ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 204 นี่คือที่พึ่งของฉัน (1)
ตอนที่ 204 นี่คือที่พึ่งของฉัน (1)
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้า…”
ออกมาจากฝ่ายบริการ ฟางผิงก็ถอนหายใจติดต่อกัน
คนที่ฉลาดอย่างเขา ไม่นานก็ได้สติทันที ภารกิจส่งจดหมายนี้ เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว!
ต่อให้คิดก็ทำได้แค่เพียงคิด เขายังคงต้องทำภารกิจ
ฟางผิงเอาหนึ่งพันคะแนนมาแล้ว หากฟางผิงไม่ทำ หลู่เฟิ่งโหรวคงจะทำให้เขาได้รู้แน่ว่าเลือดนั้นสีอะไร
เจ้าเมืองเทียนเหมินที่อยู่ขั้นเก้ายังพอว่า หลู่เฟิ่งโหรวบอกแล้ว รอเขาแข็งแกร่งค่อยจัดการ
แต่ส่งจดหมาย นี่น่าจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร
—
คลาสเรียนตอนเย็นสิ้นสุด ฟางผิงดึงตัวฟู่ชางติ่งไว้ “ไปเขตทางใต้เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
“ไปเขตทางใต้ทำไม?”
“ส่งจดหมายฉบับหนึ่ง”
“ไปดึกดื่นมืดค่ำเนี่ยนะ?”
“ติดต่อกับถ้ำใต้ดินไม่ได้ เหมือนจะเร่งด่วนเอาการ ต้องรอดูอีก หากไม่ใช่คืนนี้ก็อาจเป็นพรุ่งนี้ จะไปไม่ไป?”
“ได้ จะได้ถือโอกาสขอคำชี้แนะจากนายด้วยว่าฝึกวิชายังไง”
ฟู่ชางติ่งรับปากอย่างว่องไว จ้าวเหล่ยที่อยู่ด้านข้างอยากไปเช่นกัน กลับไม่อาจเปิดปากได้
ฟางผิงสายตาเฉียบไว เห็นแบบนั้นจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จ้าวเหล่ย ไปด้วยกันไหม?”
แม้ปากจะอยากปฏิเสธ จ้าวเหล่ยกลับไม่สามารถเอ่ยออกมา เขาคิดว่าสาเหตุที่ฟางผิงฝึกวิชาจนถึงขั้นสามได้เร็วขนาดนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว ต้องมีสิ่งอีกมาเกี่ยวข้องอีกแน่
หินจากภูเขาลูกอื่นนำมาขัดเกลาเป็นหยกได้[1] เรียนรู้สักหน่อยก็ดีเหมือนกัน
—
ระหว่างทาง
ฟู่ชางติ่งถามขึ้นมา “ช่วงนี้มักรู้สึกว่าหลอมกระดูกได้ช้าลง ฟางผิง ตอนที่นายฝึกวิชา มีความรู้สึกเหมือนติดในช่วงคอขวดบ้างหรือเปล่า?”
“มี หลายครั้งด้วย”
“งั้นนายแก้ไขยังไง?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริงเรื่องพวกนี้ไม่ได้ยากเลย พวกอาจารย์รู้กันทั้งนั้น แต่ปกติกลับไม่อาจบอกพวกเรา”
“ทำไมล่ะ?” จ้าวเหล่ยทำหน้าสงสัย อาจารย์คงไม่ถึงกับปิดบังไว้หรอกมั้ง ยิ่งไปกว่านั้นพ่อเขายังไม่เคยพูดด้วย
“จะว่ายังไงดีล่ะ พวกอาจารย์อยากให้พวกเราพัฒนาไปตามลำดับขั้นตอนมากกว่า ทั้งยังรวมถึงเรื่องประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับราคา”
ฟางผิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริงสาเหตุที่ฉันสามารถฝึกวิชาในขั้นสองได้เร็วเป็นเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าของการหลอมร่างกาย”
“หลอมร่างกาย?”
“ใช่!”
ฟางผิงพยักหน้า “การหลอมกระดูกมนุษย์ อันที่จริงพูดถึงกระดูก แต่ในกระบวนการหลอมกระดูก พวกเราต้องบ่มเพาะกล้ามเนื้อและเส้นเลือดอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน จุดนี้ทุกคนน่าจะเข้าใจดี”
ทั้งสองคนพยักหน้า
ฟางผิงเอ่ยต่อ “แต่เรื่องพวกนี้ล้วนต้องใช้เงินและเวลา ทั้งทำให้หลอมกระดูกได้ช้าลง อันที่จริงพวกเราสามารถแยกขั้นตอนการหลอมกระดูกออกจากกันได้ หลอมร่างกายก่อนแล้วค่อยหลอมกระดูก! ไม่สิ ควรจะพูดว่าหลอมไปพร้อมๆ กัน นายใช้ปราณหลอมกระดูก ใช้ยาหลอมร่างกายไปด้วย เมื่อเป็นแบบนี้ ความเร็วของนายจะเพิ่มขึ้น…แน่นอนว่าเร็วแบบจำกัด”
“ความหมายของนายคือ?”
“ผลาญเงิน!” ฟางผิงยิ้มตาหยี “ผลาญเงินมหาศาล ใช้ยาชุบร่างกายมาอาบน้ำทุกวัน ฉันรับประกันว่าความเร็วจะเพิ่มขึ้นกว่าตอนนี้แน่”
ทั้งสองคนเงียบลงในชั่วพริบตา
ล้อเล่นอะไรกัน!
ตอนนี้แค่ยาบำรุงเลือดและปราณ ยาเสริมสร้างกระดูกก็ทำให้พวกเขาชักหน้าไม่ถึงหลังแล้ว ยังต้องใช้ยาชุบร่างกายอีก นี่ต้องผลาญเงินเท่าไหร่ถึงจะพอ!
ฟางผิงกลับเอ่ยต่อ “ความจริงฉันถามจากอาจารย์หลี่มาเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีอีกวิธีหนึ่ง เข้าไปในสระปราณ! แม้สระปราณจะขึ้นชื่อว่ามีประสิทธิภาพกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ในความเป็นจริง ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามสามารถใช้ได้เช่นกัน เทียบกับคุณภาพและราคาแล้วสมเหตุสมผลกว่า นายฝึกวิชาในสระปราณ มีประสิทธิภาพมากกว่าห้องแหล่งพลังงาน ฟื้นฟูได้เร็ว เติมปราณได้เร็ว ปราณแทบจะพลุกพล่านไม่ขาดสาย หากทำใจเสียเงินได้ ใช้ยาชุบร่างกายสักเม็ดในสระปราณ กินยาเสริมสร้างกระดูกอีกเม็ด ฝึกวิชาหนึ่งชั่วโมงเทียบเท่ากับฝึกปกติทั้งวันแล้ว!”
ทั้งสองคนหมดคำจะพูดอีกครั้ง!
สระปราณนั้นสิ้นเปลืองยิ่งกว่าห้องแหล่งพลังงาน หนึ่งชั่วโมงใช้ตั้งสามสิบคะแนน!
รวมกับยาเสริมสร้างกระดูกขั้นสองหนึ่งเม็ด ต้องใช้สามสิบคะแนนแล้ว
ยาชุบร่างกายล่ะ?
อีกสามสิบคะแนน
ฝึกหนึ่งครั้งเท่ากับเก้าสิบคะแนน ไม่จำเป็นต้องใช้ยาบำรุงเลือดและปราณอีก
ฝึกแบบนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าหนึ่งเดือนทุกคนก็จะสามารถแตะถึงขั้นสองสูงสุดได้แล้ว
ราคาที่ต้องจ่ายไปล่ะ?
สองพันเจ็ดร้อยคะแนน!
แปดสิบเอ็ดล้านหยวน!
เพื่อที่จะเร่งความเร็วจากขั้นสองตอนกลางถึงขั้นสองสูงสุด ประหยัดเวลาสองสามเดือน อย่างน้อยต้องเสียเปลืองเงินกว่าห้าสิบล้าน!
คุ้มค่าอย่างนั้นเหรอ?
พวกอาจารย์และพวกผู้ใหญ่ต่างไม่แนะนำวิธีนี้ หลู่เฟิ่งโหรวแนะนำจ้าวเสวี่ยเหมย กลับไม่คิดแนะนำวิธีฟุ่มเฟือยพวกนี้ให้ฟางผิงเช่นกัน
ประเด็นอยู่ที่จ้าวเสวี่ยเหมยไม่ได้หลอมกระดูกสองครั้ง ฝึกวิชาได้ช้ากว่า
ฟู่ชางติ่งคำนวณเล็กน้อย พึมพำว่า “ค่าใช้จ่ายนี้เยอะเกินไปแล้ว นายทำแบบนี้งั้นเหรอ?”
“ประมาณนั้น” ฟางผิงหัวเราะ ประมาณนั้นจริงๆ
ระบบของเขา หากค่าทรัพย์สินเพียงพอ ประสิทธิภาพนั้นดีกว่าสระปราณซะอีก
“ไม่น่าล่ะ…”
ฟู่ชางติ่งสีหน้าซับซ้อนขึ้นมา “ครั้งหน้าถ้านายบอกว่าจนอีก ฉันจะเชื่อ เพราะนายจนแบบมีที่ไปที่มา!”
วิธีฝึกวิชาที่ผลาญเงินขนาดนี้ เกรงว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีเงินหลายหมื่นล้านคงทำใจไม่ได้เช่นกัน
ขั้นสอง หนึ่งเดือนเสียไปเกือบร้อยล้าน
งั้นขั้นสามล่ะ?
อย่างน้อยต้องมากกว่าหนึ่งเท่าตัว ทั้งการฝึกวิชาของขั้นสามยังยาวนาน อาจจะหลายเดือนถึงกระทั่งครึ่งปี
รอกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดแล้ว เสียไปกว่าพันล้านยังถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ต่ำกว่าขั้นสามเสียเงินขนาดนี้ เว้นเสียจะมีเงินมากให้ผลาญจริงๆ ไม่งั้นคงไม่มีใครทำเรื่องแบบนี้หรอก
ระหว่างที่พูดคุย ทั้งสามคนก็มาถึงทางเข้าถ้ำซึ่งเป็นจุดลึกสุดของเขตทางใต้
พวกเขาไม่ได้เข้าไป ด้านนอกทางเข้ามีทหารถือปืนคุมอย่างเข้มงวด ทั้งภายในยังมีผู้ฝึกยุทธ์ประจำการอยู่ น่ากลัวยิ่งกว่าทหารที่ถือปืนอยู่ข้างนอกเสียอีก
สำหรับพวกฟางผิงแล้ว ตอนนี้การเคลื่อนไหวของพวกเขาเร็วอย่างยิ่ง อีกฝ่ายสาดกระสุนออกมาอาจไม่โดนตัวพวกเขาเสมอไป
แต่เจอผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขา จะหนียังหนียากเลย
ทางเข้าถ้ำนั้นเงียบอย่างมาก ฟางผิงไม่คิดสิ้นเปลืองเวลา เข้าสู่สภาวะจวงกงทันที
เข้าสู่จวงกงแล้ว ฟางผิงจึงเอ่ยไปพลาง “จวงกงแตะระดับสภาวะว่างเปล่า ถึงขีดจำกัดของระดับต่ำกว่าขั้นสามแล้ว ฉันเคยได้ยินอาจารย์บอกว่า จวงกงเป็นแค่พื้นฐาน ถึงขั้นสามแล้ว จวงกงจะแยกออกไปสองส่วน อันที่จริงจวงกงเป็นการรวมระหว่างการพัฒนาร่างกายและฝีเท้า แต่เมื่อถึงขั้นสาม จะแยกกันบางคนเลือกฝึกร่างกาย เพื่อทำให้อวัยวะภายในมีพื้นฐาน บางคนเลือกฝึกฝีเท้า ไม่ได้เหมือนพวกเราในตอนนี้ แต่เป็นการเดินเหินในอากาศ พวกนายเคยเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามลอยบ้างหรือเปล่า?”
ฟู่ชางติ่งหัวเราะ “นายช่างกล้าคิด ฉันเคยเห็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝึกเคลื่อนที่กลางอากาศมาก่อน หรือจะพูดว่าเดินบนอากาศ ยังไม่ถึงขั้นลอยตัวบนอากาศได้หรอก เหมือนนายที่เดินเหินบนอากาศช่วงสั้นๆ นี่แหละ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม จะประคองตัวได้นานกว่าหน่อยเท่านั้น อีกอย่างความเร็ว ความสามารถในการปรับตัว ความสูงล้วนต้องถึงมาตรฐานในจุดๆ หนึ่ง ฉันเคยเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าคนหนึ่ง เดินบนอากาศประมาณหนึ่งร้อยเมตร ระดับความสูงจากพื้นเกือบสิบเมตร ตอนนั้นน่าตกใจจริงๆ! ผู้ฝึกยุทธ์แบบนี้ถึงจะเป็นเทพสวรรค์อย่างแท้จริง…”
“แม้จะเดินได้ร้อยเมตร แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าคนนี้ยังหล่นลงมาอย่างรวดเร็ว นั่นถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมแล้ว แต่จากจวงกงเปลี่ยนเป็นฝึกวิชาเคลื่อนที่ในอากาศ ไม่เน้นการฝึกร่างกาย อันที่จริงผู้ฝึกยุทธ์หลายคนมองว่าดีแค่เปลือกนอกเท่านั้น เคลื่อนที่ในอากาศ รอนายแตะถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว อันที่จริงไม่ฝึกวิชาพวกนี้ก็สามารถทำได้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามบางส่วนที่คิดว่าตัวเองสามารถแตะถึงขั้นปรมาจารย์ได้ ต่างเลือกฝึกร่างกายเป็นหลักในช่วงเวลานี้ เพื่อเร่งการฝึกวิชาให้เร็วขึ้น ก้าวเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์…”
—————
[1] หินจากภูเขาลูกอื่นนำมาขัดเกลาเป็นหยกได้ เปรียบเปรยว่าความคิดเห็นจากคนอื่นสามารถช่วยปรับปรุงจุดบกพร่องของตัวเองได้เช่นกัน