ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 189-2 หาเงินตลอดเวลา (2)
ตอนที่ 189 หาเงินตลอดเวลา (2)
ทุกคนพากันตกตะลึง ไม่ใช่บริษัทที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม แต่เป็นบริษัทที่พอมีชื่ออยู่บ้าง
นึกไม่ถึงจริงๆ ฟางผิงเพิ่งจะเข้าเรียนที่เซี่ยงไฮ้ไม่ถึงปี นอกจากความสามารถจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ยังทำธุรกิจประสบความสำเร็จด้วย
อู๋จื้อหาวอิจฉาอย่างมาก อดเอ่ยไม่ได้ “เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ไม่มีทางลัดจริงๆ เหรอ?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างขบขัน “จะมีได้ยังไง? แม้จะมีก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกนายคาดหวังได้ ฝึกวิชาอย่างสบายๆ งั้นเหรอ อย่ามองจากฉัน ฉันไม่เหมือนกัน ฉันเป็นอัจฉริยะ…”
“ไสหัวไปเลย!”
“หรือไม่ใช่? ตอนนี้ฉันเป็นรองผู้บัญชาการหยางเฉิงแล้ว พวกนายต้องระวังคำพูดหน่อย ไม่งั้นฉันอาจจะใช้อำนาจกลั่นแกล้งพวกนายก็ได้ ขนาดลุงถานตอนนี้ยังทำงานภายใต้ฉันเลย!”
ฟางผิงเอ่ยสัพยอก ถานเฮ่ารีบถามขึ้นมาทันที รอจนรู้ว่าเขาไปเยี่ยมผู้ว่า ผู้ว่าให้ตำแหน่งรองผู้บัญชาการกับเขา ถานเฮ่าและถานเทาต่างพากันอิจฉาตาร้อน
หากพวกเขามีตำแหน่งแบบนี้บ้าง คงเดินเชิดหน้าอยู่ในหยางเฉิงสบายๆ พ่อของตัวเองน่าจะดีใจจนนอนไม่หลับไปหลายวัน
พูดคุยเล่นกันจนกินข้าวเสร็จแล้ว ฟางผิงจึงเผยสีหน้าจริงจังขึ้นมา
“ในอนาคตอีกปีหรือปีครึ่ง หนานเจียงอาจจะเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้ฝึกยุทธ์ พวกนายต้องเตรียมตัวให้ดี อีกอย่าง คดีโจมตีที่รุ่ยหยางครั้งนั้นยังจำได้หรือเปล่า?”
พวกเขาพยักหน้า
“ผู้ฝึกยุทธ์ลัทธินอกรีตพวกนี้ ช่วงนี้เริ่มเคลื่อนไหวในหนานเจียง ครั้งนี้ฉันกลับมา อันที่จริงหลักๆ อยากรับภารกิจพวกนี้ กวาดล้างผู้ฝึกยุทธ์นอกรีต แต่ทางมหาวิทยาลัยยังมีเรื่องอื่นอีก ออกมานานแล้ว ฉันเลยจำเป็นต้องละทิ้งไว้ก่อน เวลาที่พวกนายออกไปข้างนอก ระวังตัวด้วยแล้วกัน แต่เจียงเฉิงเป็นเมืองเอก มีปรมาจารย์หลายคนนั่งรักษาการณ์อยู่ โอกาสที่จะเกิดขึ้นในเจียงเฉิงมีน้อย…”
อู๋จื้อหาวละล่ำละลักเอ่ยว่า “งั้นหยางเฉิงล่ะ?”
หยางเฉิงไม่ใช่เมืองใหญ่ เป็นแค่เมืองระดับอำเภอ ผู้ฝึกยุทธ์มีไม่เยอะ ทั้งยังฝีมืออ่อนแอ
หากเกิดเรื่องที่หยางเฉิงจริงๆ คงจะส่งผลกระทบถึงครอบครัวของพวกเขา
“หยางเฉิง…ครั้งนี้ฉันจะกลับหยางเฉิงก่อน ไปพูดคุยกับผู้บัญชาการไป๋สักหน่อย ถ้ามีปัญหา ฉันก็จะจัดการ จัดการไม่ไหว จะไปหาพี่หวัง”
ได้ยินว่าฟางผิงจะกลับไป ทั้งยังมีหวังจินหยางซึ่งเป็นคนหยางเฉิงเหมือนกัน ทุกคนจึงสบายใจขึ้นไม่น้อย
ผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มสู้รบสองคน คนหนึ่งเข้าสู่ระดับกลางแล้ว ฝีมือไม่ด้อยไปกว่าผู้บัญชาการเมืองทั่วไป จัดการเรื่องบางอย่างไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว
—
ช่วงบ่ายแก่ๆ พวกฟางผิงต่างแยกย้ายกันไป
“น่าเสียดายที่ไม่ได้ขับรถออกมา…”
ฟางผิงที่เดินมุ่งหน้าไปยังสถานีรถโดยสารรู้สึกจนใจอยู่บ้าง
ครั้งนี้ออกมาข้างนอก ทุกคนมาด้วยรถตู้ รถถูกพวกฟู่ชางติ่งขับกลับไปแล้ว
ฟางผิงก็ซื้อรถไว้คันหนึ่งเหมือนกัน ครั้งก่อนวานหลี่เฉิงเจ๋อซื้อให้ แต่เขาไม่ได้ขับมา
ตอนนี้เลยจำเป็นต้องนั่งรถกลับบ้าน
—
สถานีรถโดยสารเมืองเจียงเฉิง
ฟางผิงไม่ได้ไปสถานีรถไฟ ยุ่งยากเกินไป ทั้งเขายังพกอาวุธมาด้วย ต้องถูกตรวจสอบ ไม่เหมือนกับสถานีรถโดยสารประจำทาง เวลานี้แทบไม่มีการตรวจสอบเรื่องพวกนี้
ซื้อตั๋วแล้ว ยังเหลือเวลาก่อนที่รถจะออก ฟางผิงไม่รีบขึ้นรถเช่นกัน
เขายืนมองไปรอบๆ สถานี สถานีรถโดยสารของเมืองเจียงเฉิงมีคนหลั่งไหลเข้ามาไม่น้อย ค่อนข้างคึกคักเลยทีเดียว
แต่แทบจะเป็นคนธรรมดาทั้งหมด ผู้ฝึกยุทธ์มีฐานะตำแหน่ง ไม่ค่อยมีใครนั่งรถโดยสาร
ฟางผิงไม่ได้ขับรถมา จึงต้องเลือกนั่งรถโดยสาร
ฟางผิงกวาดสายตามองไปรอบๆ ถอนหายใจเล็กน้อย หากไม่มีภัยคุกคามของถ้ำใต้ดิน การใช้ชีวิตแบบนี้ คงเพียงพอที่จะมีความสุขสำหรับคนทั่วไปแล้ว
แต่พอนึกได้ว่า อาจจะมีวันหนึ่งที่ทางเข้าถ้ำปรากฏที่หนานเจียง…คนพวกนี้ยังจะเหมือนกับตอนนี้อยู่หรือเปล่า?
ทุกครั้งที่ทางเข้าถ้ำปรากฏจะก่อให้เกิดภัยพิบัติใหญ่
ภัยพิบัติทางธรรมชาติคงไม่พูดถึง แต่หากการป้องกันมีช่องโหว่ นั่นถึงจะเป็นปัญหาใหญ่
หลายปีมานี้อันที่จริงเคยเกิดเหตุการณ์ที่สิ่งมีชีวิตใต้ดินหลุดเข้ามาในโลกเช่นกัน
บางครั้งมีบางส่วนเล็ดลอดออกไป ไม่ได้ถูกกวาดล้างอย่างทันท่วงที
ผลปรากฏว่าสิ่งมีชีวิตใต้ดินพวกนี้ พบคนก็จะฆ่าทันที เกิดเป็นคดีฆาตกรรม
สิ่งมีชีวิตประเภทนี้ ปกติท้ายที่สุดจะถูกยิงตาย อ้างเหตุผลในการจัดการว่าป่วยทางจิตหรืออย่างอื่น แต่คนที่ตายไปแล้ว ไม่อาจฟื้นคืนได้
นึกถึงเรื่องพวกนี้ ฟางผิงจึงใจลอยอยู่บ้าง
พอใจลอย เขาจึงปลดปล่อยปราณออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาไม่สนใจเช่นกัน การปลดปล่อยปราณขึ้นอยู่กับการควบคุมของตัวเอง
ควบคุมไม่ไหว ปล่อยออกมาเล็กน้อย ไม่ส่งผลกระทบอะไรอยู่แล้ว
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างควบคุมการปลดปล่อยปราณไม่ได้เป็นเรื่องปกติ
ผลปรากฏว่าการปล่อยปราณนี้ ทำให้ฟางผิงขมวดคิ้วขึ้นมา รีบหันไปมองจุดที่ไม่ไกลมาก
“ผู้ฝึกยุทธ์…”
ฟางผิงแคลงใจเล็กน้อย หรือจะรู้สึกคลาดเคลื่อน?
เขามองไปยังทิศทางที่เพิ่งสัมผัสได้เมื่อครู่อีกครั้ง เหมือนจะรับรู้ได้ถึงพลังปราณจากคนธรรมดา แต่ไม่ชัดเจนเท่าไหร่…
“ผู้ฝึกยุทธ์ที่นั่งรถ…คงไม่ใช่พวกลัทธินอกรีตที่จนๆ หรอกนะ!”
ฟางผิงพูดแขวะออกมา เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนจนเช่นกัน เขาจนจริงๆ นี่
กวาดสายตามองอีกครั้ง สุดท้ายสายตาเขาจึงหยุดอยู่ที่ร่างชายวัยกลางคนที่สวมแว่นตาคนหนึ่ง ดูสุภาพเรียบร้อย ไม่มีพิษมีภัยอะไร
“ไม่ใช่คนดีแน่!”
จู่ๆ ฟางผิงก็มั่นใจในสัญชาตญาณ!
แน่นอนว่าเหตุผลหลักเป็นเพราะไม่เข้าพวก…
ใช่แล้ว ไม่เข้าพวกอย่างมาก
ชายคนนี้ยืนอยู่ระหว่างกลุ่มคนธรรมดา กลับดูไม่เข้าพวกอย่างเห็นได้ชัด
“ผู้ฝึกยุทธ์มักเป็นแบบนี้…”
แม้จะเป็นคนเหมือนกัน แต่ผู้ฝึกยุทธ์และคนธรรมดายังคงมีความแตกต่าง อย่างอื่นไม่พูดถึง แค่บุคลิกก็ไม่เหมือนกันแล้ว
“ซ่อนสัมผัสจากฉันได้ ปราณไม่ธรรมดาจริงๆ”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสอง ฝีมือต่ำกว่าฟางผิง ยากที่จะปิดบังเขา
แต่เมื่อครู่หากไม่ใช่ว่าฟางผิงเผลอปลดปล่อยปราณ ก็คงไม่อาจสัมผัสถึงปราณของคนอื่นได้หรอก เว้นเสียจะว่างจนไม่มีอะไรทำ
ในใจคิดฟุ้งซ่านเรื่องพวกนี้ ทว่าฝีเท้าของฟางผิงกลับเคลื่อนออกไปทางนั้นแล้ว
รอจนฟางผิงเดินเข้าไปใกล้ ชายวัยกลางคนก็หันมามองเขา ทั้งสองประสานสายตากัน ไม่มีใครพูดอะไร
ผ่านไปสักพัก คนขับรถตะโกนเสียงดังว่า “ไปอู้เฉิงขึ้นรถได้แล้ว!”
อู้เฉิงอยู่ในหนานเจียงเช่นกัน ไม่ไกลจากหยางเฉิงเท่าไหร่
ชายวัยกลางคนขยับฝีเท้า ฟางผิงตามเข้าไปทันที ห่างจากอีกฝ่ายประมาณหนึ่งเมตร เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณลุงไปอู้เฉิงเหรอครับ?”
“อืม”
“คุณลุงกลับบ้านหรือว่า…”
ชายวัยกลางคนไม่ตอบ ฟางผิงไม่สนใจเช่นกัน เอ่ยต่อว่า “คุณลุง ที่นี่คนเยอะ เปลี่ยนที่คุยกันสักหน่อยดีหรือเปล่า?”
ชายวัยกลางคนชะงักฝีเท้า ขมวดคิ้วว่า “ฉันไม่ใช่คนเลว น้องชาย พวกเราพบกันโดยบังเอิญ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร จะตามตื้อไม่ปล่อยเพื่ออะไร?”
ฟางผิงมองพินิจยกใหญ่ เอ่ยว่า “พานเสี่ยวหยาง?”
ชายคนนั้นหน้าเปลี่ยนสี
“จารกรรมข้อมูลทางธุรกิจ ไม่ถึงกับเป็นคนชั่วช้าสามานย์อะไร ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด ผมอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้คุณเสมอไป ผมฟางผิง ขั้นสองสูงสุดจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ แต่ยอมรับว่าสิบอันดับแรกของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองอาจไม่ใช่คู่มือผมเช่นกัน”
พานเสี่ยวหยางขมวดคิ้วแน่น ผ่านไปพักใหญ่ค่อยเอ่ยว่า “นายอยากฆ่าฉัน?”
“เปล่า ผมอยากได้รางวัลมูลค่ากว่าสิบล้าน”
พานเสี่ยวหยางสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ฟางผิงเอ่ยว่า “เอายาบำรุงที่ติดตัวให้ผมทั้งหมด บัตรธนาคาร รหัสบัญชีให้ผมด้วย พวกเราบังเอิญเจอกันเป็นยังไง? นี่คือเจียงเฉิง มีปรมาจารย์หลายคน…”
เป็นครั้งแรกที่พานเสี่ยวหยางพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ ตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ ว่า “นายแน่ใจ?”
“แน่ใจ”
“เอาไป!”
พานเสี่ยวหยางไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก โยนกระเป๋าเป้ให้เขา
ฟางผิงเปิดดู ขมวดคิ้วว่า “ล้อกันเล่น? ขั้นสามสูงสุด มีแค่ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งหนึ่งขวด?”
“ใช้ไปหมดแล้ว”
“ในบัตรมีเงินเท่าไหร่?”
“สองล้าน ฉันไม่สามารถใช้ได้เหมือนกัน ถ้านายจะถอนก็รอฉันออกไปก่อน”
ฟางผิงคำนวณอยู่พักใหญ่ ครุ่นคิดว่า “ผมอยากได้พลังงานแร่ คุณมีหรือเปล่า?”
“ไม่มี”
“ยาจกชัดๆ”
ฟางผิงให้คำสรุปความ ครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งหนึ่งขวด เงินสดสองล้าน เงินแค่นี้ไม่สอดคล้องกับฐานะคุณซะเลย เอาอย่างนี้ให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงให้หลัง ผมจะแจ้งคนมาจับคุณเป็นยังไง?”
“ได้!”
พานเสี่ยวหยางไม่ชักช้า บอกรหัสบัตรธนาคารแล้วก็ขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว ไม่พูดไร้สาระกับฟางผิงอีก
ไม่นานรถโดยสารก็เดินทางออกจากสถานี
ฟางผิงแทบจะมั่นใจว่า พอรถออกจากสถานี หมอนี้จะหนีทันที
แต่ที่นี่คือสถานีรถโดยสาร คนเยอะเกินไป ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าพานเสี่ยวหยางสัมผัสได้ถึงเขา หากลงมือกันจริงๆ คนธรรมดาจะถูกลูกหลงไปด้วย
พอรถออกไปแล้ว ฟางผิงจึงต่อสายหาเหล่าหวังทันที
“เจอตัวพานเสี่ยวหยางที่สถานีรถโดยสาร เพิ่งจะขึ้นรถไปอู้หยาง เจอกับผมซึ่งๆ หน้า แต่หนีไปไม่ไกล…จับคนได้ แบ่งผมสามส่วน?”
“หนึ่งส่วน!”
“ผมเป็นคนเจอ”
“นายให้เบาะแสมาแล้ว หนึ่งส่วน ถือว่าฉันให้นายฟรี”
“สองส่วน! ทุกคนทำธุรกิจต้องมีความน่าเชื่อให้กัน!”
“หนึ่งส่วน”
“ก็ได้ เร็วหน่อย มูลค่าตั้งสิบล้าน แบ่งให้ไม่กี่ล้านก็ยังดี”
ฟางผิงถอนหายใจ ก่อนจะตัดสายโทรศัพท์
ครู่ต่อมาก็เอ่ยอย่างชื่นใจ “คำนวณดูแล้ว ไม่ต้องลงมือ กลับได้มาเกือบครึ่ง ฉันมันอัจฉริยะจริงๆ!”
จู่ๆ กลับคล้ายจะนึกอะไรออก “ฉันรับปากว่าจะแจ้งหลังหนึ่งชั่วโมง ฉันทำเกินไปหรือเปล่า?”
ฟางผิงบ่นกับตัวเอง ก่อนจะปิดหน้าตัวเองอย่างจนใจ
พานเสี่ยวหยางหนีไปแล้ว นั่นหมายความว่าจะไม่เจอกับเหล่าหวัง ไม่รู้ว่าตัวเองจะน่าเชื่อถืออีกหรือเปล่า
หากหนีไม่รอดถูกคนจับ ฟางผิงยังจะสนใจเรื่องที่เขาไม่พอใจได้ยังไง
“นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอได้…ดวงคนนี่จริงๆ เลย”
อันที่จริงฟางผิงอยากลงมือเองเหมือนกัน แต่ที่นี่เป็นสถานีรถโดยสาร
รวมทั้งอีกฝ่ายรู้ว่าควรทำสิ่งใด ให้ผลประโยชน์มาตรงๆ ฟางผิงชั่งน้ำหนักในใจแล้ว จึงคิดว่าแล้วกันไป
เขาลงมือเอง ท้ายที่สุดอาจไม่คุ้มค่า
ก่อนหน้านี้ทุกคนอยากเจอคู่ต่อสู้มาฝึกประสบการณ์ แต่ฟางผิงเกือบถูกกู้สยงเอาชนะที่หนานเจียงแล้ว
ตอนนี้บรรลุเป้าหมายแล้ว ยังจะต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดไปทำไม
“ดูท่าเหล่าหวังยังจะขัดสนเรื่องเงิน…ครั้งก่อนได้ไปตั้งเยอะใช้หมดแล้ว?”
เขาทำปากขมุบขมิบ ก่อนจะเดินขึ้นรถไปหยางเฉิง
———————-