ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 180-2 ล้มละลายถึงจะมีแรงกระตุ้น (2)
ตอนที่ 180 ล้มละลายถึงจะมีแรงกระตุ้น (2)
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง หยางเสี่ยวม่านขมวดคิ้วว่า “แบบนี้จะเหมาะสมเหรอ? อันตรายเกินไปแล้ว ภารกิจประเภทลัทธินอกรีตบางครั้งก็มีข้อมูลไม่ชัดเจน…”
ฟางผิงกลับเอ่ยว่า “ภารกิจประเภทนี้ มีทรัพยากร มีเงินและยาบำรุงให้! ทั้งผู้ฝึกยุทธ์มีจำนวนมาก กวาดล้างครั้งหนึ่งจะได้รับของดีเป็นกอบเป็นกำ ถ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไป จะได้แค่รางวัลภารกิจเท่านั้น เป็นจำนวนเงินสักเท่าไหร่กันเชียว? พวกเรามีคนเยอะ กวาดล้างฐานที่มั่นเท่านั้น ถึงจะได้ผลประโยชน์มากที่สุด ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามระดับหัวหน้า ถ้าถูกพวกเราล้อมปราบปราม ของที่จะได้อย่างน้อยที่สุดคงเป็นสิบล้าน รวมกับรางวัลที่ให้ จัดการฐานที่มั่นหนึ่งแห่ง ยี่สิบสามสิบล้านคงไม่ใช่เรื่องยาก จะเอาแต่ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสี่ห้าแสน ต้องฆ่าเท่าไหร่กัน? ทั้งจะมีผู้ฝึกยุทธ์กี่คนให้พวกนายฆ่า?”
“นอกจากนี้วิกฤตของถ้ำใต้ดิน ผู้ฝึกยุทธ์ลัทธินอกรีตพวกนี้ไม่ต่อต้านการลงถ้ำยังพอว่า ยังจะสร้างความแตกแยก พวกเขาเหมาะจะตายที่สุดแล้ว แถมยังไม่คุ้มค่าให้เห็นใจด้วยซ้ำ ดังนั้นฉันจะยึดลัทธินอกรีตพวกนี้เป็นเป้าหมายหลักของภารกิจพวกเรา คนพวกนี้ตายก็ไม่น่าเสียดาย สาเหตุที่ฉันเรียกพวกนายมา เป็นเพราะแบบนี้ด้วยเช่นกัน คนมีเยอะ ฉันมีแค่สองหมัดยากที่จะจัดการศัตรูรอบทิศทาง เกิดปัญหาได้ง่าย ว่ายังไง ลองพูดความเห็นของตัวเองออกมาสิ…”
ทุกคนต่างจมดิ่งในความเงียบ ฟู่ชางติ่งครุ่นคิดพักหนึ่ง เอ่ยว่า “ถ้าจะทำ มันทำได้อยู่แล้ว แต่กำลังคนของพวกเรา…”
“เพียงพอแล้ว ฉันยังหาคนที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ของสมาคมมาด้วย”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คนที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์จะง่ายกว่า ขับรถ สั่งอาหาร จองโรงแรม หาคน จัดการงานเบื้องหลัง…เรื่องพวกนี้มอบให้พวกเขาทำ ภารกิจของพวกเรามีแค่สองคำนี้…ฆ่าคน! สุดท้ายภารกิจสำเร็จแล้ว ให้รางวัลพวกเขานิดหน่อย เงินสี่ห้าหมื่น คนพวกนี้ก็ดีใจเป็นบ้าแล้ว ถือโอกาสให้คนอื่นๆ ในสมาคมเห็นว่า สมาคมทำธุรกิจก็สามารถหาผลประโยชน์ให้ทุกคนได้เหมือนกัน…”
ตอนที่เขาเอ่ยถึงสมาคม จ้าวเหล่ยและเฉินอวิ๋นซีต่างไม่ปริปากพูด
ถังซงถิงกลับถามว่า “ฟางผิง สมาคมผิงหยวนยังรับคนอยู่หรือเปล่า?”
“นายอยากเข้าร่วม?”
“ดูน่าสนใจดี ถ้ารับจริงๆ จะเข้าไปร่วมสนุกสัก…”
“ปิดรับชั่วคราว ตอนนี้นายคิดอยากร่วมสนุก รอวันไหนนายคิดว่าคุ้มค่าให้เข้าร่วม งั้นค่อยรับนายอีกที”
ฟางผิงปฏิเสธทันที ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นอื่น “อีกอย่าง พวกเรายังสามารถรับภารกิจอื่นอีก ช่วงนี้มีทีมรบในพื้นที่บางแห่งกำลังรับสมัครคู่ซ้อม พวกเราก็ตั้งทีมรบขึ้นมา ข่มขู่คนประลองสักสนาม ก็สามารถได้เงินหลายสิบล้านมาอย่างสบายๆ แล้ว สรุปคือครั้งนี้ถ้าหาเงินได้ไม่พอ พวกเราก็จะไม่กลับมา! ไม่งั้นจบเทอมนี้ จะเอาเงินทุนที่ไหนมาท้าประลองกับประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์กัน”
ฟางผิงรีบหาเงิน คนอื่นๆ ก็หวังจะได้เงินก้อนใหญ่ บางทีเฉินอวิ๋นซีอาจไม่ขาดแคลนเรื่องนี้ แต่เธอไม่ปฏิเสธเช่นกัน
“ดีล่ะ ตกลงกันแบบนี้ไว้ก่อน เย็นนี้ทุกคนกลับไปเก็บของ พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทาง ฉันหาภารกิจดีๆ ไว้แล้ว กวาดล้างลัทธินอกรีตกลุ่มเล็กๆ ในมณฑลตงหลิน มีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองและคนธรรมดาบางส่วน ทำภารกิจสำเร็จ จะได้ห้าสิบคะแนนเป็นอย่างต่ำ ไม่ถือว่ายากเกินไป…ทั้งทางตงหลินค่อนข้างวุ่นวาย ช่วงนี้มีร่องรอยพวกลัทธิปรากฏให้เห็นบ่อย อาจจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของทางเข้าถ้ำใต้ดินตงหลิน พวกเราลงแรงที่ตงหลินสักหน่อย…จากนั้นไปหนานเจียง!”
พูดถึงหนานเจียง ฟางผิงสูบลมหายใจเข้าลึก
ก่อนหน้านี้ภารกิจของหนานเจียงแทบจะหาไม่เจอ ลัทธินอกรีตไม่เคลื่อนไหวที่นั่น
และแม้จะมี ทางการในพื้นที่ก็สามารถกวาดล้างได้
แต่ตอนนี้ในระบบภารกิจกลับมีภารกิจของมณฑลทางใต้ทั้งสามขึ้นมา
นี่ทำให้ฟางผิงนึกถึงคำพูดของไป๋จิ่นซานผู้บัญชาการหยางเฉิง ปากทางเข้าถ้ำแห่งต่อไป อาจจะปรากฏอยู่ที่สามมณฑลทางใต้
ตกลงลัทธินอกรีตพวกนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ ตอนนี้ฟางผิงยังคงสงสัยอย่างมาก
พวกลัทธิเคลื่อนไหวในพื้นที่เหล่านี้ หรือว่าคิดจะเป็นไส้ศึกกัน?
ไม่อย่างนั้นลัทธินอกรีตพวกนี้คงไม่มีความจำเป็นต้องปรากฏตัวออกมาในพื้นที่เหล่านี้ แต่ไป๋รั่วซีบอกว่าสิ่งมีชีวิตใต้ดินและมนุษย์สื่อสารกันไม่ได้?
คนพวกนี้เอาความคิดจะเป็นไส้ศึกมาจากไหนกัน?
หรือจะพูดว่าพวกเขามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง?
ตอนนี้ฟางผิงไม่อาจคาดคะเนได้ คิดจะกลับไปดูหนานเจียงสักหน่อย กวาดล้างลัทธินอกรีตบางส่วนเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ ให้หนานเจียงได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
การจัดการของฟางผิง ทุกคนไม่เห็นต่าง
ฟู่ชางติ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หนานเจียง ฉันอยากไปดูจริงๆ ใช่สิ ฟางผิง ช่วงนี้หวังจินหยางจากหนานเจียงเหมือนจะไม่มีความเคลื่อนไหวเลย เขากำลังทำอะไรอยู่?”
“หวังจินหยาง…”
แววตาของจ้าวเหล่ยเยียบเย็นขึ้นมา “ต้องมีสักวันที่ฉันไปดักหน้าประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยหนานเจียงเช่นกัน!”
ตอนแรกหวังจินหยางดักอยู่ที่ประตูใหญ่ของเซี่ยงไฮ้ เรื่องนี้สำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยถือเป็นความอัปยศอดสู
หากมีโอกาส พวกจ้าวเหล่ยอยากจะให้พวกหนานเจียงได้ลิ้มลองรสชาติแบบนี้เช่นกัน
แต่หวังจินหยางเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ ไม่ถึงขั้นสี่ ไปดักหน้าประตูคงไม่มีความหมาย
หวังจินหยางไม่ลงมือ พวกเขาท้าประลองทั่วมหาลัยหนานเจียงจนไร้คู่ต่อสู้จะเป็นไร?
ฟางผิงชำเลืองตามองเขา เหนื่อยที่จะพูดแล้ว “กำลังฝึกวิชาล่ะมั้ง ครั้งก่อนเขาไปถ้ำใต้ดินกับฉินเฟิ่งชิง เหมือนจะได้อะไรกลับมาไม่น้อย ช่วงนี้ไม่เห็นฉินเฟิ่งชิงเหมือนกัน น่าจะกำลังหลอมกระดูกแกนกลาง ไม่ต้องสนใจพวกเขา พวกเรายังไม่ถึงขั้นสาม พูดเรื่องพวกนี้เปล่าประโยชน์ แต่มหาวิทยาลัยหนานเจียงนั้น…มีโอกาสก็ไปดูได้”
พวกอู๋จื้อหาวอยู่ที่นั่น หากผ่านทาง อาจมีโอกาสเข้าไปหาเช่นกัน
ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ฟางผิงไม่รั้งตัวอยู่นาน ไปบอกกล่าวกับหลู่เฟิ่งโหรวที่โซนหอพักบุคลากร
จ้าวเสวี่ยเหมยบังเอิญอยู่ที่นั่นพอดี ได้ยินว่าพวกเขาจะไปข้างนอก ก็เผยสีหน้าเศร้าหมองทันที
หลู่เฟิ่งโหรวไม่คิดขัดขวาง ครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยว่า “ไปหนานเจียง ไปเยี่ยมผู้ว่าของหนานเจียงสักหน่อย ผู้เฒ่าจางเป็นพวกรักบ้านเกิดเมืองนอน เธอไปเยี่ยมเขาอาจจะได้รับผลประโยชน์กลับมา ช่วงนี้มณฑลทางใต้ทั้งสามค่อนข้างวุ่นวาย นักศึกษาเซี่ยงไฮ้ยินดีรับภารกิจของหนานเจียง ผู้เฒ่าจางต้องตอบแทนอยู่แล้ว อย่ามองว่านักศึกษาของหนานเจียงมีถมเถ…ฮ่าๆ พวกที่สามารถใช้การได้จริงมีแค่เท่าไหร่กัน มหาวิทยาลัยหนานเจียงดึงกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังต่อสู้ขั้นสองออกมายังเป็นเรื่องยากเลย ดังนั้นพวกเธอไปที่นั่น สามารถทำตัวเด่นได้ ไม่ต้องกังวลอะไร”
“ผลประโยชน์…”
ฟางผิงจำแค่คำนี้ พยักหน้าทันที
จ้าวเสวี่ยเหมยเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง หลู่เฟิ่งโหรวกลับตัดบทว่า “ตอนนี้ภารกิจของจ้าวเสวี่ยเหมยคือทะลวงขั้นสอง คะแนนของเธอยังมีอยู่ ไปกับพวกเธอไม่ได้ประโยชน์เท่าไหร่ ความหมายของการทำภารกิจ ไม่ได้อยู่ที่ตัวภารกิจ แต่เป็นการพัฒนาตัวเอง พวกเขาใช้ทรัพยากรหมดแล้ว ตอนนี้ก้าวสู่ขั้นสองกันหมด เธอจะไปทำอะไร? ดูเรื่องสนุก? รีบทะลวงขั้นสองดีกว่า อยากลงมือก็เป็นเรื่องง่าย ในอนาคตอีกไม่กี่เดือน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองอาจจะถูกให้รับภารกิจลงถ้ำ ถึงเวลานั้นภารกิจจะเยอะจนพวกเธอทำไม่หมด ทำจนตายทีเดียว ก่อนเข้าถ้ำใต้ดิน พัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งได้ก็ต้องพัฒนาตัวเองก่อน”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ลางสังหรณ์กลายเป็นจริงแล้ว!
ถ้ำใต้ดินสถานการณ์เลวร้ายขึ้นมาแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองนำทัพ
“หวังว่าจะไม่เลวร้ายในอนาคตใกล้ๆ นี้ อีกอย่างทางบริษัท รอฉันกลับมาจากภารกิจ ต้องขยับขยายให้ไวแล้ว หลอกหาบริษัทมาลงทุนหน่อย ค่าทรัพย์สินจะได้มีการเพิ่มขึ้น”
ในใจวางแผนเรื่องพวกนี้ ฟางผิงไม่คิดจะเสียเวลาต่อ ออกไปจากบ้านพักอย่างรวดเร็ว
เขาไปแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวจึงเอ่ยว่า “เขาใกล้จะถึงขั้นสองสูงสุดแล้ว หมอนี้ฝึกวิชาเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ถ้าเธอไม่อยากตกอยู่ท้ายแถว ต้องรีบทะลวงขั้นสองให้ไว ครั้งหน้าประลองก็รู้จักความเหมาะสมหน่อย ให้พวกเธอลงสนาม ไม่ใช่ให้ตายในสนามรบ ได้รับบาดเจ็บหนัก ถ่วงรั้งเวลาฝึกวิชา นี่เป็นการฆ่าตัวตาย”
จ้าวเสวี่ยเหมยเผยสีหน้าซับซ้อน ฟางผิงจะถึงขั้นสองสูงสุดแล้ว?
เห็นท่าทีของจ้าวเสวี่ยเหมย หลู่เฟิ่งโหรวก็ยักไหล่ หมุนตัวเข้าไปในห้องอย่างไม่สนใจอะไร
ผู้หญิงชอบมองอะไรง่ายๆ
ฟางผิงแค่แข็งแกร่งเท่านั้น กลับใจสั่นคลอนซะแล้ว?
คนที่แข็งแกร่งมีเยอะจะตายไป
ยิ่งไปกว่านั้นฟางผิงยังมุ่งกับการพัฒนาให้ตัวเองแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว เกรงว่าคงไม่มีความคิดแบบนี้ หวังว่าจ้าวเสวี่ยเหมยจะดึงสติกลับมาได้เร็วๆ
——————