ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 190 ปวดใจเหลือทน (1)
ตอนที่ 190 ปวดใจเหลือทน (1)
หยางเฉิง
ฟางผิงกลับมาถึงหยางเฉิงก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว
เหล่าหวังไม่ได้ส่งข่าวสารอะไรมาเลย ฟางผิงเดาว่าน่าจะคว้าน้ำเหลว
“หนีก็หนีไปเถอะ ฉันไม่ได้ขาดทุนอยู่แล้ว”
ระหว่างที่พึมพำ มือถือกลับสั่นขึ้นมา
ฟางผิงคว้ามือถือมาดู เป็นแจ้งเตือนข้อความ…
“เหล่าหวังใจถึงจริงๆ!”
ฟางผิงมองจำนวนเงินที่เพิ่งถูกโอนเข้ามาในบัญชีอย่างตกตะลึงอยู่บ้าง เหล่าหวังพูดคำไหนคำนั้นจริงๆ ด้วย!
“ห้าล้าน!”
ดูท่าจะจับคนได้แล้ว นึกไม่ถึงว่าเหล่าหวังจะแบ่งผลประโยชน์ให้ตัวเองตั้งครึ่งหนึ่ง ชั่วขณะนั้นฟางผิงก็รู้สึกว่าหวังจินหยางใจกว้างอย่างกับอะไรดี
ปากบอกว่าจะให้ส่วนเดียว ผลปรากฏว่ากลับโอนมาให้ห้าล้าน
ครุ่นคิดดูแล้ว ฟางผิงจึงตัดสินใจโทรกลับไป
พอสายติด ฟางผิงก็เอ่ยอย่างกระตือรือร้น “พี่หวัง จะเกรงใจเกินไปแล้ว ผมแค่ให้เบาะแสนิดหน่อย พี่กลับโอนให้เยอะขนาดนี้ ทำเอาซะผมลำบากใจ”
“ไม่หรอก นายสมควรได้อยู่แล้ว”
“บอกว่าจะให้ส่วนเดียว กลับแบ่งให้ผมตั้งครึ่งหนึ่ง เฮ้อ เกรงใจจริงๆ เลย…”
“ครึ่งหนึ่ง?”
หวังจินหยางเอ่ยอย่างงุนงงอยู่บ้าง “ครึ่งหนึ่งอะไร? แบ่งให้สิบเปอร์เซ็นต์ ห้าล้านถูกแล้วนี่”
ฟางผิงตะลึงงันไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยอย่างตกใจ “พี่หวัง พี่หมายความว่า…”
“พานเสี่ยวหยางถูกฉันจับนานแล้ว แต่เขาไปอู้หยางเพราะบ้านเกิดอยู่ที่นั่น ทรัพย์สินของเขาซ่อนอยู่ที่บ้านเกิดเหมือนกัน ขนาดภรรยาเขายังไม่รู้ ฉันเทียวไปแล้ว ถือโอกาสเอาของกลับมาด้วย เพิ่งจะจัดการเสร็จ…”
“มะ…มูลค่าห้าสิบล้านเลยเหรอ?” ฟางผิงรู้สึกแค่ว่าในปากเต็มไปด้วยรสขมปร่า
“ซื้อตัวผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด ราคาต้องไม่ใช่น้อยๆ อยู่แล้ว หรือนายไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน?”
หวังจินหยางตกใจยิ่งกว่าเขาซะอีก นี่ไม่ใช่เรื่องปกติหรือไง?
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด ทั้งยังเป็นสมาชิกสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียง ต่อต้านผู้มีอำนาจหลายฝ่ายอย่างมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงหลิน
การซื้อตัวบุคคลเช่นนี้ ถ้ามีไม่ถึงสิบล้านจะกล้าเสนอออกมาได้ยังไง?
ในเมื่อได้เงินมาเยอะขนาดนี้ พานเสี่ยวหยางไม่กล้าใช้จึงเก็บไว้แทน ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง?
หวังจินหยางเอ่ยแค่ไม่กี่ประโยค ให้เขาเลือกว่าจะติดคุกที่หนานเจียง หรือให้ส่งกลับตงหลิน…
พานเสี่ยวหยางไม่พูดยืดเยื้อ ทำเรื่องที่เห็นว่าสมควรทันที ให้สิ่งแลกเปลี่ยนที่ชัดเจน ใช้เงินซื้อชีวิตของตัวเอง
ต้องรั้งอยู่ที่หนานเจียงสิ! ส่งเขากลับไปตงหลิน นั่นคือตายสถานเดียว
ดังนั้นเหล่าหวังจึงเทียวไปอู้เฉิงเพื่อเอาผลประโยชน์ เพิ่งจะกลับมามหาวิทยาลัยนี่เอง
“ห้าสิบล้าน…”
ฟางผิงยังอยู่ในภวังค์ แม่งเหอะ ฉันทำพลาดไปใช่หรือเปล่า?
นึกไม่ถึงว่าฉันจะยังอิ่มอกอิ่มใจ!
นึกไม่ถึงว่าฉันจะตื่นเต้นที่ตัวเองได้เงินค่าผ่านทาง!
ใช่แล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดจะไม่มีทรัพย์สินบ้างเลยหรือไง?
เห็นได้ชัดว่าพานเสี่ยวหยางมีฝีมือธรรมดา หากฟางผิงสู้สุดใจจริงๆ เติมปราณสักหน่อย ก็เอาชีวิตเขาได้แล้ว
ตัวเองใช้เวลาหนึ่งเดือน ไม่สิ สามเดือนทำภารกิจยังไม่เห็นภารกิจไหนจะทำเงินได้มากกว่าคดีของพานเสี่ยวหยางด้วยซ้ำ
ฉันกลับส่งไปให้เหล่าหวังซะแล้ว? นับว่าส่งขุมทรัพย์กองโตอย่างนั้นสินะ?
ฟางผิงรู้สึกขมปร่า พูดไม่ออกอยู่บ้าง ฉันโง่เกินไปหรือเปล่า?
“ฉันยังมีธุระ วางก่อนละนะ ครั้งหน้าถ้ามีเรื่องแบบนี้อีกติดต่อฉันได้”
เหล่าหวังค่อนข้างมีความสุขเช่นกัน เก็บเงินก้อนโตจากขั้นสามมาอย่างฟรีๆ
ไม่จำเป็นต้องหาคนด้วยซ้ำ แค่วิ่งเต้นไม่กี่ชั่วโมง ฟางผิงมีน้ำใจจริงๆ
—
วางสายแล้ว ฟางผิงก็ทำหน้าเจ็บปวดรวดร้าว
“มีเงินห้าสิบล้านกองอยู่ตรงหน้า ฉันเลือกจะทิ้งไป พอได้เงินห้าล้านมากลับดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง…นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ปวดใจชะมัด!”
ปวดใจจนยากที่จะบรรยาย!
เวลาสามเดือนทำไปกว่าสิบสองภารกิจ ได้เงินประมาณสิบสองล้านถือว่าเยอะแล้วมากแล้ว
แต่ตอนนี้ล่ะ?
เหล่าหวังแค่เทียวไปอย่างสบายๆ ได้มาตั้งสี่สิบห้าล้าน!
“อยากด่าคนชะมัด!”
ฟางผิงกัดฟันแน่น เขาควรด่าใคร?
แม้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่อยากจะหาเงินเยอะขนาดนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนกัน เงินตั้งนับสิบล้าน!
เขาแทบจะจินตนาการได้ว่า ตอนที่เหล่าหวังได้รับเงินก้อนนี้คงยิ้มจนหุบไม่อยู่อย่างแน่นอน
เหล่าหวังเป็นยาจกคนหนึ่ง เพื่อเงินไม่กี่แสนยังต้องวิ่งงกเงิ่นทำภารกิจอยู่หลายวัน
ตอนนี้กลับได้เงินเป็นกอบเป็นกำในเวลาสั้นๆ จะไม่ดีใจได้ยังไง ไม่แน่ว่าในใจอาจกำลังซาบซึ้งในตัวเขาอยู่ก็ได้…
“ราคาของความซาบซึ้งใจนี้ใหญ่เกินไปแล้ว!”
“ไม่สิ บางทียังต้องด่าฉันว่าโง่อีกคน!”
ฟางผิงพูดพึมพำกับตัวเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ
“นึกไม่ถึงว่าฉันจะคิดไม่ได้…ฉันฉลาดไม่เท่าเหล่าหวังหรือไง…”
—
ฟางผิงกลับไปย่านกวนหูหยวนด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว พอเห็นฟางหยวนเหมือนจะผอมลง
เขาจึงอดโจมตีไม่ได้ หยิกแก้มฟางหยวนที่ทำหน้าเหลอหลา เอ่ยอย่างปวดใจ “ขี้เหร่ซะแล้ว! พูดกันว่าผู้หญิงยิ่งโตก็ยิ่งสวย ทำไมน้องสาวฉันถึงดูขี้เหร่ลงไปทุกวัน! ฟางหยวน บอกให้กินข้าวเยอะๆ ทำไมไม่ฟังกันบ้าง! หน้าตาแบบนี้ดูได้หรือไง?”
ฟางหยวนแทบจะสับสนไปหมด
ฉัน…ขี้เหร่ไปแล้ว?
ถึงขั้นดูไม่ได้เลย?
เธอแทบจะลืมถามว่าทำไมฟางผิงถึงกลับมาตอนนี้ ถูกโจมตีจนพูดไม่ออก
ในสายตาของฟางผิง ฉันหน้าตาดูไม่ได้เลย เป็นปัญหารสนิยมของพี่ชาย หรือว่าหน้าตาเธอขี้ริ้วขี้เหร่จริงๆ กัน?
“แม่คะ…”
เด็กสาวมองหลี่อวี้อิงอย่างรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม “หนูขี้เหร่จริงๆ เหรอ?”
หลี่อวี้อิงถลึงตาใส่ลูกชาย ก่อนจะเอ่ยทั้งขำและโมโหว่า “อย่าฟังพี่ลูกพูดจาเหลวไหล มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน ลูกดูดีแล้ว”
“ฟางผิง!”
ฟางหยวนจ้องฟางผิงอย่างโมโห นายจะรังแกคนเกินไปแล้ว!
ฟางผิงถอนหายใจ ส่ายหน้าว่า “ช่างเถอะ เธอไม่เข้าใจ คนเราต้องหน้าตามีเอกลักษณ์ ต่อไปกินให้เยอะๆ หน่อย ถ้าผอมกว่านี้อีก ฉันคงต้องคิดดูแล้วว่าควรจะยอมรับเธอเป็นน้องหรือเปล่า”
ฟางหยวนกลอกตาใส่พี่ชาย ขี้เกียจจะสนใจนายแล้ว
หลี่อวี้อิงเห็นแบบนี้จึงอดขำไม่ได้ “เอาเถอะ อย่ากลับมาก็รังแกหยวนหยวนแบบนี้สิ ผิงผิง ลูกกลับมาทำไมไม่โทรมาบอกก่อน แม่จะได้ซื้อกับข้าวมาเยอะหน่อย…”
“แค่ผ่านทางเลยแวะเข้ามาเฉยๆ ไม่ได้เป็นแขกสักหน่อย กินอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละครับ…”
ฟางผิงคุยเป็นเพื่อนแม่อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะบีบแก้มฟางหยวน เวลานี้ค่อยสงบจิตใจลงได้
วันนี้เขาทิ้งเงินไปตั้งสี่สิบห้าล้าน
เงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิต! กลับเอาไปให้เหล่าหวัง ผลปรากฏว่าเจ้าขี้เหนียวนั่นกลับไม่เอ่ยปากจะให้เขาเพิ่มสักนิด แล้งน้ำใจเกินไปแล้ว!
“ไม่ช้าก็เร็วต้องเอาเงินกลับมาเป็นของฉันให้ได้!”
ฟางผิงตัดสินใจแน่วแน่ การทิ้งเงินในครั้งนี้ทำให้คนผิดหวังเกินไปแล้ว
—
ตอนเย็น
ระหว่างที่กินข้าว จู่ๆ ฟางหมิงหรงก็เอ่ยว่า “ผิงผิง กองการศึกษาให้พ่อเป็นรองหัวหน้าฝ่ายสำนักงาน…”
เรื่องนี้หลี่อวี้อิงเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกเช่นกัน เอ่ยอย่างตกใจว่า “รองหัวหน้าฝ่ายสำนักงาน? คุณเนี่ยนะ?”
ไม่ใช่ว่าเธอดูถูกสามีตัวเอง แต่ฟางหมิงหรงมีฝีมือระดับไหน เธอจะไม่รู้ได้ยังไง?
ก่อนหน้านี้เป็นแค่กรรมกรธรรมดา จากนั้นมาเป็นยามเฝ้าประตู ตอนนี้กลับเป็นถึง…
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
ฟางผิงรับรู้ความกังวลของพ่อ “เป็นแค่ตำแหน่งที่แขวนให้ เพิ่มเงินเดือนขึ้นมาเล็กน้อย ผมยังเป็นรองผู้บัญชาการหยางเฉิงเลย ก็ไม่ได้มีคนมองผมเป็นรองผู้บัญชาการจริงๆ”
ทั้งโต๊ะตกอยู่ในความเงียบในชั่วพริบตา
ฟางหยวนที่ถูกบีบจนแก้มแดงแทบจะลืมความโมโหไป เบิกตากว้างมองฟางผิง เอ่ยอ้ำอึ้งว่า “รอง…ผู้บัญชาการ?”
“อืม แค่ในนามเฉยๆ” ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แค่ในนามเท่านั้น ฉันจะไปควบคุมใครที่ไหนได้จริงๆ?”
——————