ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 180 ล้มละลายถึงจะมีแรงกระตุ้น (1)
ตอนที่ 180 ล้มละลายถึงจะมีแรงกระตุ้น (1)
ออกมาจากเขตทางใต้ ฟางผิงนับว่าเข้าใจสักที ทำไมถึงพูดว่าเขตทางใต้เป็นหัวใจสำคัญของมหาวิทยาลัย
หากเขตทางใต้ถูกทำลาย ไม่มีแผนที่ภูมิประเทศของถ้ำใต้ดิน ไม่มีจุดผลิตอาวุธ ไม่มีห้องสำรองทรัพยากร….
งั้นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คงไม่ต่างจากมหาวิทยาลัยทั่วไปมากนัก แค่มีพื้นที่กว้างหน่อยและจำนวนคนน้อยกว่าอยู่บ้างเท่านั้น
—
“ถ้ำใต้ดิน…”
ช่วงนี้ฟางผิงมักจะได้ยินคำนี้อยู่บ่อยๆ
ทั้งหมดล้วนเพราะถ้ำใต้ดิน!
การก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้พวกนี้ก็เพราะถ้ำใต้ดิน
การสร้างทีมรบแต่ละพื้นที่ก็ด้วยเหตุของถ้ำใต้ดิน
ให้สิทธิพิเศษกับผู้ฝึกยุทธ์ก็เพราะถ้ำใต้ดินอีก…
สามารถพูดได้ว่า การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดต่างมาจากสาเหตุนี้ หากไม่มีถ้ำใต้ดิน ตำแหน่งผู้ฝึกยุทธ์นี้จะมีหรือไม่มียังคงเป็นคำถามอยู่เช่นกัน
—
ตั้งแต่กลับมาจากเขตทางใต้ ฟางผิงก็ไม่ได้ไปที่นั่นอีก
เขาไม่มีคะแนน ไปคงไม่มีประโยชน์อะไร
คล้อยหลังเวลาที่ล่วงเลยไป ค่าทรัพย์สินของฟางผิงค่อยๆ ลดน้อยลงไปในทุกวันเช่นกัน
ฟางผิงทำได้แค่หาความสุขในความทุกข์ ปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยการหลอมกระดูกก็ทำได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากการฝึกวิชา ช่วงนี้ฟางผิงตั้งใจเรียนคลาสอื่นๆ เช่นกัน
อย่างเช่นคลาสที่เกี่ยวกับวิธีเอาตัวรอด…
จะคาดเดาทิศทางกลางป่ารกร้างได้ยังไง?
เขาคิดว่าตัวเองจำเป็นต้องไปฟังคลาสแบบนี้ให้มากหน่อย
รอจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์
ค่าทรัพย์สินของฟางผิงนั้นเกิดการลดฮวบเป็นครั้งแรก
เห็นค่าทรัพย์สินที่ร่วงต่ำกว่าหนึ่งล้าน ฟางผิงก็ลนลานอยู่บ้าง
ทรัพย์สิน : 850,000
ปราณ : 450 แคล (499 แคล)
จิตใจ : 400 เฮิรตซ์ (429 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 120 ชิ้น (90%) , 86 ชิ้น (30%)
เดือนกุมภาพันธ์มีทั้งหมดยี่สิบแปดวัน
ฟางผิงกลับมามหาวิทยาลัยวันที่สี่ เวลานั้นหลอมกระดูกเจ็ดสิบชิ้น
ตอนนี้หลอมกระดูกไปหนึ่งร้อยยี่สิบชิ้น!
สรุปแล้วในเวลายี่สิบห้าวัน ฟางผิงหลอมกระดูกได้ห้าสิบชิ้น เฉลี่ยวันละสองชิ้น
แต่ค่าทรัพย์สินลดจากยี่สิบหกกว่าล้านจนเหลือแปดแสนห้าหมื่น
ยาชุบร่างกายใช้ไปยี่สิบห้าเม็ด ตอนนี้ยังเหลืออีกสามเม็ดสุดท้าย
ค่าทรัพย์สินแปดแสนห้าหมื่น ยาชุบร่างกายสามเม็ด ระยะห่างจากขั้นสองสูงสุดยังเหลือกระดูกอีกหกชิ้น เคล็ดวิชาต่อสู้ยังไม่ได้ฝึก…
เวลานี้ฟางผิงไม่กล้าใช้ระบบหลอมกระดูกอีกแล้ว
ค่าทรัพย์เล็กน้อยนี้อย่างมากคงหลอมกระดูกให้เขาได้สองชิ้นเท่านั้น หนึ่งร้อยยี่สิบกับหนึ่งร้อยยี่สิบสองชิ้นแตกต่างกันมากหรือไง?
“ต้องหาเงินแล้ว ค่าทรัพย์สินแค่นี้ควรเหลือไว้ใช้ยามจำเป็นเท่านั้น!”
ฟื้นฟูปราณหนึ่งแคลต้องใช้ค่าทรัพย์สินหนึ่งพัน ฟันหนึ่งดาบออกไปร้อยแคล นั่นก็เป็นค่าทรัพย์สินหนึ่งแสนแล้ว!
แปดแสนห้าหมื่นเพียงพอให้ฟางผิงฟันออกไปไม่กี่ดาบเท่านั้น
เขาขายยาบำรุงเลือดและปราณไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองหนึ่งเม็ด
พูดได้ว่าตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา ฟางผิงไม่เคยขัดสนเท่ากับเวลานี้มาก่อน
ฟางผิงจนใจอยู่บ้าง ในช่วงที่บริษัทไม่อาจหากำไร ทำได้เพียงต้องคิดเรื่องทำภารกิจขึ้นมาอีกครั้ง
—
ห้องฝึกซ้อม
จ้าวเหล่ยเอ่ยอย่างหงุดหงิดอยู่บ้าง “ฟางผิงล่ะ? เขายิ่งใหญ่มาจากไหน ให้พวกเราเข้ามา ตัวเองกลับไม่เห็นแม้แต่เงา!”
ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “นายก็อย่ามาสิ ฟางผิงบอกแล้ว ใครไม่มาจะต่อยคนนั้น เจอในคลาสต่อสู้ จะต่อยให้หน้าบวมเป็นหัวหมู นายกล้าไม่มาไหมล่ะ?”
“ฟู่ชางติ่ง!”
จ้าวเหล่ยดวงตาแดงก่ำ เอ่ยด้วยใบหน้ามืดครึ้ม “หรือนายคิดว่าหลอมกระดูกตามทันฉัน ก็สามารถสู้ฉันได้แล้ว?”
“เหอะ ฉันกลัวนายตายแหละ?”
ฟู่ชางติ่งแทบอยากจะลองดูสักตั้ง หนึ่งเดือนนี้การพัฒนาของเขาไม่ได้ช้าเช่นกัน
ตอนนี้เขาหลอมกระดูกได้เจ็ดสิบห้าชิ้นแล้ว
ส่วนจ้าวเหล่ยไม่ต่างจากเขามาก อาจจะกำลังหลอมกระดูกชิ้นที่เจ็ดสิบหก แต่คงยังไม่สำเร็จ
หยางเสี่ยวม่านเห็นชายหนุ่มสองคนถลึงตาจ้องกันราวกับไก่ชน ก็เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “เงียบหน่อย ฟางผิงเรียกพวกเราซึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองมาที่นี่ พวกนายว่าเขาจะทำอะไร?”
ตอนนี้ในหมู่นักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองไม่ได้มีเยอะมาก
จ้าวเหล่ย ฟู่ชางติ่ง หยางเสี่ยวม่าน เฉินอวิ๋นซี ถังซงถิง ห้าคนนี้ทยอยเข้าสู่ขั้นสองในเวลาไล่เลี่ยกัน
ตอนนี้อาการบาดเจ็บของจ้าวเสวี่ยเหมยยังไม่หายดีร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงช้ากว่าคนอื่นไปหนึ่งก้าว อาจจะยังไม่ทะลวงขั้นสอง
ครั้งนี้ฟางผิงไม่ได้เรียกจ้าวเสวี่ยเหมยมา แต่ให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองเหล่านี้มารวมตัวกัน
ระหว่างที่ทุกคนพูดคุย ฟางผิงก็สาวเท้าเข้ามา
เขาทำท่าราวกับนักพนันที่เล่นแพ้จนหมดตัว เข้าประตูมาพลันเอ่ยว่า “ตอนนี้พวกนายยังมีใครเหลือคะแนนอยู่หรือเปล่า?”
“ฉันไม่มี”
“ฉันหมดแล้วเหมือนกัน”
“ฉันยังมีอีกสองร้อยกว่าคะแนน…”
สิ้นเสียงของเฉินอวิ๋นซี ฟางผิงก็จ้องมองเธอทันที ผ่านไปพักใหญ่ค่อยเอ่ยว่า “อวิ๋นซี พวกเรามาคบกันเถอะ!”
เฉินอวิ๋นซีใบหน้าขึ้นสีโดยพลัน!
ฟางผิง…ทำไมถึงพูดคำแบบนี้ออกมาได้!
“ฉันแต่งเข้าไปในบ้านเธอยังได้เลย ให้ครอบครัวเธอสนับสนุนฉันสักพันล้านแปดร้อยล้านเป็นไง? ลองคิดดู…”
“ฟางผิง!”
เฉินอวิ๋นซีโมโหสุดขีด หยางเสี่ยวม่านเบะปากอย่างดูแคลน “ไม่อายหรือไง?”
“ทำไมต้องอาย?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ตอนนี้ฉันตกอับจริงๆ แล้ว แทบไม่เหลืออะไรติดตัวเลย! ยาบำรุงเหลือแค่ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองเม็ดเดียวเท่านั้น อย่างอื่นหมดเกลี้ยงแล้ว! ถ้าฉันยังไม่หาคะแนนเพิ่มอีก การฝึกวิชาตามปกติคงไม่อาจทำได้แล้ว วันนี้เรียกพวกนายมาก็เพราะอยากหาคะแนนเพิ่ม ถ้าต้องการก็อยู่ต่อ ไม่อยากฉันไม่บังคับเหมือนกัน”
ทุกคนมองหน้ากัน ฟู่ชางติ่งเอ่ยเป็นคนแรก “ฉันไม่มีปัญหา อันที่จริงฉันอยากไปทำภารกิจเหมือนกัน แต่ไปคนเดียวลำบากเกินไป ถ้ามีคนเยอะหน่อย คงทำการใหญ่กันได้”
“ฉันไม่ติดเหมือนกัน” จ้าวเหล่ยตอบรับอย่างรวดเร็ว “ฉันก็อยากเห็นว่าไม่ได้แสดงฝีมือมาครึ่งเดือน ตอนนี้นายจะอยู่ระดับไหนกัน”
“ฉันเอาด้วย”
“ฉันไม่ปฏิเสธ”
“… ”
เหลือแค่เฉินอวิ๋นซีที่ยังไม่ให้คำตอบ
ฟางผิงจ้องเธอว่า “อวิ๋นซี เธอว่าไง?”
“ฉัน…พวกนายไม่กลัวฉันถ่วงแข็งถ่วงขาเหรอ?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “หน้าที่ของเธอคือเป็นผู้ช่วย เจอกับปัญหาใหญ่ เธอสนับสนุนมิตรภาพด้วยการสั่งยาบำรุง…”
เฉิวอวิ๋นซีใบหน้าดำคล้ำ ประโยชน์ของฉันคือเรื่องนี้?
หยางเสี่ยวม่านเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ฟางผิง อย่าพูดตรงไปตรงมาขนาดนั้นได้หรือเปล่า?”
“ฉันจริงจัง ได้คะแนน พวกเราก็แบ่งเธอส่วนหนึ่ง ไม่ได้ คงต้องแล้วกันไป อีกอย่างฉันยังต้องบอกอีกเรื่องหนึ่ง รับพวกนายเข้ามา ไม่ได้จะแบ่งคะแนนพวกนายเท่ากับฉัน ฉันคิดดูแล้ว ฉันคนเดียวควรได้สามส่วนเป็นอย่างต่ำ!”
ทั้งหมดหกคน เขาจะเอาสามส่วนคนเดียว นี่ทำให้คนอื่นๆ ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
จ้าวเหล่ยไม่พอใจ “อ้างสิทธิ์อะไร?”
“อ้างสิทธิ์อะไร?”
จู่ๆ ฟางผิงก็ระเบิดปราณทั่วร่าง อากาศที่ลอยเหนือหัวถึงกับสั่นสะเทือนไปหมด!
“อ้างสิทธิ์ที่ฉันกำลังจะทะลวงขั้นสองสูงสุด! อ้างสิทธิ์ที่ปราณของฉันทะลุถึงห้าร้อยแคล! ฉันเรียกพวกนายมาทำภารกิจด้วยกัน ช่วงแรกจะเริ่มด้วยภารกิจขั้นสองสูงสุด ช่วงหลังฉันวางแผนจะรับภารกิจขั้นสาม! พวกนายต้านผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามได้หรือเปล่าล่ะ? ดังนั้นพวกนายคือผู้ช่วย ฉันเป็นกำลังหลัก แน่นอนว่าต้องได้ส่วนแบ่งเยอะกว่าหน่อย ยังไงฉันก็สิ้นเปลืองเยอะที่สุด โอกาสที่จะบาดเจ็บมีมากที่สุดเหมือนกัน!”
“ขั้นสองสูงสุด…”
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนทันที!
จ้าวเหล่ยยากที่จะเชื่อ “นาย…นายจะทะลวงขั้นสองสูงสุดแล้ว!”
นี่แม่งจะเร็วเกินไปแล้ว!
เร็วกว่าตอนฟางผิงฝึกวิชาขั้นหนึ่งอีก
เขาเพิ่งจะทะลวงขั้นสองได้ไม่นาน แค่ครึ่งเดือนเท่านั้น
เจ้าหมอนี้บ้าไปแล้ว!
ฟางผิงแค่นเสียงว่า “ไร้สาระ ฉันใช้ทรัพยากรจนหมดเกลี้ยงแล้ว ไม่ถึงขั้นสองสูงสุดจะแปลกมากกว่า ตอนนี้เหลืออีกนิดเดียวเท่านั้น พวกนายว่าไง ฉันจะเอาสามส่วน มีใครเห็นต่างหรือเปล่า?”
ทุกคนประสานสายตากัน ก่อนจะยอมรับวิธีแบ่งของเขาโดยปริยาย
“อีกอย่าง ครั้งนี้ฉันอยากรับภารกิจของหน่วยทหาร ภารกิจขนาดใหญ่ ล้อมปราบพวกลัทธินอกรีตอะไรประมาณนั้น!”
—————-