ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 199-2 วิชาความรู้ทั่วไปของถ้ำใต้ดิน (2)
ตอนที่ 199 วิชาความรู้ทั่วไปของถ้ำใต้ดิน (2)
ทุกคนต่างไม่เคยมีประสบการณ์ใกล้ชิดกับเรื่องพวกนี้มาก่อน มีคนถามอย่างสงสัยว่า “หรือสิ่งมีชีวิตใต้ดินไม่ได้เป็นคนเปิดประตูถ้ำ?”
ศาสตราจารย์เฒ่าส่ายหัวว่า “ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนแรกอาจจะไม่ใช่ แต่ตอนนี้จากที่พวกยอดฝีมือพูดกัน มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตใต้ดิน ตอนแรกบางทีช่องทางมิติประเภทนี้อาจจะปรากฏขึ้นโดยบังเอิญ หลังจากสิ่งมีชีวิตใต้ดินในพื้นที่รู้ว่าช่องทางนี้นำไปสู่โลกใหม่ ผู้ที่แข็งแกร่งในถ้ำใต้ดินอาจจะเป็นฝ่ายบุกเบิกเส้นทาง เพราะหลายปีมานี้ ทางเข้าปรากฏขึ้นรวดเร็วเกินไป ทั้งยังเป็นการปรากฏอย่างมีแบบแผนทั้งหมด!”
ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างตกใจ “งั้นไม่ได้หมายความว่าในถ้ำใต้ดินมีผู้แข็งแกร่งที่สามารถทะลวงช่องว่างมิติพวกนี้อยู่เหรอครับ?”
ศาสตราจารย์เฒ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่าสร้างความกลัวให้ตัวเองเลย เรื่องทะลวงมิตินั้นพวกเธอไม่เข้าใจหรอก นั่นเป็นพลังขั้นสุดยอดจนถึงระดับที่ไม่อาจแตะถึงได้อย่างหนึ่ง แม้จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ระเบิดใจกลางก็ไม่อาจทะลวงมิติได้ หากมีผู้แข็งแกร่งประเภทนั้นปรากฏขึ้นมาจริงๆ มนุษยชาติคงดับสูญไปนานแล้ว? จากการคาดการณ์ของพวกเรา ประตูถ้ำเดิมทีก็มีการคงอยู่ของช่องทางมิติแล้ว เพียงแค่ถูกซ่อนไว้ ภายหลังอีกฝ่ายค้นพบจึงใช้มาตั้งแต่นั้น ค่อยๆ บุกเบิก สุดท้ายกลายเป็นประตูของถ้ำใต้ดิน”
“เป็นแบบนี้แล้ว ผู้แข็งแกร่งของถ้ำใต้ดินคงไม่ใช่คนที่ไร้เทียมทานทำลายล้างทุกอย่าง เพราะอันที่จริงปรมาจารย์ของพวกเราก็สามารถใช้ประตูถ้ำใต้ดินได้เล็กน้อยเช่นกัน ปรมาจารย์หลายคนร่วมมือกันก็สามารถปิดกั้นช่องทางนี้ได้ชั่วคราวแล้ว ทางเทียนหนาน ตอนนี้ก็อยู่ในสภาวะถูกปิดกั้นเช่นกัน แน่นอนว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปมหาศาล ไม่ถึงสถานการณ์คับขัน ปรมาจารย์คงไม่ทำแบบนี้ ทั้งยังปิดกั้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น หากถูกผู้ที่แข็งแกร่งจู่โจม ไม่นานก็คงทะลวงเขตแดนได้ ฉันพูดเรื่องพวกนี้เพราะอยากจะบอกทุกคนว่าปรมาจารย์ของพวกเราสามารถปิดกั้นประตูชั่วคราวได้ ผู้แข็งแกร่งในถ้ำก็ขยับขยายประตูได้ นั่นยังไม่ถึงขั้นวิกฤตการณ์”
ความหมายของศาสตราจารย์เฒ่านั้นชัดเจนอย่างยิ่ง ปรมาจารย์ทำได้ สิ่งมีชีวิตใต้ดินสามารถขยับขยายช่องทางได้ คงจะผู้ที่มีฝีมืออยู่ระดับปรมาจารย์เช่นกัน
คล้อยหลังจากที่ศาสตราจารย์เฒ่าบรรยายต่อ พวกฟางผิงก็ถามขึ้นมาน้อยครั้ง ส่วนมากจะตั้งใจนั่งฟัง
ทางเข้าถ้ำแห่งแรกอยู่ที่ซานซี น่าจะปรากฏขึ้นตั้งแต่เจ็ดร้อยปีก่อน
ทางเข้าถ้ำแห่งที่สองอยู่ที่ซีเว่ย ปรากฏขึ้นเมื่อสี่ร้อยห้าสิบปีก่อน
จากนั้นทางเข้าแห่งที่สามก็ปรากฏขึ้นที่มณฑลซีหยวนของเขตซีเป่ย
ปี 1920 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ นี่เป็นบันทึกการปรากฏทางเข้าถ้ำที่ชัดเจนที่สุดครั้งแรก
ทางเข้าไม่กี่แห่งก่อนหน้านี้ต่างปรากฏในทางตะวันตก จากนั้นก็ทยอยปรากฏที่ทางเหนือและตะวันออก
ปัจจุบันนี้จากการคาดการณ์ ทางเข้าแห่งถัดไปจะปรากฏขึ้นทางใต้
นี่ถือเป็นประวัติความเป็นมาของถ้ำที่สามารถสืบเสาะได้ ศาสตราจารย์เฒ่ายังพูดถึงการคาดการณ์ของแวดวงภายในเล็กน้อย
“มีคนคาดการณ์ว่า ความจริงนี่อาจเป็นลางสังหรณ์ของการรวมโลกอย่างหนึ่ง ก่อนจะผสมผสาน ช่องว่างของมิติสั่นสะเทือน ทุกช่องทางถูกเปิดออก ก่อเป็นภัยพิบัติหายนะ เกิดความผันผวนจากตำแหน่งของมิติ แน่นอนว่าการคาดคะเนเช่นนี้ไม่อาจยืนยันได้ในช่วงเวลาสั้นๆ จากทฤษฎีของพวกเขา เมื่อเป็นแบบนี้ ท้ายที่สุดขอบเขตจะขยับขยายออกไปเรื่อยๆ ไม่มีทางเข้าถ้ำอีกแล้ว เพราะโลกได้ผสมผสานรวมกัน ทั้งสองโลกกลายเป็นหนึ่งเดียว เหมือนกับแต่ละทวีปในตอนนี้ที่กลายเป็นโลกใบเดียวกัน”
ในใจของทุกคนมีความคิดผุดขึ้นมา หากรวมเป็นหนึ่งเดียวจริงๆ นั่นคงน่ากลัวสุดขีดแล้ว!
สิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดินแข็งแกร่งกว่ามนุษยชาติอย่างเห็นได้ชัด…
ระหว่างที่คิด ศาสตราจารย์เฒ่าก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “ความจริงหลายคนปรารถนาที่จะให้รวมเป็นหนึ่ง หากรวมกันจริงๆ กฎเกณฑ์บางส่วนอาจจะถูกทำลาย อย่างเช่นความอมตะบนโลกมนุษย์ของพวกเขา ถ้ำใต้ดินไม่ได้อยู่ในยุคเทคโนโลยี หากไม่มีความเป็นอมตะแล้ว พวกเธอคิดว่าสิ่งมีชีวิตใต้ดินจะเอาชนะมนุษย์ได้งั้นเหรอ? แต่นี่เป็นแค่การคาดการณ์เท่านั้น ไม่อาจเสี่ยงได้ คนที่เสี่ยงก็คือพวกนอกรีต!”
ศาสตราจารย์เฒ่าเผยน้ำเสียงเยียบเย็นขึ้นมา “ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตหลายคนต่างมีความคิดเช่นนี้ เปิดประตูปล่อยให้สิ่งมีชีวิตใต้ดินบุกเข้ามา! บางทีอาจเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตใต้ดินมีจำนวนมาก โลกจึงเกิดการผสมผสานไวขึ้น คนอย่างพวกเขาไม่เหมาะที่จะเรียกว่าเป็นคนอีกแล้ว! หรือพวกเขาไม่รู้ว่าพอเปิดทางเข้า ต้องมีมนุษยชาติตายไปเท่าไหร่? แค่อยากจะเติมเต็มความเพ้อฝันของตัวเอง แค่คาดคะเน กลับเอาความเป็นความตายของมนุษย์มาใช้ทดสอบ? สิ่งมีชีวิตใต้ดินเคยบุกทะลวงเข้ามาเช่นกัน ผลปรากฏว่าเอาแต่ไล่เข่นฆ่า เข่นฆ่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…นึกไม่ถึงว่าจะมีคนเกิดความคิดหุนหันพลันแล่นที่ว่า เมื่อมีคนตายจำนวนมาก รวมกับพลังปราณที่พลุกพล่านก็เป็นสิ่งที่เปิดช่องทางออกได้แล้ว จากคำพูดของพวกเขา คนตายนับไม่ถ้วนแล้ว ช่องทางจะถูกเปิดออกเต็มรูปแบบ โลกก็จะเริ่มผสมผสานกัน! คนที่ทะเยอทะยานบางส่วนถึงขั้นครุ่นคิดว่าหลังจากผสมผสานแล้ว จะใช้พลังเทคโนโลยีเอาชนะสิ่งมีชีวิตใต้ดิน ช่างน่าขำทั้งน่าเศร้าเหลือเกิน”
ฟางผิงอดขนลุกในใจไม่ได้ ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตคืออะไร!
“อาจารย์ครับ คุณหมายความว่า จุดประสงค์ของลัทธินอกรีตคือปล่อยให้สิ่งมีชีวิตใต้ดินบุกทะลวงออกมาเข่นฆ่ามนุษย์ จากนั้นก็รอให้โลกรวมเป็นหนึ่งเดียว?”
“ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ลัทธินอกรีตส่วนหนึ่งต่างมีประสงค์เช่นนี้”
มีคนอดด่าไม่ได้ “พวกเขาบ้าไปแล้วหรือไง มนุษยชาติตายเกลี้ยงแล้ว แม้จะเอาชนะถ้ำใต้ดินได้ จะมีความหมายอะไร?”
ศาสตราจารย์เฒ่าส่ายหัวว่า “เดิมทีพวกเขาก็บ้าคลั่งอยู่แล้ว คนอื่นตายหมดจะเกี่ยวอะไรกับพวกเขา ลัทธินอกรีต มีทั้งพวกคลั่ง พวกทะเยอทะยาน และพวกที่กลัวการต่อสู้…สรุปแล้ว ถ้าเจอพวกเขา ฆ่าทั้งหมดอาจจะไม่เป็นธรรมอยู่บ้าง แต่มีสิบฆ่าไปเก้า ย่อมมีผู้ที่เหลือรอดออกไป คนพวกนี้ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย วันหลังหากเจอข้างนอก ต่อให้ฆ่ามากแค่ไหนก็อย่ารู้สึกผิดเลย”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองพวกนี้หลายคนต่างทำภารกิจมาก่อน เคยพบกับผู้ฝึกยุทธ์ลัทธินอกรีตเช่นกัน
ภารกิจของหน่วยทหารพวกนี้ล้วนให้วิสามัญผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตทั้งหมด แทบจะไม่มีคำสั่งให้ไล่จับกุมเลย
ก่อนหน้านี้ทุกคนยังคิดว่าโหดเหี้ยมเกินไป ตอนนี้รู้ประสงค์ของลัทธินอกรีตแล้ว ชั่วพริบตาทุกคนต่างรู้สึกว่าคนพวกนั้นสมควรตาย!
ทหารจำนวนมาก ผู้ฝึกยุทธ์นับไม่ถ้วนคอยต่อต้านการบุกทะลวงอยู่แนวหน้า
คนพวกนี้นึกไม่ถึงว่าเกิดความคิดที่ปล่อยให้พวกเขาเข้ามาภายในโลก
ถึงเวลานั้นแม้จะทำลายกฎเกณฑ์ของโลกได้จริงๆ สิ่งมีชีวิตใต้ดินถูกสังหารได้ นั่นต้องมีคนตายไปเท่าไหร่? กี่ร้อยล้าน? กี่หมื่นล้าน? ถึงขั้นใช้การล่มสลายของมวลมนุษย์เป็นสิ่งแลกเปลี่ยน!
—
หนึ่งชั่วโมงนี้ ศาสตราจารย์เฒ่าอธิบายถึงที่มาของถ้ำใต้ดินและพวกลัทธินอกรีต บรรยายว่าตอนนี้ประเทศจีนมีทางเข้ากระจัดกระจายอยู่ยี่สิบสองแห่ง ทั้งยังเล่าถึงการคาดการณ์ของคนในวงใน รวมทั้งเรื่องของสำนักบางส่วน อย่างเช่นก่วงเซิ่งซื่อ สำนักแรกที่ค้นพบปากทางเข้าถ้ำใต้ดิน ตอนนี้ยังคงมีอยู่ทางซีซาน จนถึงปัจจุบันนี้ก่วงเซิ่งซื่อยังคงมีปรมาจารย์คนหนึ่งนั่งรักษาการณ์อยู่ ทั้งเป็นหนึ่งในเสาหลักของสำนักในโลก
ทุกคนฟังกันอย่างออกรสออกชาติ ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวเวลาก็ล่วงเลยไปแล้ว
ศาสตราจารย์เฒ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พรุ่งนี้ค่อยมาต่อ”
ทุกคนต่างเสียดายอยู่บ้าง นี่น่าสนใจกว่าวิชาวัฒนธรรมซะอีก นึกไม่ถึงว่าจะเรียนแค่ชั่วโมงเดียว
“จริงสิ ยังต้องโหวตอีกนี่ ตอนนี้ทุกคนโหวตเลย จะได้แบ่งคะแนนของวันนี้ให้”
อาจารย์นึกถึงเรื่องนี้ได้จึงเอ่ยขึ้นมา
ฟางผิงมีชีวิตชีวาขึ้นมาชั่วพริบตา เป็นฝ่ายเดินไปช่วยเก็บผลโหวตให้
เก็บผลโหวตแล้ว ฟางผิงก็ไล่ดู ตอนที่เก็บเมื่อกี้ เขายังคงจำได้ดี
“ฟางผิงสูงที่สุดสี่สิบสองโหวต จางจื่อเวยสิบเจ็ดโหวต อวี๋ซั่งหวาแปดโหวต…”
ฟางผิงมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม พวกเขากลับคร้านที่จะสนใจ
นั่นเป็นโหวตจากคนอื่น ไม่เกี่ยวกับพวกเขา พวกเขาทำได้แค่บอกเพื่อนของตัวเองเท่านั้น
ฟางผิงไม่มองอีก ตัวเองนำอยู่ตลอดก็พอแล้ว รอวันไหนไม่ใช่ตัวเอง วันนั้นค่อยเชิญคนพวกนี้ไปดื่มชา
—
คลาสเรียนสิ้นสุด ทุกคนเดินพูดคุยกันไปพลาง
ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ถ้ำใต้ดินปรากฏหรือทฤษฎีรวมโลก รวมถึงการดำรงอยู่ของผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตต่างเป็นหัวข้อสนทนาของทุกคน
ฟู่ชางติ่งพูดคุยสักพัก จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “อันที่จริงฉันสนใจเรื่องสำนักยิ่งกว่า พวกนายว่าตกลงผู้ฝึกยุทธ์ในสำนักเป็นยังไงกันแน่?”
จนถึงตอนนี้ทุกคนต่างไม่เคยคลุกคลีกับผู้ฝึกยุทธ์ของสำนักมาก่อน
ได้ยินเขาพูดแบบนี้กลับรู้สึกสนใจอยู่บ้าง คำว่าสำนักในสายตาของทุกคนแทบจะเป็นคำนามที่ดูล้าสมัย
แต่ก็แฝงความลึกลับเช่นกัน สำหรับความลึกลับของสำนัก ทุกคนยังคงสนใจไม่น้อยจริงๆ
—————–