดสรรของคุณภาพสูงนับพันให้พวกอาจารย์ฝึกวิชา นี่หากปล้นครั้งหนึ่ง
ชั่วชีวิตนี้คงไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องทรัพยากรแล้ว!
เห็นแววตาฟางผิงเปล่งประกาย หลู่เฟิ่งโหรวจึงเอ่ยลอยๆ ออกไป “ที่นี่ติดตั้งระบบป้องกันขโมยด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูงระดับโลก กระทั่งกำแพงและพื้นล้วนทำด้วยโลหะผสม อีกอย่างที่นี่มีปรมาจารย์ของมหาวิทยาลัยนั่งรักษาการณ์มาหลายปี เธอคิดว่าขโมยได้ ก็ลองดู ฉันไม่ขัดอะไร”
ฟางผิงหัวเราะแห้งๆ “ผมจะกล้าคิดแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ แค่อยากเข้าไปชื่นชมสักหน่อย…”
“อย่าคิดฝันหวาน ดูแค่นี้ก็พอแล้ว” หลู่เฟิ่งโหรวกล่าวโจมตีเขา ก่อนจะเดินไปข้างหน้าต่อ
เวลานี้สองข้างทางปรากฏสิ่งก่อสร้างเล็กๆ กระจัดกระจายกันอยู่บ้าง
“ที่นี่มีอาจารย์และนักศึกษาพักอยู่เหมือนกัน หากเธอต้องการ รอเข้าสู่ระดับกลาง สามารถย้ายเข้ามาได้ ที่นี่จะเงียบสงบกว่า ไม่มีคนรบกวน แต่ฉันชอบตรงอ่างเก็บน้ำมากกว่า อาจารย์และนักศึกษาที่นี่แทบไม่เหมือนมนุษย์ เดือนหนึ่งอาจจะไม่มีใครพูดกับเธอสักประโยคด้วยซ้ำ”
ยากที่หลู่เฟิ่งโหรวจะพูดแขวะ คงรู้สึกว่าคนพวกนี้น่าเบื่อเกินไปจริงๆ
หากไม่เป็นฝ่ายเอ่ยปากทักก่อน นักศึกษาและอาจารย์ที่นี่ อาจจะมองข้ามเธอเป็นเดือนๆ ได้
เหมือนอย่างเช่นตอนนี้ ฟางผิงและหลู่เฟิ่งโหรวเดินวนอยู่ที่นี่ครึ่งวันยังแทบไม่มีคนสนใจ
เดินต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงด้านข้างสิ่งก่อสร้างแห่งสุดท้าย
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยปากอีกครั้ง “ที่นี่ก็คืออุโมงค์ทางเข้าของเซี่ยงไฮ้ที่เชื่อมไปหาปากทางเข้าถ้ำใต้ดิน ลงไปแล้ว เดินอีกประมาณห้ากิโลก็เป็นปากทางเข้าถ้ำใต้ดินแล้ว นักศึกษาของเราไปถ้ำใต้ดินสามารถใช้ทางอื่น ทั้งจะใช้ทางนี้ก็ได้ ประเด็นสำคัญที่มีอุโมงค์นี้คือเป็นทางหลบหนี…”
“หลบหนี?”
ฟางผิงงุนงงขึ้นมาอีกครั้ง
“ปากทางเข้าถ้ำของเซี่ยงไฮ้ มีคนของหน่วยทหารหลายคนประจำการอยู่ เส้นทางนี้ใช้โลหะผสมในการสร้างตลอดทางห้ากิโล! เพื่อใช้ป้องกันการก่อจลาจลของถ้ำใต้ดิน เส้นทางอื่นพังทลาย ผู้คนจะติดอยู่ข้างใน ดังนั้นจึงบุกเบิกเส้นทางแบบนี้ออกมา ด้านในก็มีคนของหน่วยทหารเฝ้าประจำการเช่นกัน นอกจากจะจำเป็นจริงๆ ไม่งั้นปกติพวกเราไม่อาจใช้เส้นทางนี้ได้ การตรวจสอบค่อนข้างยุ่งยาก กลัวว่าจะมีคนสร้างความเสียหาย”
“ระยะทางห้ากิโลเมตรเป็นโลหะผสมทั้งหมด…ระดับไหนเหรอครับ?”
“ระดับ D”
ฟางผิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ให้ตายเถอะ ฉันอยากจะปล้นที่นี่จริงๆ!
อุโมงค์โลหะผสมระดับ D ห้ากิโลเมตร นี่ต้องใช้โลหะผสมเท่าไหร่กัน?
โลหะผสมระดับ D ยี่สิบคะแนนต่อหนึ่งกิโลกรัม!
ฟางผิงยากที่จะจินตนาการว่า โลหะผสมที่นำมาสร้างเส้นทางนี้ สามารถสร้างอาวุธได้กี่ชิ้นกัน
“อันที่จริงนี่เป็นการยื่นคำขาดของอธิการมหาวิทยาลัย ต้องการสร้างขึ้นมาให้ได้ เวลานั้นอุโมงค์ปากทางเข้าถ้ำใต้ดินตงหลิงก็พังถล่มเหมือนกัน ทำให้คนของหน่วยทหารนับหมื่นไม่อาจหนีออกมาได้ สุดท้ายจึงตายอย่างอนาถในถ้ำใต้ดิน ถูกสิ่งมีชีวิตใต้ดินสังหารล้างบาง! ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางและระดับสูง ความจริงไม่ต้องการอุโมงค์ทางหนีประเภทนี้ แต่คนธรรมดาและผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามยังต้องการมัน อธิการบดีคิดว่าชีวิตมนุษย์นั้นสำคัญกว่าเงินทอง อย่างน้อยคนของหน่วยทหารที่เป็นคนธรรมดาพวกนั้นก็ควรจะมีความหวังบ้าง ไม่อาจให้พวกเขาตายอย่างเสียเปล่า”
ฟางพยักหน้า ในใจกลับคิดล่องลอยอยู่บ้าง
“ครั้งนี้พาเธอมาดู ครั้งหน้าเธออยากมาก็มาเองได้ ประเด็นหลักอยากให้ไปห้องจำลองการต่อสู้ อย่างน้อยเธอจะได้จำลักษณะภูมิประเทศของถ้ำใต้ดินที่ใกล้ๆ กับเซี่ยงไฮ้ได้! หากเธอหลงทิศในถ้ำใต้ดิน…ผลลัพธ์คงไม่ต้องพูดถึง ตายสถานเดียว”
เดินหลงในถ้ำใต้ดิน แทบไม่ต่างอะไรกับความตาย คนประเภทนี้มีทุกปี
ฟางผิงกลับเผยสีหน้าอมทุกข์ เอ่ยอย่างกลัดกลุ้มว่า “อาจารย์ ผมเป็นพวกชอบหลงทาง ไม่มีไหวพริบเรื่องทิศทาง…”
นี่คือเรื่องจริง เขาเป็นคนชอบหลงทาง
หากไม่มีดวงอาทิตย์ ทิศเหนือใต้ออกตกคือทางไหน เขาก็แยกไม่ออกแล้ว
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างจริงจัง “งั้นเธอต้องพยายามแล้ว ฉันขอเตือนเธอว่า หากเธอหลงในถ้ำใต้ดินจริงๆ แทบจะต้องตายสถานเดียว ฉันไม่สามารถช่วยเธอได้เหมือนกัน ไม่งั้นเวลาที่เธอลงถ้ำ ก็เคลื่อนไหวติดตามกับคนอื่นๆ สรุปแล้ว จำเส้นทางไม่ได้ เธอก็มีโอกาสตายสูงกว่าคนอื่น!”
“เอ่อ…”
ฟางผิงใบหน้าถอดสี พึมพำว่า “ผมคิดว่ามีความจำเป็นต้องประดิษฐ์ระบบจีพีเอสและระบบแผนที่ในถ้ำใต้ดินซะแล้ว”
“ฮ่าๆ เธอก็ลองดูสิ”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่สนใจเขา หมุนตัวว่า “วันนี้พาเธอมาดู เรื่องอื่นๆ เธอพิจารณาเองแล้วกัน ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อน”
“ครับ”
ส่งหลู่เฟิ่งโหรวไปแล้ว ฟางผิงมองตึกหมายเลขสี่ไปอีกครั้ง นั่นเป็นตึกสำรองทรัพยากร!
อยากทำการใหญ่จริงๆ!
แต่พอนึกได้ว่ามีปรมาจารย์อยู่ ทั้งยังมีการติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูง ฟางผิงจำเป็นต้องละทิ้งความคิดนี้ไป
“เฮ้อ ได้แต่มองแต่ไม่อาจแตะต้อง…”
ถอนหายใจแล้ว ฟางผิงรู้สึกหมดอาลัยตายอยากอยู่บ้าง ไม่มีแม้แต่จิตใจจะไปดูแผนที่จำลอง ช่างเถอะ ยังไงตอนนี้เขาก็ยังไม่จำเป็นต้องไปถ้ำใต้ดิน
—————-