ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 203-2 ตาเฒ่าหลี่ที่เกือบจะได้เป็นปรมาจารย์ใหญ่ (2)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 203-2 ตาเฒ่าหลี่ที่เกือบจะได้เป็นปรมาจารย์ใหญ่ (2)
ตอนที่ 203 ตาเฒ่าหลี่ที่เกือบจะได้เป็นปรมาจารย์ใหญ่ (2)
สิ่งที่ฟางผิงปวดใจกว่านั้นคือนึกไม่ถึงว่าทุกคนจะมีสมอง คำนวณเลขเป็น
ผู้ฝึกยุทธ์ควรจะโง่เหมือนราชสีห์ถังสิ
ผลปรากฏว่ากลับมีคนคิดได้ว่าเงินหกแสนก็สามารถแลกยี่สิบคะแนนแล้วค่อยเอาไปแลกยาบำรุงได้ ไม่ต้องไปซื้อตามราคาตลาด
ก่อนหน้านี้ยาบำรุงธรรมดาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน สามคะแนนเท่ากับเงินเก้าหมื่น
พวกฟู่ชางติ่งต้องการให้เขาลดสิบสองเปอร์เซ็นต์ นั่นยังได้กำไรอยู่บ้าง ขายเก้าหมื่น เกรงว่าจะเป็นราคามิตรภาพแล้ว
“ไม่น่าล่ะ ตอนหลังเรียกเก้าหมื่นแทบจะไม่ซื้อ”
เก้าหมื่น พวกเขาไปซื้อที่มหาวิทยาลัยได้เหมือนกัน แค่ฟางผิงเอามาเร่ขาย ทั้งไม่ได้ถือว่าเยอะเกินไป ทุกคนจึงไม่ปฏิเสธอะไร
ลดสิบสองเปอร์เซ็นต์ ถูกกว่าพวกเขาซื้ออยู่บ้าง นี่ถึงจะนับว่าเหมาะสม
ส่วนขายให้เฉินอวิ๋นซี…เหมือนจะสูงกว่าสิบเปอร์เซ็นต์อยู่บ้าง
“ผิดแผน”
ฟางผิงทบทวนซ้ำไปซ้ำมาอีกครั้ง ไม่คิดมากอีก ถือว่าเรียนรู้จากความผิดพลาด ครั้งหน้าค่อยระวังแล้วกัน
แต่ยังดี เป็นครั้งแรกที่ค่าทรัพย์สินเกินกว่าห้าสิบล้าน แตะถึงห้าสิบล้านสองแสน
“ควรต้องไปทำภารกิจให้อาจารย์แล้ว ยังไงก็ตั้งหนึ่งพันคะแนน”
นึกมาถึงตรงนี้ ฟางผิงจึงควักม้วนภาพออกมาจากอกทันที
“ให้รูปก็จบแล้ว เอาของเล่นพรรค์นี้มาทำไม”
ฟางผิงพึมพำเบาๆ ก่อนจะเปิดม้วนภาพดู
รอจนเปิดม้วนภาพ จู่ๆ ฟางผิงก็ขมวดคิ้ว “หล่อชะมัด?”
“ไม่สิ ผู้หญิงเหรอ?”
เขามองในม้วนภาพ หนุ่มหล่อคนนั้นไว้ผมยาว ฟางผิงจึงไม่มั่นใจขึ้นมา
“ผู้ชายสินะ?”
“เป็นผู้ชายไว้ผมยาว…”
จู่ๆ ฟางผิงก็มีความคิดเชื่อมโยงไปในเรื่องที่ไม่ดีเท่าไหร่ รีบวิ่งไปฝ่ายบริการทันที
—
“ได้คะแนนมาอีกแล้ว?”
“เปล่าครับ อาจารย์ ผมเพิ่งจะขาดทุนไปอย่างหนัก ช่างเถอะ เรื่องนี้ไว้ค่อยพูด”
ฟางผิงไม่พูดมากอีก เปิดม้วนภาพออกมา “อาจารย์ คุณรู้จักคนๆ นี้หรือเปล่า?”
ตาเฒ่าหลี่ยื่นหัวมาดู จู่ๆ ก็มองฟางผิงอย่างแปลกใจ เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “หลู่เฟิ่งโหรวให้มา?”
“ครับ”
“คะแนนของเธอมาจากสิ่งนี้?”
“ครับ”
“แค่หนึ่งพันคะแนน เธอก็รับมา?”
ฟางผิงใบหน้าซีดเผือด พยักหน้าว่า “ครับ”
“ฮ่าๆ”
“อาจารย์รู้จักเหรอครับ?”
“รู้จักสิ”
ตาเฒ่าหลี่หาวหวอด “ศัตรูเก่า ไม่ใช่แค่หลู่เฟิ่งโหรว ยังมีฉันและอีกหลายคน เจ้าเมืองเทียนเหมิน อยู่ขั้นเก้า ไม่มีอะไรหรอก รอเธอทะลวงขั้นเก้าก็แค่ฆ่าเขา ยังไงก็ต้องฆ่าอยู่แล้ว”
“ปรมาจารย์ใหญ่ขั้นเก้า?” ฟางผิงใบหน้าเขียวคล้ำ
ฉันรับภารกิจของปรมาจารย์ใหญ่ขั้นเก้ามา แลกด้วยแค่หนึ่งพันคะแนน!
“ผิดแล้ว อยู่ขั้นเก้า ไม่ใช่ปรมาจารย์ใหญ่” ตาเฒ่าหลี่แก้ไขคำพูด
ปรมาจารย์ใหญ่ของมนุษยชาติเป็นคำเรียกสรรเสริญอย่างหนึ่ง เพราะพวกเขายอมทุ่มเทเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อมนุษยชาติ
ส่วนสิ่งมีชีวิตใต้ดิน พูดได้แค่ว่าขั้นเก้าเท่านั้น
“ขั้นเก้า!”
ฟางผิงเข้าใจขึ้นมาทันที หลู่เฟิ่งโหรวบอกว่าไม่ใช่ปรมาจารย์ ทั้งไม่ใช่ปรมาจารย์ใหญ่!
“เจ้าเมืองเทียนเหมิน อยู่ขั้นเก้า?”
“ใช่”
“งั้น…งั้นส่วนลึกของถ้ำใต้ดินยังมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้อีก?”
“ถือว่าอยู่ขั้นเก้าเหมือนกัน อย่างน้อยผู้บัญชาการหลี่ก็เคยประมือกับอีกฝ่าย ไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พวกนั้นแค่เดินไปไกลกว่าขั้นเก้าอยู่บ้าง เจ้าเมืองเทียนเหมิน นับว่าเข้าสู่ขั้นเก้าตอนต้นเท่านั้น เด็กน้อย ฉันดูแล้วนายน่าจะมีหวัง”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยสัพยอก ส่วนฟางผิงจะสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้หรือไม่นั้น…
ตาเฒ่าหลี่ไม่สนใจเท่าไหร่ กว่าฟางผิงจะขั้นเก้าต้องใช้เวลากี่ปี?
สิบปี?
ยี่สิบปี?
สามสิบปี?
เป็นเรื่องที่พูดยากจริงๆ
เข้าสู่ระดับกลางขั้นสามถือว่าเป็นหลุมใหญ่แล้ว
ขั้นสามตอนปลาย นั่นเป็นหลุมใหญ่ยิ่งกว่า!
แม้จะก้าวสู่ขั้นเจ็ด ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสำเร็จในวันสองวันเช่นกัน
หลายสิบปีต่อจากนั้น เจ้าเมืองเทียนเหมินยังจะมีชีวิตอยู่หรือไง?
โลกยังจะคงอยู่หรือไม่?
ใครจะรู้!
บอกว่าหลู่เฟิ่งโหรวเอาใจใส่ฟางผิง อาจจะไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป บางที…เธออาจโอบกอดความหวังเลือนรางนั้นไว้เช่นกัน
ฟางผิงที่พลังจิตใจสูงกว่าคนทั่วไป บางทีอาจเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ได้อย่างรวดเร็ว?
แต่ความหวังเช่นนี้ มีน้อยมากจริงๆ น้อยจนหลู่เฟิ่งโหรวเองยังไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง
ฟางผิงสับสนเล็กน้อย ฉันรับภารกิจมาแล้ว
ฉันคิดว่าฉันจะสามารถทะลวงขั้นเก้าได้เร็วๆ นี้เหมือนกัน!
ไม่ได้หมายความว่าฉันจะขาดทุนอีกแล้วเหรอ?
สำหรับการเข้าสู่ขั้นเก้า ฟางผิงคิดว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว สวรรค์ส่งให้เขามาช่วยกอบกู้โลก
ตอนนี้เขาคิดไม่เหมือนกับคนอื่น ไม่ใช่ว่าจะสามารถทะลวงขั้นเก้าได้หรือเปล่า แต่เป็นเรื่องหลังจากทะลวงขั้นเก้าแล้ว
หลู่เฟิ่งโหรวเสียหนึ่งพันคะแนนเพื่อจ้างให้ลงมือกับผู้แข็งแกร่งขั้นเก้าคนหนึ่ง ได้กำไรเยอะจริงๆ!
“สายตาเฉียบคมชะมัด! นับถือๆ นึกไม่ถึงว่าจะมองการณ์ไกลได้ ลงทุนให้ฉันล่วงหน้า ต้องยอมจริงๆ”
ฟางผิงนับถือเธอไม่น้อย คิดว่าอาจารย์ตัวเองนั้นสายตากว้างไกลอย่างยิ่ง
นึกไม่ถึงว่าจะมองออก ไม่นานเขาก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นเก้าได้!
ตาเฒ่าหลี่ชำเลืองตามองเขา ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นกระตุกเล็กน้อย เด็กนี่เอาความหน้าหนาขนาดนี้มาจากไหนกัน?
ขั้นเก้า คิดว่าอ้าปากพูดก็ทำได้แล้วหรือไง?
“ไม่มีธุระก็ไสหัวไป ใช่สิ หากเจอเขาก่อนที่เธอจะทะลวงขั้นเก้า ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ภาวนาให้ตัวเองอย่าซวยขนาดนั้นเลย”
ฟางผิงเอ่ยอย่างแปลกใจ “คุณบอกว่าเขาเป็นศัตรูของคุณเหมือนกัน…”
“ใช่เรื่องของเธอหรือไง?”
“หรือคุณจะเป็น…”
ฟางผิงตกใจอย่างยิ่ง หรือตาเฒ่าหลี่เคยเป็นปรมาจารย์ที่สูงกว่าขั้นเก้าเหมือนกัน แต่ต่อสู้กับอีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บหนัก…
ในสมองของเขาประติดประต่อเรื่องมากมาย มีทั้งความโศกเศร้า มีทั้งภาพตาเฒ่าหลี่กู่ร้องขึ้นฟ้าหลังจากรบพ่ายแพ้…
“ฮ่าๆ คิดว่าฉันอยู่ขั้นเก้า?” ตาเฒ่าหลี่แหย่เล่น “ถ้าฉันอยู่ขั้นเก้า แม้จะพิกลพิการ พวกอธิการก็คงประคบประหงมราวกับสมบัติล้ำค่า จะให้ฉันมาสิ้นเปลืองเวลากับเด็กเวรอย่างพวกเธอทำไม? ปัญญาอ่อน!”
ตาเฒ่าหลี่เบี่ยงไปอีกประเด็น เอ่ยกับตัวเองว่า “แต่ก็ไม่ต่างจากนั้นเท่าไหร่ อีกนิดจะก้าวสู่ขั้นเก้าได้แล้ว…”
“ขั้นแปดสูงสุด!” ฟางผิงตื่นตะลึงอีกครั้ง
“ขั้นหกสูงสุด ขาดอีกนิดเดียวจริงๆ” ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจ “อีกนิดจะเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ ทะลวงขั้นปรมาจารย์แล้วตาเฒ่าอย่างฉันคิดว่าไม่นานตัวเองก็ทะลวงขั้นเก้าได้ เธอว่าอีกนิดเดียวไหมล่ะ?”
“น่าเสียดาย ไม่อาจเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ได้…”
ครั้งนี้ตาเฒ่าหลี่ไม่ได้ล้อเล่น รู้สึกเสียดายอยู่บ้างจริงๆ
ส่วนคำพูดก่อนหน้านี้อาจไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเสมอไปเช่นกัน ก้าวสู่ขั้นปรมาจารย์ นี่เป็นปราการใหญ่
ทะลวงปราการนี้แล้ว อาจจะเข้าสู่ขั้นเก้าได้เหมือนกัน
น่าเสียดายที่ติดอยู่ขั้นหกสูงสุดมาหลายปี สูญสิ้นความทะเยอทะยานไปนานแล้ว อยู่ตรงนี้เพราะเลี้ยงดูตัวเองยามเฒ่าจริงๆ
“ขั้นหกสูงสุด…” ฟางผิงถอนหายใจ รู้สึกเสียดายอยู่บ้างเช่นกัน ปลอบใจว่า “อาจารย์ ไม่แน่ว่าอาจจะมีวันหนึ่งที่ตื่นรู้ขึ้นมา กลายเป็นปรมาจารย์ได้”
“ไร้สาระ!”
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะ “คิดว่าปรมาจารย์เป็นได้ง่ายๆ หรือไง? หากตาเฒ่าอย่างฉันเป็นปรมาจารย์ได้จริงๆ แม้จะอยู่ได้นานอีกหลายสิบปี ก็ต้องการความฮึกเหิมกลับมาเพื่อสังหารเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า! อยากจะกลับไปเป็นหนุ่มจริงๆ หากฉันเป็นปรมาจารย์ตั้งแต่ในวันวาน…ต้องทำได้อยู่แล้ว…”
ตาเฒ่าหลี่อารมณ์พลุกพล่านขึ้นมาเล็กน้อย จู่ๆ ก็โบกไม้โบกมือว่า “ไสหัวไป อย่ามากวนฉัน!”
ฟางผิงเห็นเขาอารมณ์ไม่ดี จึงไม่คิดมากความอีก จากไปอย่างรวดเร็ว
เขาออกไปแล้ว ตาเฒ่าหลี่ค่อยถอนหายใจ “แก่แล้ว แก่แล้วจริงๆ หากยังมีชีวิตรอดนานกว่านี้ คงต้องเข้าถ้ำจริงๆ แล้ว”
อายุปูนนี้ ตั้งนานไม่เข้าถ้ำ จู่ๆ กลับอยากจะเข้าไป ความหมายย่อมต่างกันแล้ว
ช่วงเวลาที่ใกล้ตาย ฆ่าเขาอย่างหนำอกหนำใจได้ ดีกว่าต้องป่วยตายบนเตียงเป็นไหนๆ!
—————-