ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 198-2 รอฉันมีอำนาจก่อนเถอะ...เหอะ(2)
ตอนที่ 198 รอฉันมีอำนาจก่อนเถอะ…เหอะ(2)
“แต่ไหนแต่ไรพวกนายก็ไม่เข้าใจฉันอยู่แล้ว ช่างเถอะ พูดมากไปไม่มีประโยชน์ ความเจ็บปวดทั้งหมดให้ฟางผิงคนนี้รับไว้คนเดียวก็พอแล้ว”
“หยุด!”
ฟู่ชางติ่งตัดบทสนทนาของเขาอีกครั้ง ไม่พูดถึงประเด็นนี้แล้ว เปิดหัวข้อใหม่ว่า “นายทะลวงขั้นสามตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตอนกลับมามหาวิทยาลัย”
“ทำไมไม่พูดอะไรเลย?”
“ไร้สาระ นายไม่ถาม พูดไปจะเป็นการทำร้ายจิตใจพวกนายน่ะสิ?”
“…”
คำพูดนี้พูดได้ถูกแล้ว ทำร้ายจิตใจคนจริงๆ
“ขั้นสามแล้ว…”
พวกเขาถอนหายใจ กระทบกระเทือนจิตใจจนรู้สึกสิ้นหวังอยู่บ้าง
ยังไม่ทันจบปีหนึ่งเลย!
หัวข้อนี้พูดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ฟู่ชางติ่งเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เรื่องทีม นายมีความเห็นยังไง?”
ฟางผิงเดินไปพลางเอ่ยไปพลาง “จะมีความเห็นอะไรได้อีก พวกเราเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง พวกปีสูงจะดึงเราเข้าทีมหรือไง? หากอยากเข้าร่วมจริงๆ ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว กลัวว่าจะไม่มีใครปฏิเสธด้วยซ้ำ แต่ช่างเถอะ ไม่น่าสนใจ พวกเรามาร่วมทีมกันต่อดีกว่า”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็มองไปยังจ้าวเหล่ยที่อยู่ในความเงียบมาโดยตลอด “ให้อาจารย์นายใช้เส้นสายให้พวกเราหน่อย ตอนนี้เขาแทบเป็นผู้รับผิดชอบภาระงานทั้งหมดของมหาวิทยาลัยแล้ว ยังไงก็มีลูกศิษย์เขาถึงสองคนอยู่ในทีม ให้คะแนนไม่กี่พันคงไม่คณามือหรอกมั้ง…”
จ้าวเหล่ยไม่มองเขา ทั้งไม่รับบทสนทนาต่อ
หยางเสี่ยวม่านหมดคำจะพูด “นายไปบอกเองสิ ถ้าไม่ตายพวกเราจะลองดู”
“เหอะ!”
นายคิดว่าฉันโง่หรือไง? เป็นฝ่ายไปรนหาที่ตาย?
ครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนฟางผิงจะถอนหายใจ “พวกอาจารย์ไม่ช่วยเหลือเลย อาจารย์ของฉันก็ขี้เหนียวยิ่งกว่าอะไร…”
จ้าวเสวี่ยเหมยแก้ต่างว่า “อาจารย์ดีมากแล้ว หลายวันก่อนยังเสนอยาเสริมสร้างกระดูกขั้นสองให้ฉันสิบเม็ด คิดแค่ครึ่งราคา…”
ฟางผิง “…”
“รังแกคนเกินไปแล้ว!”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก นี่เหล่าหลู่รังแกกันอย่างโจ่งแจ้งชัดๆ เลือกปฏิบัติซะไม่มี!
ทุกคนต่างแอบขำ สมน้ำหน้า!
หลู่เฟิ่งโหรวเห็นเขาเอาแต่ขายยาบำรุง คงไม่เสนอยาบำรุงครึ่งราคาเพื่อให้เขาเอาไปขายต่อหรอก
จ้าวเสวี่ยเหมยไม่เหมือนกัน เธอตั้งใจฝึกวิชาจริงๆ ไม่เคยทำเรื่องพวกนี้มาก่อน ประวัติไร้จุดด่างพร้อย
แต่ฟางผิงล่ะ?
นอกจากนี้ฟางผิงยังไม่ขาดแคลนยาบำรุง อย่างน้อยในความคิดของหลู่เฟิ่งโหรวก็เป็นอย่างนั้น ไม่เคยเห็นการฝึกวิชาของฟางผิงชะงักเพราะปัญหาเรื่องทรัพยากรมาก่อน
ตอนนี้หากฟางผิงไม่สามารถทะลวงขั้นเพราะติดเรื่องยาบำรุง เกรงว่าหลู่เฟิ่งโหรวคงไม่ทำแบบนี้หรอก
สิ่งที่พวกอาจารย์ต้องทำคือมอบถ่านท่ามกลางหิมะ[1] ไม่ใช่เติมลายดอกไม้บนผ้าแพร[2] ทำให้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดเกิดความสิ้นเปลือง
—
ระหว่างที่พวกฟางผิงกลับหอพัก
ในเวลาเดียวกันเรื่องที่ฟางผิงเอาชนะอวี่ซั่งหวาและจางจื่อเวยก็แผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
—
สมาคมผู้ฝึกยุทธ์
โจวเหยียนมองจางอวี่ที่ยังคงจัดการกับเอกสาร อดเอ่ยไม่ได้ “ฟางผิงขั้นสามแล้ว”
“อืม”
“ตอนนี้ยังไม่ทันจบปีหนึ่ง…”
“เธออยากจะพูดอะไร?”
“เขาก้าวหน้าเร็วเกินไป เร็วยิ่งกว่าหวังจินหยางจากหนานเจียงซะอีก ฉันกังวลว่าเขาจะสามารถทะลวงขั้นสามสูงสุดในอีกไม่นานนี้…งั้น…”
จางอวี่วางปากกาลง เงยหน้าว่า “กลัวว่าฉันจะแพ้ให้เขา?”
“เปล่า”
โจวเหยียนส่ายหัว แต่ยังคงมีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด “เรื่องของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ นายหยุดไปก่อนดีกว่า พุ่งเป้าไปกับการฝึกวิชาเถอะ จนถึงตอนนี้นายยังไม่ถึงขั้นสี่ตอนกลาง ฉันได้ยินว่าหวังจินหยางเข้าสู่ขั้นสี่ตอนกลางแล้ว อย่าลืมว่าเขาทะลวงขั้นช้ากว่านายซะอีก”
พอถึงขั้นสี่แล้ว ความก้าวหน้าจะช้าลงเหมือนกันทั้งหมด
เดือนตุลาคมปีก่อนหวังจินหยางทะลวงด่าน ตอนนี้เดือนเมษายนเพิ่งจะครึ่งปีเท่านั้น กลับกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนกลางแล้ว
จางอวี่ทะลวงด่านตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีก่อน จนถึงตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว
ยังคงไม่ถึงขั้นสี่ตอนกลาง ทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่รั้งตัวอยู่ในสมาคมตลอดเช่นกัน
จางอวี่เผยยิ้มว่า “เธอกลัวว่าฟางผิงจะตามฉันทัน? ตอนนี้เขาเพิ่งจะขั้นสามตอนต้น เธอคิดว่าเขาจะล้ำหน้าฉันได้จริงๆ งั้นเหรอ?”
“เอ่อ…”
โจวเหยียนพูดไม่ออก แต่ยังคงเอ่ยออกไป “เขาทำไม่ได้ งั้นฉินเฟิ่งชิงล่ะ? ตอนนี้หมอนั่นอยู่ขั้นสามสูงสุดแล้ว แทบจะสามารถทะลวงขั้นสี่ได้ตลอดเวลา หากแพ้ให้ฟางผิงจริงๆ ฉันไม่อะไรหรอก แต่ถ้าแพ้ฉินเฟิ่งชิง นิสัยนั้นของเขา นายอย่าคิดว่าจะจบง่ายๆ เลย นายไม่ได้อัดเขาแค่ครั้งสองครั้ง”
จางอวี่สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เจ้าตังเมนั่น!
หากฉินเฟิ่งชิงทะลวงขั้นสี่จริงๆ นั่นคงไม่จบแค่การต่อสู้เพียงครั้งเดียวแน่
จางอวี่แทบไม่สงสัยเลยว่า พอฉินเฟิ่งชิงกลายเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ สมาคมอาจจะกลายเป็นตลาดสดได้ ทุกวันคงเอาแต่ประลองต่อสู้
จางอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ควรต้องตั้งใจฝึกฝนจริงๆ แล้วนั่นแหละ ฉันเข้าสู่ขั้นสี่มาเกือบหนึ่งปีแล้ว ช่วงนี้เธอก็ช่วยดูแลเรื่องทางสมาคมหน่อยละกัน ฉันจะไปถ้ำใต้ดินสักครั้ง กลับมาจะทะลวงขั้นสี่ตอนกลาง!”
ส่วนฟางผิง ตอนนี้หมอนั่นยังฝีมือไม่เท่าไหร่
ไม่ถึงขั้นสามตอนปลาย ไม่สร้างแรงกดดันกับเขาสักนิด
โจวเหยียนพยักหน้า พึมพำว่า “ฉินเฟิ่งชิงที่รุ่นเดียวกัน เซี่ยเหล่ยปีสอง ฟางผิงปีหนึ่ง…ประธาน ฉันคิดว่าปีหน้า ตำแหน่งประธานของนายคงนั่งได้ยากแล้วจริงๆ”
ไม่ได้ดูแคลนจางอวี่ แต่คนอื่นต่างไล่ตามมาอย่างเอาจริงเอาจัง
หากเป็นแบบนี้ต่อไป เดิมทีขั้นสี่ก็ก้าวหน้าช้าอยู่แล้ว ถ้าถูกคนตามทัน ต้องมาท้าประลองกับจางอวี่แน่นอน
ตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของเซี่ยงไฮ้ไม่ได้นั่งสบายๆ ขนาดนั้น
นอกจากนี้พวกสมาชิกขั้นห้า สิ้นสุดเทอมนี้ก็จบการศึกษาเกือบหมดแล้ว
จางอวี่ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ หากไม่สามารถทะลวงขั้นห้าก่อนจบมหาวิทยาลัย ปีต่อไปสมาชิกขั้นห้าของมหาวิทยาลัยอาจจะหมดไป
นักศึกษาใหม่นับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ พวกปีสูงกลับสู้ไม่ได้รุ่นแล้วรุ่นเล่า จางอวี่ที่เป็นประธานสมาคม เกรงว่าจะถูกคนครหาเช่นกัน
คำพูดนี้โจวเหยียนไม่ได้พูดออกมา เห็นได้ชัดว่าจางอวี่รู้ดี
ใช่แล้ว ใกล้จะถึงช่วงจบการศึกษา
พวกรุ่นพี่ปีสี่ขั้นห้าจะจากไปแล้ว อันที่จริงตอนนี้พวกเขาแทบจะอยู่ข้างนอกหรือลงถ้ำใต้ดินเกือบทั้งหมด
แต่ยังไงก็ยังเป็นนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้
เมื่อจบการศึกษาย่อมกลายเป็นบัณฑิต สมาชิกขั้นห้าของมหาวิทยาลัยก็จะหายไปทันที
ในใจคิดฟุ้งซ่านเรื่องพวกนี้ จางอวี่จึงเอ่ยขึ้น “เธอว่า ให้ฟางผิงเข้าร่วมสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เป็นยังไง?”
“เข้าร่วมสมาคมผู้ฝึกยุทธ์?”
“เข้าร่วมโดยใช้ฐานะรองประธานสมาคม เขาและเซี่ยเหล่ยต่างมีโอกาสที่จะทะลวงขั้นห้าก่อนจบมหาวิทยาลัย”
จางอวี่เอ่ยเสียงเบา “ความจริงฉันจะเป็นประธานหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของปักกิ่งทะลวงขั้นสี่สูงสุดแล้ว หวังจินหยางจากหนานเจียงก็เข้าสู่ขั้นสี่ตอนกลาง ประธานของมหาวิทยาลัยหวากั๋วเช่นกัน ปลายปีนี้มหาวิทยาลัยยังจะมีการแข่งขันแลกเปลี่ยนอีก จากที่ฉันรู้ อาจไม่ใช่การแลกเปลี่ยนของนักศึกษาใหม่อีกแล้ว แต่เป็นการแลกเปลี่ยนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์”
การแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งแรก มอบให้นักศึกษาใหม่เป็นคนตัดสินผลแพ้ชนะ
ครั้งที่สองอาจไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแข็งแกร่งหรือไม่ ผลจากการบ่มเพาะของนักศึกษายังต้องดูจากผู้แข็งแกร่งที่ปรากฏตัวออกมา สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ถือเป็นตัวแทนของนักศึกษาผู้แข็งแกร่ง
จาวอวี่คาดเดาว่าการแข่งขันแลกเปลี่ยนปลายปีนี้อาจต้องเป็นสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ที่ลงสนาม
โจวเหยียนไม่รู้ควรจะพูดอะไรดี ตอนนี้พวกนักศึกษาที่มีฝีมือรุ่นต่างๆ ของเซี่ยงไฮ้พากันเผยหน้าค่าตาออกมา
แต่พวกเขาที่ใกล้จะขึ้นปีสี่กลับอ่อนแอไปเล็กน้อย เกรงว่าจางอวี่จะใจสู้แต่กำลังไม่สู้อยู่บ้าง
สำหรับคำแนะนำของจางอวี่ โจวเหยียนครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “เทอมหน้าค่อยดูกันอีกทีเถอะ อีกอย่าง…หากแพ้ให้ฟางผิงจริงๆ งั้น…”
จางอวี่ยิ้มบางว่า “ไม่ขนาดนั้นหรอก”
ในใจกลับคิดไว้แล้ว ตัวเองต้องลงไปถ้ำใต้ดิน หากแพ้จริงๆ เขาก็ยังไม่จบการศึกษาซะหน่อย ไม่เสียหน้าให้คนๆ นี้หรอก
—————-
[1] มอบถ่านท่ามกลางหิมะ หมายถึงหยิบยื่นความช่วยเหลือให้อีกฝ่ายในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
[2] เติมลายดอกไม้บนผ้าแพร หมายถึงทำสิ่งที่สวยงามอยู่แล้วให้สวยขึ้นไปอีก การทำเรื่องเกินความจำเป็น