ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 201-2ความเจ็บปวดเป็นของคนอ่อนแอเท่านั้น (2)
ตอนที่ 201 ความเจ็บปวดเป็นของคนอ่อนแอเท่านั้น (2)
พวกฟางผิงต่างเป็นนักศึกษาแนวหน้าของปีหนึ่ง ออกทำภารกิจจะไม่ให้คนตามไปดูได้ยังไง
เดือนมีนาคม เสี้ยวนาทีที่พวกเขาก้าวเท้าออกจากประตูมหาวิทยาลัย ไป๋รั่วซีก็ติดตามดูอยู่ตลอด
ไม่งั้นผู้ที่ออกหน้าที่มหาวิทยาลัยหนานเจียงคงไม่อาจเป็นไป๋รั่วซีได้หรอก
เฉินอวิ๋นซีไม่สนใจเรื่องนี้ เอ่ยเสียงแผ่ว “อาจารย์ อาการบาดเจ็บของคุณร้ายแรงหรือเปล่า? ให้ปู่ของฉัน…”
ไป๋รั่วซีส่ายหัวเบาๆ “ไม่ถือว่าร้ายแรงมาก ทั้งไม่จำเป็นต้องรบกวนปรมาจารย์เฉิน ไม่นานก็คงดีขึ้นแล้ว”
“อวิ๋นซี เข้มแข็งสักหน่อย ไม่ว่าจะอาจารย์ถังหรืออาจารย์หลู่ พวกเขาต่างหวังให้นักศึกษาอย่างพวกเธอมีการพัฒนาที่ดีขึ้น แข็งแกร่งขึ้นและปลอดภัยขึ้น”
“ไม่มีใครอยากให้ลูกศิษย์ของตัวเองเกิดเรื่องหรอก เพียงแค่…”
ไป๋อวิ๋นซีถอนหายใจ เพียงแค่รูปแบบการสอนของแต่ละคนไม่เหมือนกันเท่านั้น
บางทีวันนี้พวกเขาอาจไม่เข้าใจ แต่ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่ง พวกเขาต้องเข้าใจแน่
“พวกเธอไปเรียนต่อเถอะ ฉันจะไปที่สุสานสักหน่อย”
ไป๋รั่วซีไม่พูดอะไรอีก สาวเท้ามุ่งหน้าไปทางจุดลึกสุดของเขตทางใต้ ฝีเท้านั้นหนักแน่นอย่างเห็นได้ชัด
—
คาบเรียนตอนเย็นนั้นไม่อาจดำเนินต่อไปได้
อาจารย์ส่วนมากต่างไปรวมตัวที่สุสาน พวกฟางผิงไม่ได้เข้าไป แต่ยืนอยู่ภายนอก ทุกคนต่างรักษาความเงียบสงบ ในใจคิดไปต่างๆ นานา
“ถ้ำใต้ดิน”
ฟางผิงพึมพำเบาๆ
จู่ๆ ฟู่ชางติ่งก็เอ่ยว่า “สมควรฆ่าให้หมด!”
วันนี้พวกเขายังไม่มีเพื่อนนักศึกษาที่สนิทสนมตายในถ้ำใต้ดิน
แต่บางทีคงไม่นาน พวกเขาอาจจะได้เห็นภาพนี้ ถึงกระทั่งคนที่ตายอาจเป็นตัวเอง
หลายปีที่ผ่านมามีคนตายไปมากเหลือเกิน
มากจนถึงขั้นอาจารย์หลายคนรู้สึกชินชา คุ้นชินไปเสียแล้ว ในใจเหลือเพียงความคิดที่เคียดแค้นและพยายามแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ท่ามกลางความมืดในราตรี สุสานจุดที่ลึกที่สุดมีเสียงสะอื้นไห้ดังแผ่วเบาออกมา
คนที่ร้องไห้ไม่ใช่พวกอาจารย์ แต่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เหล่านั้น ไม่รู้ว่ามีกี่คนกำลังด่าเรื่องในวันวาน
ด่าอาจารย์ตัวเองที่ใจดำ ด่าอาจารย์ตัวเองที่ทำเป็นแค่สอนสั่ง แต่ไม่เห็นพวกเขาจะดีกว่าตัวเองตรงไหน
แต่ตอนนี้หลายคนก็เพิ่งตระหนักได้ว่า อาจารย์ของพวกเขาเป็นคนที่หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีเช่นกัน!
—
คืนนั้นพวกฟางผิงนอนไม่หลับอย่างสิ้นเชิง
วันต่อมาเข้าเรียนคลาสฝึกพิเศษอีกครั้งกลับพบว่าทุกอย่างยังคงเหมือนปกติไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย พวกอาจารย์ที่ตายในสนามรบราวกับถูกคนลืมเลือนไปแล้ว
คลาสสิ้นสุดลง จู่ๆ ถังเฟิงก็ปรากฏตัว
กวาดสายตามองทุกคนในชั้นเรียน ก่อนจะเอ่ยว่า
“อธิการกลับมาแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดยังไง แต่อธิการบอกว่าจะให้โอกาสทุกคนเลือกอีกครั้งหนึ่ง เหตุการณ์เมื่อวานทุกคนคงเห็นแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ห้าหกตายในถ้ำใต้ดินล้วนเป็นเรื่องธรรมดา ตอนนี้พวกเธอจะเข้าถ้ำใต้ดินนับว่าอันตรายอย่างแท้จริง ตัดสินใจเอาเอง ถอยตอนนี้ เดือนมิถุนาก็ไม่ต้องเข้าถ้ำอีกแล้ว หลังจากเข้าสู่ขั้นสามจะเข้าหรือไม่เข้าต้องดูที่ตัวเองอีกที รอทะลวงระดับกลาง ทุกปีทำแค่ภารกิจที่บังคับเสร็จสิ้นก็เพียงพอแล้ว สามารถเป็นเหมือนผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมตอนนี้ ทำสิ่งที่พวกเธอควรจะทำ ทุกปีหาเวลามาสิบวันครึ่งเดือนเข้าไปถ้ำใต้ดินสักครั้งเท่านั้น”
ทุกคนจมดิ่งในความเงียบทันที
ถังเฟิงเห็นแบบนั้นจึงเอ่ยต่อว่า “ถอนตัวไม่ได้เป็นเรื่องน่าอาย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองเข้าไปในถ้ำ เดิมทีก็ไม่มีหลักประกันความปลอดภัยอยู่แล้ว แม้มหาวิทยาลัยจะส่งอาจารย์ไปคุ้มครอง แต่บางครั้งตัวพวกเขาเองก็ยากจะปกป้องเช่นกัน พวกเธอจะหนียังไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยดันทุรังไปอยู่บ้างเหมือนกัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองนั้นอ่อนแอจริงๆ ให้เวลาพวกเธอห้านาทีในการถอนตัว ตอนนี้สามารถออกไปได้ ฉันรับประกันว่ามหาวิทยาลัยจะไม่หักสิทธิพิเศษใดๆ ของทุกคนออกไปเพราะเรื่องนี้ หวังแค่ว่าคนที่ออกไป รอพวกเธอแข็งแกร่งแล้ว จะไม่หวั่นคร้ามต่อสงครามเพราะเรื่องในวันนี้ ภายหลังพวกเธออาจจะแสดงความสามารถออกมาได้มากกว่านี้”
ในฝูงชนค่อยๆ เกิดความเคลื่อนไหวเล็กน้อย
ผ่านไปสามนาที จู่ๆ ก็มีคนยืนขึ้น อวี๋ซั่งหวาเอ่ยอย่างโมโห “นายกล้าไป!”
นักศึกษาที่ยืนขึ้น เผยสีหน้าละอายใจและอับจนหนทาง เอ่ยเสียงเบาว่า “ฉัน…ฉัน…พ่อฉันด่วนจากไปนานแล้ว แม่ต้องอยู่คนเดียว…”
“นาย!”
อวี๋ซั่งหวามีโทสะอย่างยิ่ง ถังเฟิงกลับโบกไม้โบกมือ
“ไม่เป็นไร เธอออกไปเถอะ อย่าลืมว่าเรื่องถ้ำใต้ดินยังไม่ถูกเปิดเผย ไม่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลแก่คนอื่น!”
“แน่นอนครับ!”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ยืนขึ้นก้มหน้า ไม่กล้าสบสายตาใคร รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
“ยังมีอีกหรือเปล่า?”
ในกลุ่มนักศึกษาเงียบสงบลงอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งค่อยมีคนออกไปอีกสองคน
ไม่นานเวลาก็ผ่านไปห้านาที
ถังเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้อยกว่าที่ฉันคิดไว้ พวกลูกหมาที่ไม่กลัวตาย ฉันคิดว่าอย่างน้อยจะหนีไปเกือบครึ่งหนึ่ง”
ระหว่างที่พูดยังชำเลืองมองฟางผิง “ฟางผิง นึกไม่ถึงว่าเธอจะยังอยู่ เหนือความคาดหมายฉันเสียจริง”
ฟางผิงจนใจอยู่บ้าง เอ่ยด้วยใบหน้าดำคล้ำ “คุณบอกให้ขั้นสองไปได้ ไม่ได้บอกว่าขั้นสาม!”
“ฮ่าๆๆ…” จู่ๆ ถังเฟิงก็หัวเราะขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ให้โอกาสเธอหนึ่งครั้ง ขั้นสามไปได้เหมือนกัน!”
ฟางผิงเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย “ผมไม่ใช่คนโง่สักหน่อย ไปแล้วคะแนนของคลาสจะตกเป็นของคนอื่นน่ะสิ? แค่ถ้ำใต้ดิน ไม่ใช่เทพเจ้าที่ตีรันฟันแทงไม่เข้า อาจารย์เซี่ยงไฮ้ของพวกเราสละชีพไปตั้งเท่าไหร่ กลับฆ่าได้เท่าเดิม วันๆ เอาแต่วิตกกังวลยังไม่สู้ลงไปฆ่าให้ตายเป็นเบือ ขจัดรังของพวกเขา นั่นถึงจะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ…”
ถังเฟิงแค่นหัวเราะ “ได้ ฉันจะจับตามองเธอ จำคำที่เธอพูดวันนี้ไว้ให้ดี ฉันจะรอดูวันนั้น! เธอไม่ไป งั้นก็อย่าพูดว่าใครบังคับเธอล่ะกัน ตอนที่เจออันตรายในถ้ำใต้ดิน อาจารย์นำทีมไม่ให้หนี หากใครหนีแล้วฉันรู้เขา จะฝังศพเขาเป็นคนแรก! เธอก็อยู่ในรายชื่อนี้ของฉันเหมือนกัน”
ฟางผิงกลอกตา นายไปเห็นฉันหนีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน จงใจหาเรื่องชัดๆ
ถังเฟิงไม่สนใจเขา มองไปทางคนอื่นๆ “พวกเธอก็เหมือนกัน! อีกอย่างมหาวิทยาลัยตัดสินใจให้เบิกทรัพยากรส่วนหนึ่งล่วงหน้าได้ หากใครทะลวงขั้นสาม ขาดแคลนยาบำรุง สามารถไปยื่นเรื่องขอที่ฝ่ายบริการ…”
ฟางผิงตาเป็นประกายทันที เอ่ยว่า “อาจารย์ ผมได้หรือเปล่า? ผมคิดว่าตัวเองใกล้จะทะลวงขั้นสามตอนปลายแล้ว ขั้นสามตอนปลายความสามารถจะเพิ่มสูงขึ้น ปกป้องพวกเพื่อนๆ ได้ คุณรู้นี่ว่าผมทะลวงขั้นเร็วขนาดไหน ความสามารถขั้นสามตอนปลายแตกต่างกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง…”
ถังเฟิงขมวดคิ้วมองเขา ไปหลอกกับผีเอาเถอะ!
นายเพิ่งจะทะลวงขั้นสามได้กี่วันเอง?
ระยะของขั้นสาม อัจฉริยะอย่างเซี่ยเหล่ยยังใช้เวลากว่าครึ่งปีถึงเข้าสู่ขั้นสามตอนปลาย หวังจินหยางจากหนานเจียงใช้เวลาประมาณสามเดือน
ฟางผิงจะทะลวงในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนเนี่ยนะ!
เห็นถังเฟิงไม่เชื่อ ฟางผิงเอ่ยอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “จริงๆ นะครับอาจารย์ ถ้าก่อนเข้าถ้ำใต้ดิน ผมทะลวงขั้นสามตอนปลายไม่ได้ จะคืนทรัพยากรให้มหาวิทยาลัยสองเท่าเลย! นอกจากนี้ผมหวังว่ามหาวิทยาลัยจะอนุญาตให้ผมเบิกคะแนนรายวันล่วงหน้าได้ด้วย ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้ไปเอาคะแนน สองเดือนให้คะแนนผมหกร้อยก็พอแล้ว! มหาวิทยาลัยให้ผมยืมอีกสักหนึ่งพันคะแนน…”
ในชั้นเรียนทุกคนต่างอ้าปากค้าง!
หนึ่งพันหกร้อยคะแนน ฟางผิงนายช่างกล้าเอ่ยปากกับราชสีห์ถังจริงๆ!
เปลี่ยนเป็นเงินก็เป็นสี่สิบแปดล้านแล้ว กระเพาะใหญ่อะไรอย่างนี้
จู่ๆ ฟางผิงก็ครุ่นคิดเอ่ยว่า “ไม่ยืมแล้วดีกว่า มหาวิทยาลัยให้ในนามสนับสนุน สนับสนุนให้ผมเป็นยังไง?”
ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง ถังเฟิงชะงักไปเช่นกัน
พูดว่าให้ยืม นั่นอาจเป็นไปได้เหมือนกัน
แต่พูดว่าให้มหาวิทยาลัยสนับสนุนนาย…
ฟางผิงเพิ่งนึกเรื่องนี้ออกเช่นกัน ยืมเงินเหมือนจะไม่นับในค่าทรัพย์สิน ก่อนหน้านี้เขาเคยลองมาก่อน ยืมคะแนนและยืมเงินเป็นหลักการเดียวกัน
แต่สนับสนุน นั่นไม่เหมือนกันแล้ว
แน่นอน ฟางผิงก็คิดว่าตัวเองหวังสูงเกินไป มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยไอสังหารของราชสีห์ถัง เขารู้สึกว่าโอกาสไม่มากเช่นกัน
กลับคาดไม่ถึงว่าถังเฟิงจะแค่นเสียงว่า “เธอลองไปคุยกับอธิการดูเองสิ!”
ฟางผิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง ประตูของปรมาจารย์ฉันฝ่าไปไม่ได้เถอะ ไม่งั้นจะพูดเรื่องนี้กับนายทำไม
ถังเฟิงไม่สนใจเขาอีก พูดกับคนอื่นแทน
ด้านฟางผิงกลับครุ่นคิด ยืมเงินไม่ได้ สนับสนุนไม่มีหวัง แต่ให้หกร้อยคะแนนแก่เขาล่วงหน้ายังพอลองดูได้
ตอนแรกในคลาสฝึกพิเศษ เขาเคยทำครั้งหนึ่ง เบิกสวัสดิการของหัวหน้าล่วงหน้า มหาวิทยาลัยก็ไม่ปฏิเสธอะไร
——————-