ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 194 ไม่มีเงินฝึกวิชายากชะมัด (1)
ตอนที่ 194 ไม่มีเงินฝึกวิชายากชะมัด (1)
อาคารธุรกิจ
ฟางผิงเดินเข้ามาในบริษัท
ตอนนี้หยวนฟางมีเคาน์เตอร์ต้อนรับแล้ว เห็นฟางผิงเดินเข้ามา พนักงานใหม่ยังไม่รู้จักฟางผิงกำลังคิดจะรั้งตัวก็เห็นหลี่เฉิงเจ๋อเดินเข้ามาต้อนรับก่อน
“คุณฟาง…”
“เข้าไปคุยกันข้างใน”
ฟางผิงไม่หยุดฝีเท้า เดินเข้าไปในห้องทำงานหลี่เฉิงเจ๋ออย่างรวดเร็ว
พวกเขาเข้าไปแล้ว พนักงานฝ่ายสำนักงานก็มีคนกระซิบว่า “คนที่เพิ่งเข้าไปเมื่อกี้คือเจ้านายของพวกเรางั้นสินะ?”
“อืม เขานั่นแหละ อัจฉริยะของเซี่ยงไฮ้ ก่อนหน้านี้เป็นแชมป์การแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศ ครั้งก่อนบริษัทตงเซิงถูกพวกเรารวบกิจการเพราะประธานฟางเอาชนะเจ้าของบริษัทของตงเซิงได้เช่นกัน ไม่นานมานี้เหมือนประธานฟางจะอยู่ขั้นหนึ่ง แต่ตอนนี้ได้ยินว่าอยู่ขั้นสองแล้ว”
“ขั้นสอง?”
มีคนลอบชม เจ้านายของพวกเขาอายุน้อยจนน่าตกใจ ยังไม่ทันจบปีหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
“ปกติประธานฟางไม่ค่อยเข้ามาที่นี่ แต่บริษัทของพวกเราทำกำไรไม่ได้มาโดยตลอด…ไม่รู้ว่าประธานฟางมาที่นี่เพราะ…”
มีคนกังวลอยู่บ้าง ทั้งมีคนเอ่ยอย่างมั่นใจเช่นกัน “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ช้าก็เร็วพวกเราต้องทำกำไรได้แน่ ประธานฟางมีหน้ามีตา โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เส้นสายเยอะไม่ใช่เล่น ก่อนหน้านี้พวกเราทำแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ ตอนนี้มีการใช้ภายในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว พวกนายลองคิดดู ถ้าไม่มีเส้นสายในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะใช้แพลตฟอร์มของพวกเราได้ยังไง? ดังนั้นประธานฟางคงไม่คิดอะไรตื้นๆ อยู่แล้ว…”
แม้ทุกคนจะพูดอย่างนั้น กลับใช้น้ำเสียงเบาอย่างมาก ไม่กล้าส่งเสียงดังออกมา พากันปรายสายตามองไปที่ห้องทำงานของหลี่เฉิงเจ๋อ
—
ภายในห้องทำงาน
ฟางผิงอ่านข้อมูล ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ขยายไปถึงเขตหนานเฟิ่งแล้ว?”
“ครับ แพลตฟอร์มสั่งอาหารและจุดขนส่งมีการจัดตั้งในเขตหนานเฟิ่งแล้ว ตั้งแต่คุณเอาชนะเว่ยตงเซิง ทั้งแสดงฝีมือในการแข่งขันแลกเปลี่ยน ตอนนี้หลายคนจึงรู้จักชื่อเสียงของคุณไปด้วย ปัญหาต่างๆ ก่อนหน้านี้แทบจะหายไปเองหมด”
“ก่อนหน้านี้ฉันแสดงฝีมือในขั้นหนึ่งเท่านั้น…”
ฟางผิงครุ่นคิดพลางเอ่ยว่า “อีกไม่กี่วัน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้น่าจะมีการจัดอันดับขั้นสองใหม่อีกครั้ง ถึงเวลานั้นฉันคงจะอยู่ในยี่สิบอันดับแรก คุณสามารถเอาไปกระจายข่าวได้”
“การจัดอันดับขั้นสอง…”
หลี่เฉิงเจ๋อตะลึงไปเล็กน้อย อันที่จริงเขารู้เรื่องที่ฟางผิงทะลวงขั้นสองแล้ว
แต่ฟางผิงเพิ่งจะทะลวงได้ไม่นาน การจัดอันดับขั้นสองตอนนี้จำกัดเพียงหนึ่งร้อยคน
ทั่วประเทศมีนักศึกษาศิลปะการต่อสู้กว่าหนึ่งแสนคน มีขั้นหนึ่งและคนธรรมดามากที่สุด ครองสัดส่วนเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
ขั้นสองกลับเป็นที่เหลือจากเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ เกือบหนึ่งหมื่นคน
ลดลงมาตามสัดส่วน นักศึกษาศิลปะการต่อสู้ขั้นสามก็มีประมาณหนึ่งพันคน กระจัดกระจายอยู่ในมหาวิทยาลัยต่างๆ คนพวกนี้แทบจะเป็นนักศึกษาหัวกะทิทั้งสิ้น
การจัดอันดับหนึ่งร้อยคน ฟางผิงสามารถทะลวงเข้าไปในอันดับต้นๆ ของขั้นสองได้รวดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แม้ขั้นสองจะไม่ได้เลิศเลออะไร แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกจัดในอันดับของขั้นสอง อย่างน้อยก็มีฝีมือเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนกลางทั่วไป จุดนี้ผมคิดว่าคนอื่นคงคิดเหมือนกัน เว้นเสียจากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนกลางขึ้นไปมาหาเรื่อง…นอกเหนือจากนั้นคงต้องครุ่นคิดสักหน่อยแล้ว ผมเป็นนักศึกษาแนวหน้าของเซี่ยงไฮ้ ไม่ใช่คนที่รังแกได้ง่ายๆ อาจารย์ของผมเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก เบื้องหลังยังมีปรมาจารย์ยืนอยู่”
ฟางผิงถนัดใช้อำนาจอยู่แล้ว
ทั้งไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน แค่ตักเตือนนิดหน่อยเท่านั้น ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกหนึ่งคน ปรมาจารย์อีกหนึ่งคน…
การจัดทัพเช่นนี้ เปิดแค่บริษัทเล็กๆ ใครจะโง่คิดสร้างเรื่องกัน?
หากฟางผิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ทุกคนอาจไม่คิดว่าเขายืมมืออาจารย์ตัวเองได้เสมอไป
แต่เขาเข้าสู่การจัดอันดับของขั้นสองได้อย่างรวดเร็ว อัจฉริยะเช่นนี้ แม้จะเป็นอาจารย์ของเซี่ยงไฮ้ก็ต้องให้ความสำคัญ จุดนี้คนฉลาดคงเข้าใจอยู่แล้ว
หลี่เฉิงเจ๋อได้ยินเขาพูดแบบนี้จึงเผยใบหน้าดีใจขึ้นมา “ความหมายของคุณคือ…”
“ขยายกิจการ!”
ฟางผิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ก่อนหน้านี้ก้าวเดินได้แค่ก้าวเล็กๆ ช้าเกินไป นับตั้งแต่นี้ไปจะขยายเข้าไปทั่วเมืองเซี่ยงไฮ้! คุณเคยทำงบประมาณหรือเปล่า? ตอนนี้จะดำเนินการขยายทั่วเมืองเซี่ยงไฮ้ต้องใช้เงินทุนประมาณเท่าไหร่?”
“คุณหมายถึงทั้งบริษัทขนส่งและบริการส่งอาหาร?”
“ถูกต้อง”
“อีกยี่สิบล้านน่าจะเพียงพอแล้ว!”
หลี่เฉินเจ๋อตื่นเต้นเล็กน้อย รีบรายงานตัวเลขออกไป
ฟางผิงมองเขาแวบหนึ่ง ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เขาลงทุนกับหยวนฟางไปกว่าสิบห้าล้านแล้ว
แต่จนถึงตอนนี้การวางโครงสร้างของทั้งสองเขตยังไม่เสร็จสมบูรณ์
เซี่ยงไฮ้มีทั้งหมดหกเขต หากต้องการวางโครงสร้างทั้งหมด นึกไม่ถึงว่าจะแค่ยี่สิบล้านเท่านั้น?
ไม่ใช่ว่าฟางผิงมีเงินเยอะเลยให้เยอะ แต่กำลังครุ่นคิดว่าช่วงแรกใช้เงินตั้งมากมายขนาดนั้น เพราะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า…
ก่อนหน้านี้เขาคิดจะหาใครสักคนมากำกับดูแล มอบอำนาจให้ นี่ไม่ใช่นิสัยของฟางผิงเลย
เรื่องเงินทองนั้นสำคัญอย่างมาก แต่ในเซี่ยงไฮ้เขาไม่อาจเลือกคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่นี้จริงๆ
แต่ตระหนักว่าช่วงแรกเงินทุนถูกใช้ไปเยอะอยู่บ้าง การเตรียมงานของฝ่ายต่างๆ การวางโครงร่างแพลตฟอร์ม และปูช่องทางล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น
จะใช้เงินมากหน่อยก็เป็นไปได้เหมือนกัน
แม้คลาแคลงในใจ ฟางผิงก็ไม่ปรากฏบนสีหน้า เอ่ยว่า “ยี่สิบล้านเพียงพอให้วางโครงร่างทั่วทั้งเซี่ยงไฮ้ งั้นเวลาล่ะ?”
“ประมาณสามเดือนครับ”
“ช้าเกินไป!”
ฟางผิงไม่พอใจเท่าไหร่ เงียบไปพักหนึ่ง “ต้องเร็วกว่านี้หน่อย ทางที่ดีที่สุดแก้ไขปัญหาให้ได้ภายในหนึ่งเดือน!”
“เอ่อ…”
“กระจายข่าวให้เร็วขึ้นด้วย ไม่ต้องสนใจว่าต้องเสียเงินเท่าไหร่ เงินเล็กๆ น้อยๆ ไม่จำเป็นต้องประหยัด กลับไปฉันจะโอนเข้าบัญชีบริษัทอีกยี่สิบล้าน…แต่ว่าการขยับขยายต่อจากนั้น ฉันจะไม่ลงเงินอีกแล้ว ช่วงแรกขนาดบริษัทของพวกเราเล็ก กู้เงินแค่ไม่เท่าไหร่ ทั้งยังสิ้นเปลืองเวลาอย่างมาก รอขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้ว การจัดหาเงินทุน กู้ยืมเงินล้วนใช้แก้ปัญหาเรื่องเงินทุนได้ทั้งสิ้น รอวางโครงสร้างในเซี่ยงไฮ้เสร็จแล้ว ฉันวางแผนจะขยายตลาดไปที่หนานเจียงเมืองเจียงเฉิง ฉันไปพูดคุยกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยหนานเจียงแล้ว พวกเราไปถึงที่นั่น พวกเขาน่าจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันแล้ว ช่วงเวลาจำเป็นสามารถให้หวังจินหยางประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของหนานเจียงออกหน้าแทนได้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลจะเกิดปัญหา…”
“งั้นตัวแทนฝ่ายกฎหมาย…”
ขยายข้ามมณฑล นั่นต้องมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางนั่งรักษาการณ์
“ถึงเวลานั้นถ้าฉันยังไม่ถึงขั้นสี่ คงต้องพิจารณาเรื่องนี้อีกที”
ฟางผิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ รอขยายถึงหนานเจียง น่าจะเป็นเทอมต่อไปแล้ว
เวลานั้นหากเขาไม่อาจทะลวงขั้นสี่ได้
นั่นไม่เป็นไร การแก้ไขปัญหาพวกนี้ช่องทางยังมีอีกเยอะ
ไม่ว่าจะเป็นการพึ่งพาหวังจินหยางหรือหลู่เฟิ่งโหรวต่างต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปเล็กน้อยทั้งสิ้น
หลี่เฉิงเจ๋อตกตะลึงอีกครั้ง เจ้านายมั่นใจขนาดไหนกันถึงพูดออกมาว่าถ้าไม่ถึงขั้นสี่ค่อยพิจารณาเรื่องนี้อีกที!
ฟางผิงเห็นแบบนี้จึงหัวเราะว่า “มองอะไรกัน ผมทะลวงขั้นสามแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องเผยแพร่กับข้างนอก เพิ่งจะทะลวง ผมเป็นแค่คนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ตอนนี้รักษาชื่อเสียงขั้นสองไว้ก่อน อย่างน้อยก็เปิดเผยตัวในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกจัดอันดับในขั้นสอง”
แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร
เดือนเมษายนมีการจัดอันดับอีกครั้งน่าจะมีเขาอยู่ พอเดือนถัดไปคงไม่มีอีกแล้ว
หลังจากทะลวงขั้น รับคะแนนที่มหาวิทยาลัยแล้ว ลำดับขั้นจะถูกเปลี่ยนใหม่ในระบบ
ตอนนี้ยังไม่สิ้นเดือน น่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันดับ แต่ครั้งหน้าคงไม่มีฟางผิงแล้ว
เขาหายไปจากการจัดอันดับ คนที่สนใจเขาจริงๆ น่าจะรู้แล้วว่าฟางผิงเข้าสู่ขั้นสามแล้ว
และสิ่งที่ฟางผิงต้องทำคือเปลี่ยนแปลงตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นภายในช่วงเวลานี้
“ขั้นสาม…”
หลี่เฉิงเจ๋ออ้าปากค้าง นี่คือขั้นสามแล้ว?
ตอนที่เขารู้จักฟางผิง อีกฝ่ายยังเป็นเพียงคนธรรมดา
เวลานั้นคือเดือนสิงหาคม ปี 2008
ตอนนี้ยังไม่ทันถึงเดือนเมษายนด้วยซ้ำ นี่จะเร็วเกินไปแล้ว!
ตอนแรกที่เลือกถวายตัวให้ฟางผิง เป็นเพราะฐานะนักศึกษาเซี่ยงไฮ้รวมทั้งความสามารถหลอมกระดูกสองครั้งของเขา
ใครจะรู้ว่าฟางผิงก้าวหน้าเร็วกว่าที่เขาคิดไว้ซะอีก ไม่สิ เร็วเอามากๆ ต่างหาก!
ฟางผิงไม่สนใจเขา ควักขวดยาบำรุงออกมาจากกระเป๋าวางบนโต๊ะ “ในนี้มียาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาห้าเม็ด เดิมทีปราณของคุณก็ไม่ได้อ่อนด้อย ตอนนี้น่าจะสูงกว่าหนึ่งร้อยสามสิบห้าแคลสินะ?”
“คุณฟาง นี่…”
“รีบกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ตอนแรกผมเคยบอกว่าจะทำให้คุณกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ภายในเวลาสามปี กินยาบำรุงห้าเม็ดเข้าไป ปราณแตะถึงหนึ่งร้อยห้าสิบแคลยังพอมีหวัง แน่นอนว่าหลอมกระดูกสองครั้งคงไกลเกินเอื้อมไปหน่อย…”
หลี่เฉิงเจ๋อละล่ำละลักว่า “ผมไม่กล้าวาดหวังเรื่องนี้”
ล้อกันเล่นแล้ว จากหนึ่งร้อยห้าสิบแคลถึงหนึ่งร้อยแปดสิบแคล ยากกว่าจากหนึ่งร้อยแคลถึงหนึ่งร้อยห้าสิบแคลมาก ทั้งสิ้นเปลืองเยอะกว่าเช่นกัน
ไม่พูดเรื่องที่เขาอายุมาก แม้จะยังวัยรุ่น เขาก็ไม่อาจฝืนดันทุรังรอดูว่าตัวเองจะสามารถหลอมกระดูกสองครั้งได้หรือเปล่าหรอก
“รอปราณคุณถึงหนึ่งร้อยห้าสิบแคลแล้ว ตอนทะลวงด่าน ถ้าผมยังไม่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง ก็จะหาผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางคนหนึ่งมาช่วยคุณทะลวงด่าน! ส่วนยาบำรุงที่จำเป็นต้องใช้ทะลวง…”
หลี่เฉิงเจ๋อเอ่ยทันที “ผมมีตุนไว้เหมือนกัน…”
“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ”
—————-