ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 196 รนหาที่ตายถึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้ (1)
ตอนที่ 196 รนหาที่ตายถึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้ (1)
ตอนที่เห็นถังเฟิง ฟางผิงทำหน้าขื่นขมออกมาทันที พึมพำว่า “ทำไมเป็นนายอีกแล้ว!”
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่มีอาจารย์แล้วหรือไง?
เจ้าหัวสิงโตนี้ทำไมไปที่ไหนมีแต่เขาล่ะ?
อาจารย์ของเซี่ยงไฮ้ ขั้นหกมียี่สิบคนสินะ?
ขั้นห้าอีกตั้งมากมายก่ายกอง!
ทำไมทุกครั้งถึงเป็นเจ้าหัวสิงโตรับผิดชอบเรื่องพวกนี้อยู่ตลอด!
ถังเฟิงราวกับได้ยิน ปรายหางตามองเขา
สาวเท้าขึ้นมาด้านหน้าเวที ก่อนจะเอ่ยว่า “นี่คือคลาสฝึกพิเศษที่ก่อตั้งเป็นครั้งที่สองภายในเวลาหนึ่งปีของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้! ครั้งแรกเป็นการต่อสู้เพื่อเกียรติยศของมหาวิทยาลัย! ครั้งที่สองเป็นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ!”
“ระยะเวลาสั้นๆ ก่อตั้งคลาสฝึกพิเศษขึ้นมาสองครั้ง ถือเป็นการบุกเบิกทางให้เซี่ยงไฮ้ ทั้งหมายความว่าสถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นแล้วเช่นกัน!”
“นักศึกษาที่มาในคลาสฝึกพิเศษวันนี้ ฉันว่าทุกคนคงรู้ดีแล้วต่อไปต้องเผชิญหน้ากับอะไร”
“ความจริงนี่ไม่ใช่เรื่องของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองอย่างพวกเธอที่ต้องไปถ้ำใต้ดิน แต่ตอนนี้จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมล่วงหน้า!”
“ประเทศจะแข็งแกร่งได้ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน…คำพูดเลื่อนลอยนี้ ปกติฟังแล้วคงคิดว่าน่าขำ แต่ในวันนี้…”
จู่ๆ น้ำเสียงของถังเฟิ่งก็สูงขึ้นมา “วันนี้พวกเราต้องพูดออกมาอย่างมั่นใจ ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นฉันต่อสู้เพื่อครอบครัว เพื่อประเทศชาติ เพื่อโลกใบนี้!”
“ตั้งแต่โบราณกาลต่างพูดกันว่าจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน!”
“แต่หลังจากหนึ่งพันปี มีแค่ผู้ฝึกยุทธ์ร้อยปีนี้ที่คู่ควรกับคำพูดนี้เท่านั้น!”
ชั่ววินาทีนี้ถังเฟิงไม่เผยความเย่อหยิ่ง เคร่งขรึมและนิสัยที่ผิดแปลกของเขาออกมาอีกแล้ว…
“ผู้ฝึกยุทธ์ต้องกล้าสู้ จำเป็นต้องต่อสู้!”
“ฉันที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่เคยหวั่นกลัวต่อสงครามมาก่อน ตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยของพวกเรามา ปีนี้ครบรอบห้าสิบปีพอดี! ห้าสิบปีที่ผ่านมา ปรมาจารย์ของเซี่ยงไฮ้ตายในสงครามสามคน ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางเก้าร้อยยี่สิบแปดคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามห้าร้อยสิบสองคน!”
“ทุกปีมีนักศึกษาขั้นสามตายประมาณสิบคน ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางเกือบยี่สิบคน สิบห้าปีจะมีปรมาจารย์ตายในสนามรบหนึ่งคน!”
—
ฟางผิงนิ่งไปเล็กน้อย มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้…มีปรมาจารย์ตายถึงสามคนแล้ว?
ทั้งผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางยังตายมากมายขนาดนั้น?
ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ใช่ทหาร
ไม่ว่าจะผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางคนไหน ต่างอาศัยทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วนในการบ่มเพาะออกมา เป็นอัจฉริยะ เป็นบุคคลที่มีความสามารถทั้งสิ้น
แต่ห้าสิบปีที่ผ่านมานึกไม่ถึงว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางตายในสนามรบเกือบหนึ่งพันคน!
“มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของเรา มีศาลของวีรชนผู้กล้า ชั้นบนสุดของหอประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยเป็นที่ตั้งของศาลวีรชนผู้กล้า ความจริงฉันอยากพาทุกคนไปดูรุ่นพี่เพื่อนพ้องของพวกเราที่ยอมสละเลือดเนื้อ ดูว่าตกลงเป็นเรื่องที่คุ้มค่าหรือเปล่า! แต่ฉันคิดดูแล้ว สุดท้ายยังไม่อาจไปหอประวัติศาสตร์ได้ ตอนนี้พวกเธอยังไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องอะไร ไปดูก็คงเห็นแค่ชื่อแซ่ที่ไม่อาจจำได้ ฟังคำอธิบายจากฉันที่เล่าว่าพวกเขาเป็นมายังไงเท่านั้น…”
“ตอนนี้พวกเธอยังไม่มีคุณสมบัติที่จะรับรู้เรื่องของพวกเขา!”
“จะมีวันหนึ่งที่เธอรู้สึกได้ว่าเธอต่อสู้เพื่ออะไร ต่อสู้เพื่อใคร…เรื่องทั้งหมดนี้มีคำตอบแล้ว เมื่อไปตอนนั้นเธอก็จะรู้แล้ว ศาลวีรชนผู้กล้าคืออะไร!”
“ต่อสู้จนตัวตายในถ้ำใต้ดิน ถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของผู้ฝึกยุทธ์!”
“ผู้ฝึกยุทธ์ยุคของฉันมีแค่ต้องสู้จนตัวตาย สู้อย่างไม่ถอย สู้แลกกับความตายเท่านั้น!”
“…”
คำพูดของถังเฟิงสั่นสะเทือนอยู่ในหู
พวกฟางผิงต่างจมดิ่งในความเงียบ
“ดังนั้นการเข้าร่วมคลาสฝึกพิเศษในวันนี้ หากพวกเธอต้องแลกด้วยการสู้จนตัวตาย ไร้ความหวังที่จะมีชีวิต! พวกเธอทำได้หรือเปล่า?”
“ได้!”
มีคนตะโกนออกมา ถังเฟิงกลับหัวเราะอย่างดูแคลน เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “บางทีล่ะนะ”
วันนี้ทุกคนเข้าใจจริงๆ น่ะเหรอ?
พวกเขาไม่เข้าใจ!
วันนี้กล่าวคำสาบานว่าจะต่อสู้จนตัวตายในสนามรบ!
แต่พอเข้าไปในถ้ำใต้ดินจริงๆ เห็นสงครามขนาดใหญ่ จะมีอีกสักกี่คนที่ไม่หวาดหวั่น มนุษยชาติจะยังมีอนาคตได้จริงๆ งั้นเหรอ?
การแข่งขันก่อนหน้านี้ ภารกิจพวกนั้น…ในความคิดของถังเฟิง เป็นแค่เรื่องเด็กเล่นเท่านั้น
ไม่พูดมากอีก ถังเฟิงนั้นอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่เรื่องร่างกาย แต่เป็นความอ่อนล้าทางจิตใจ
“จุดประสงค์ของคลาสฝึกพิเศษ ทุกคนคงเข้าใจดีแล้ว”
“คลาสฝึกพิเศษจะไม่เลือกหัวหน้า ไม่แบ่งแยกดีหรือด้อย แต่ฉันหวังว่าในคลาสฝึกพิเศษอย่างน้อยจะสามารถสร้างทีมของตัวเองขึ้นมาได้ ผู้ฝึกยุทธ์แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยอยู่ด้วยตัวคนเดียว พวกเธอต้องการเพื่อนร่วมรบที่สามารถพยุงหลัง ไว้เนื้อเชื่อใจกันได้ ทีมหนึ่งร้อยคนอยู่ในถ้ำใต้ดินเป็นที่เตะตาเกินไป ฉันแนะนำว่าพวกเธอควรจะสร้างทีมอย่างน้อยที่สุดสิบคน ตอนที่ทีมใหญ่ถูกตีกระจัดกระจาย พวกเธอแต่ละทีมต้องพยายามรักษาระบบทีมให้สมบูรณ์แบบ เมื่อเป็นเช่นนี้จะสามารถเพิ่มโอกาสการมีชีวิตรอดของพวกเธอ”
มีคนเอ่ยว่า “อาจารย์ถัง ต้องตั้งทีมเท่านั้นเหรอครับ?”
ถังเฟิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ไม่อยู่แล้ว จุดประสงค์ของทีมอยู่ที่เชื่อใจซึ่งกันและกัน เธอถูกบังคับให้เข้าร่วมกลับจะเป็นการถ่วงแข้งถ่วงขาทีม สามารถเคลื่อนไหวคนเดียวได้…แต่พวกเธออย่าลืมว่าถ้ำใต้ดินเต็มไปด้วยศัตรูทุกหนทุกแห่ง เธอสามารถถ่างตาไม่หลับไม่นอน ระวังภัยได้ตลอดเวลาอย่างนั้นเหรอ? เธอสามารถหาคนมาช่วยชีวิตตอนที่ตัวเองกำลังบาดเจ็บได้งั้นเหรอ? ตอนที่เธอคิดว่าอยู่ในถ้ำใต้ดินคนเดียวสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระ งั้นจะมีทีมหรือไม่มีคงไม่กระทบอะไร พวกปรมาจารย์ส่วนมากก็เคลื่อนไหวคนเดียวเหมือนกัน พวกเขาทำได้ แต่พวกเธอทำได้เหมือนเขาหรือเปล่าล่ะ?”
คนที่ถามเงียบไป ถังเฟิงเอ่ยต่อ “การสร้างทีม ไม่ใช่เรื่องที่สำเร็จในวันสองวัน ไม่ใช่ว่าต้องหาคนในคลาสเดียวกันเท่านั้น เธอสามารถหาใครก็ได้ เป็นคนที่เธอคิดว่าเขาสามารถมีชีวิตรอดในถ้ำใต้ดินได้ แม้จะเป็นคนธรรมดาก็ได้เหมือนกัน แน่นอนว่า พาคนธรรมดาลงถ้ำใต้ดิน เป็นการถ่วงขาตัวเอง หาที่ตายให้ตัวเอง พวกเราไม่ขัดขวางเช่นกัน ฉันแนะนำว่าหาเพื่อนร่วมรบที่มีฝีมือเท่าเทียมกัน เติบโตไปด้วยกัน ก้าวหน้าไปด้วยกันได้ แบบนี้ถึงจะอยู่ร่วมกันได้ยาวนาน”
พูดเรื่องแรกจบแล้ว ถังเฟิงก็เอ่ยอีกเรื่องขึ้นมา
“นอกจากเลือกทีม ก่อนเข้าสู่ถ้ำใต้ดิน ต้องเพิ่มพูนความรู้เบื้องลึกให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับถ้ำใต้ดิน นับตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ทุกวันตอนเย็นหนึ่งทุ่มถึงสองทุ่ม เวลาหนึ่งชั่วโมงนี้จะมีอาจารย์มาสอนทุกคนเกี่ยวกับความรู้ในถ้ำใต้ดิน รวมถึงภูมิประเทศ วัฒนธรรมและแนะนำสิ่งมีชีวิตประเภทต่างๆ ของถ้ำใต้ดิน ถ้ำใต้ดินมีของล้ำค่าที่ควรจะรู้จักไว้ ฐานที่มั่นของมนุษย์ที่กระจัดกระจายในถ้ำใต้ดิน…”
จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยว่า “อาจารย์ มนุษย์มีฐานที่มั่นในถ้ำใต้ดินด้วย?”
ถังเฟิงเห็นเจ้าเด็กนี้ก็รู้สึกขัดหูขัดตา เขาไม่ชอบเด็กแสบประเภทนี้ มักรู้สึกว่าตัวเองจะถูกหลอกจนหมดตัว!
ได้ฟังคำถามของฟางผิง ถังเฟิงจึงแค่นเสียงว่า “ไร้สาระ ไม่มีฐานที่มั่น หรือจะให้ต่อสู้กันบนโลกข้างนอก? ทุกทางเข้าถ้ำ มีฐานที่มั่นของมนุษย์! ถึงกระทั่งเป็นกำแพงและคูเมือง! แน่นอนว่านั่นเป็นฐานทัพของทหาร ทั้งหมดสร้างเพื่อต่อสู้ในสงคราม มนุษยชาติจ่ายค่าตอบแทนออกไปมากมายในการสร้างกำแพงคูเมืองพวกนี้ แต่เมืองเช่นนี้มีน้อย ส่วนมากจะเป็นค่ายทหาร มีทัพทหารประจำการ ภายในมีทหารหนึ่งส่วน ข้างนอกอีกหนึ่งส่วน ทั้งสองฝ่ายผลัดประจำการ ดังนั้นฐานที่มั่นที่พวกเธอรู้จักทั่วไป ความจริงจะมีทหารอยู่สองทีม”
ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีกองกำลังทหารประจำอยู่หลายแห่ง
หากวัดจากจำนวนกองทหารทั้งหมดบนพื้นดิน งั้นกองทหารในประเทศจีนคงน้อยลงไปกว่าครึ่งหนึ่ง
ฟางผิงเบะปาก แม่งเหอะ ถามแค่ประโยคเดียวมาทำเป็นแค่นเสียง เห็นได้ชัดว่าจมูกตัวเองหายใจราบรื่นดี?
เขาชำเลืองไปที่จ้าวเหล่ยซึ่งอยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง…
จ้าวเหล่ยใบหน้าดำคล้ำ ใช้หางตาแลมองฟางผิง แววตาเต็มไปด้วยโทสะ นายลองอัดฉันดูสิ!
ไม่มองเขาอีก ฟางผิงเอ่ยต่อว่า “งั้นถ้ำใต้ดินมีดวงอาทิตย์หรือเปล่าครับ?”
ถังเฟิงขมวดคิ้ว “เรื่องพวกนี้ค่อยไปถามในคาบเรียน ตอนนี้ฉันมาเกริ่นแผนการในอนาคตให้พวกเธอฟังเท่านั้น!”
เจ้าเด็กนี้พูดไร้สาระมากเกินไป ไม่ได้ฟังที่ฉันบอกว่าจะเรียนทุกวันตอนเย็นหรือยังไง?
“งั้นคลาสฝึกวิชาต่อสู้ล่ะครับ?”
“ฟางผิงหุบปาก ฟังฉันพูดให้จบก่อน!”
ถังเฟิงทนไม่ไหวอยู่บ้าง นายรอให้ฉันพูดจบก่อนค่อยถามจะตายหรือไง?
ถังเฟิงไร้คำจะเอ่ยอยู่บ้าง “นอกจากคลาสฝึกวิชาต่อสู้วันละหนึ่งชั่วโมงแล้ว แค่กๆ คลาสสอนความรู้ในถ้ำใต้ดิน คลาสฝึกพิเศษยังจะมีการจัดสอนวิชาต่อสู้ รวมถึงการเอาตัวรอดด้วย”
“เอาตัวรอดด้วยเงื่อนไขจำกัด ติดเกาะร้างอะไรทำนองนั้นใช่ไหมครับ” ฟางผิงถามออกมาอีกครั้ง
“ออกไป!”
ถังเฟิงทนไม่ไหวอีกต่อไป โมโหจนจมูกร้อนฉ่าไปหมด
ฟางผิงถอนหายใจ ฉันแค่หยั่งเชิงความอดทนนายเท่านั้น ผลปรากฏว่านายไม่ไหวจริงๆ
เขามั่นใจแล้ว เจ้าหัวสิงโตคงไม่มีหวังจะได้เป็นปรมาจารย์ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้หรอก
แบบนี้ก็ดี หมายความว่าตัวเองจะไล่ตามเขาทัน ไม่เร็วก็ช้าต้องได้อัดเขาแน่
แค่ความอดทนอดกลั้นยังไม่มี จะมาเป็นปรมาจารย์ได้ยังไง
ในใจครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ ฟางผิงตบไหล่จ้าวเหล่ยเบาๆ ก่อนจะสาวเท้าเตรียมเดินออกไปข้างนอก
—————–