ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 205 ความลับเล็กๆ ของโลกผู้ฝึกยุทธ์ (1)
ตอนที่ 205 ความลับเล็กๆ ของโลกผู้ฝึกยุทธ์ (1)
“แฮ่กๆ…”
ฟางผิงหอบหายใจ ในที่สุดก็ตามหนุ่มหล่อผมขาวคนนั้นทัน
คนๆ นี้ไม่ได้เคลื่อนไหวด้วยความเร็วทั่วไป เขาที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามเกือบจะตามไม่ทัน
ความจริงชายผู้นี้สัมผัสได้ว่าฟางผิงไล่ตามมาตั้งนานแล้ว
รอจนรู้สึกว่าฟางผิงตามตัวเองอยู่ตลอด ชายผู้นี้จึงหันมาเอ่ยหยอกว่า “ยังอยากจะสัมผัสประสบการณ์ตัวลอยอีกหรือไง?”
ฟางผิงยิ้มอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เรื่องนี้รอผมกลายเป็นปรมาจารย์แล้วค่อยสัมผัสอีกดีกว่า อาจารย์ครับ ตอนนี้คุณจะไปที่ไหน? ให้ผมไปส่งคุณเถอะ”
“เธอ?”
ชายคนนั้นเผยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ว่ามา คิดจะทำอะไร?”
“ที่ไหนกันล่ะครับ ดูอาจารย์พูดเข้า”
ฟางผิงปฏิเสธทันที ก่อนจะหยั่งเชิงว่า “อาจารย์ คุณและอาจารย์ของผม…”
“หลู่เฟิ่งโหรวไม่เคยเอ่ยถึงฉัน?”
ชายคนนั้นเดินไปพลางเอ่ยไปพลาง “แต่ก็เป็นเรื่องปกติ”
“เธอล่ะ ฉันเหมือนได้ยินจากคนอื่นมา คิดจะขุดเอาผลประโยชน์จากฉันงั้นเหรอ?”
ชายคนนั้นยิ้มหยอก ส่ายหัวว่า “อย่าคิดว่าเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้น โชคไม่อาจหล่นมาจากฟ้าได้หรอก”
ชายคนนั้นเดินพูดไปตามทาง ฟางผิงกลับเอ่ยอย่างหนักแน่น “อาจารย์ คุณเข้าใจผมผิดแล้ว ผมแค่เห็นแก่อาจารย์ของผม ก่อนหน้านี้ตอนที่เอาจดหมายออกมาเหมือนเธออยากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็หยุดไป ดูหมดอาลัยตายอยาก แตกต่างกับอาจารย์ในความทรงจำของผมอย่างสิ้นเชิง อาจารย์ดูแลผมเหมือนลูก ผมที่เป็นลูกศิษย์ของเธอก็ควรจะตอบแทนน้ำใจ ช่วยอาจารย์ขจัดปัญหา…”
“ฮ่าๆ น่าสนใจดีนี่”
ชายผมขาวหัวเราะขึ้นมา หันหน้ามามองฟางผิง “ใจกล้าไม่เบา เด็กน้อย พยายามตั้งใจฝึกวิชานั่นถึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง อย่ามัวมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้เลย ลูกไม้ของเธอ สมัยฉันหนุ่มๆ ก็เคยใช้มาเหมือนกัน”
พูดจบ ชายผู้นั้นก็เคลื่อนกายอย่างว่องไว หายไปจากเบื้องหน้าของฟางผิง
ฟางผิงถอนหายใจ หลอกเอาผลประโยชน์ไม่ได้สักนิด น่าเสียดายชะมัด!
—
อันที่จริงฟางผิงยังคงสงสัยและคาดเดาฐานะของชายผู้นั้นอยู่เล็กน้อย
เขาไม่กล้าไปถามจากหลู่เฟิ่งโหรว ทางชายคนนั้น ฟางผิงก็คงไม่ได้เจอแล้วเช่นกัน
จนผ่านไปสองวัน ฟู่ชางติ่งค่อยมาเล่าเรื่องที่เขาสืบได้
หอพัก
ฟู่ชางติ่งเคาะประตูห้องฟางผิง ก่อนจะย่องเข้ามาราวกับขโมย ผ่านประตูเข้ามาก็กระซิบว่า “เจอข่าวใหญ่แล้ว!”
“อย่ามาทำตัวลึกลับซับซ้อน มีอะไรก็พูดมา”
สองวันนี้ฟางผิงยังคงใช้ปราณในการบ่มเพาะกระดูกต่อ มีเวลาว่างก็ไปฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้
กำลังจะเตรียมตัวพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในเดือนถัดไป มีเวลามาฟังคำพูดไร้สาระของฟู่ชางติ่งที่ไหนกัน
“ครั้งก่อนนายถูกคนอัดไม่ใช่หรือไง?”
“โดนคนอัดอะไร? ฉันไม่เห็นจำได้?”
“เชอะ!”
ฟู่ชางติ่งทำหน้าดูแคลน ก่อนจะยิ้มตาหยีว่า “เป็นการค้นพบครั้งใหญ่จริงๆ! แวดวงผู้ฝึกยุทธ์มีความลับมากมาย พวกเราที่เป็นคนตัวเล็กๆ ครั้งหน้าต้องระวังแล้ว ไม่งั้นอาจจะตายแบบไม่รู้ตัว นายรู้หรือเปล่า อาจารย์ผมขาวที่เจอวันนั้นคือใคร?”
“ใคร?”
“ราชาอสรพิษ!”
“ใคร?”
ฟางผิงทำหน้าสงสัย ฟู่ชางติ่งจนใจอยู่บ้าง “ไม่เคยดูอันดับปรมาจารย์หรือไง? ‘ราชาอสรพิษ’ ถูกจัดในอันดับที่สี่สิบเจ็ด ปรมาจารย์อู๋ขุยซาน ความสามารถขั้นแปดตอนปลาย!”
“รองอธิการ?”
ฟางผิงตะลึงไปเล็กน้อย “นายพูดถึงอู๋ขุยซานที่เป็นรองอธิการของเซี่ยงไฮ้?”
ส่วน ‘ราชาอสรพิษ’ เป็นฉายาเท่านั้น ฟังดูธรรมดา แต่เมื่อใช้ควบคู่กับคำว่า ‘ราชา’ นั่นเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงฝีมือแล้ว
รอวันไหนราชสีห์ถังเปลี่ยนฉายาเป็น ‘ราชาราชสีห์’ ฟางผิงคงไม่กล้าก่อกวนเขาเช่นกัน กลัวตาย
“อืม เขานั่นแหละ”
ฟู่ชางติ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของพวกเราสูสีกับปักกิ่งได้ อันที่จริงมีส่วนเกี่ยวข้องกับอธิการอู๋ อธิการของมหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นปรมาจารย์ที่อยู่ในอันดับสามสิบหก อธิการของพวกเราอยู่อันดับสี่สิบเอ็ด แต่อธิการอู๋ก็อยู่ในห้าสิบอันดับแรกเช่นกัน ถูกจัดในอันดับสี่สิบเจ็ด นี่ถือเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้มหาวิทยาลัยของพวกเรา ปรมาจารย์ห้าสิบอันดับแรก มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ครองอันดับไปสองคนแล้ว!”
ปรมาจารย์ที่ถูกจัดในอันดับล้วนเป็นบุคคลสำคัญในประเทศจีน
และห้าสิบอันดับแรกก็ยิ่งเป็นแนวหน้าของแนวหน้าอีกที
ความจริงมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นแค่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้กระทรวงการศึกษา แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่โดยทั่วไปแล้ว อธิการบดีถูกจัดเป็นหนึ่งในห้าสิบอันดับแรกได้ถือว่าไม่ง่ายแล้ว
แต่เซี่ยงไฮ้ ยังมีผู้แข็งแกร่งอีกคนที่ถูกจัดในอันดับเช่นกัน
รัฐบาลกลาง หน่วยทหาร กองรักษาการณ์ หน่วยสืบสวน กระทรวงการศึกษา แวดวงธุรกิจ สำนักต่างๆ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้…
อำนาจหลากหลายฝ่าย จะไม่มีคนระดับผู้นำได้ยังไง
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้กลับมีคนระดับผู้นำถึงสองคน นี่ถือเป็นความแข็งแกร่งจริงๆ
“นึกไม่ถึงว่าเป็นเขา…”
สำหรับรองอธิการผู้นี้ ทุกคนได้ยินเพียงชื่อเสียงเรียงนาม กลับไม่เห็นตัวจริงมาก่อน
ได้ยินว่าน้อยครั้งที่จะปรากฏตัวในมหาวิทยาลัย แทบจะตะลอนอยู่โลกข้างนอกตลอดเวลา
หากไม่อยู่ในถ้ำใต้ดิน ก็อยู่จะที่ปักกิ่ง หรืออาจจะอยู่ต่างประเทศ มีโอกาสน้อยที่จะอยู่ในมหาวิทยาลัย
พวกฟางผิงเข้ามหาวิทยาลัยมาเกือบหนึ่งปี ไม่เคยเห็นคนผู้นี้เช่นกัน รวมถึงอธิการด้วย พบเจอนับครั้งได้
ปรมาจารย์ที่เห็นบ่อยที่สุดน่าจะเป็นหวงจิ่ง คณบดีสาขายุทโธปกรณ์
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีปรมาจารย์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะอยู่สี่คน อธิการบดีเฒ่า รองอธิการอู๋ขุยซาน คณบดีหวงจิ่งสาขายุทโธปกรณ์
ส่วนอีกคนกลับเป็นปรมาจารย์เฒ่าที่นั่งรักษาการณ์อยู่เขตทางใต้ของมหาวิทยาลัยมาโดยตลอด ไม่ได้ห้อยตำแหน่งผู้บริหารอะไร
สองคนหลังต่างเป็นปรมาจารย์ในขั้นเจ็ด
อู๋ขุยซาน ก่อนหน้านี้เปิดเผยว่าอยู่ในขั้นเจ็ดสูงสุด
แต่เมื่อพวกฟางผิงเข้าเรียนได้ไม่นาน รองอธิการผู้นี้ก็เข้าสู่ขั้นแปดตอนกลางอย่างรวดเร็ว
ใครต่างไม่รู้ว่าก่อนหน้าเขาปิดบังความสามารถ หรือว่าทะลวงขั้นได้อย่างกะทันหัน
สำหรับคนผู้นี้ ฟางผิงไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเขา
“นึกไม่ถึงสินะ!”
ฟู่ชางติ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยังมีเรื่องที่นายต้องตกใจกว่านั้น ไอ้เวร มาหลอกฉันว่าเขาเป็นพ่อของอาจารย์หลู่ นายเชื่อไหมว่าถ้าฉันบอกอาจารย์หลู่ เธอจะหั่นนายทั้งเป็นแน่! คำพูดครั้งก่อน เป็นเพราะอธิการอู๋ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย ไม่งั้นคงหั่นฉันทั้งเป็นไปแล้ว”
เขาไม่ได้ถ่ายทอดคำพูดของฟางผิงที่บอกว่าลูกสาวคิดถึงเขา
เวลานั้นเขาวางหลู่เฟิ่งโหรวในบทบาทของลูกสาวอู๋ขุยซานไปโดยปริยาย เลยพูดชื่อหลู่เฟิ่งโหรวออกมาตรงๆ
นี่เป็นเหตุผลที่เขาอยู่รอดปลอดภัยเช่นกัน ไม่งั้นเขาคงตายอย่างน่าอนาถยิ่งกว่าฟางผิง
เวลานั้นอู๋ขุยซานไม่ได้นึกถึงเรื่องพวกนี้เหมือนกัน ฟู่ชางติ่งหวนคิดแล้วยังขยาดกลัวอยู่บ้าง
“พ่ออะไรกัน รองอธิการเป็นสามีของอาจารย์หลู่”
“หา?”
ฟางผิงอ้าปากค้าง แบบนี้เองเหรอ?
ก่อนหน้านี้อันที่จริงเขาเคยคาดเดาแบบนี้เช่นกัน แต่ไม่กล้ามั่นใจมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง
“อืม เรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็นต์” ฟู่ชางติ่งเอ่ยเบาๆ “พ่อฉันบอกว่า ความจริงเรื่องนี้มีแต่ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นก่อนที่รู้ เพียงแค่ตอนนี้คนที่พูดเรื่องพวกนี้มีไม่เยอะ ตอนนี้อาจารย์หลู่และอธิการอู๋เจอกันก็ทำราวกับศัตรู แน่นอน อย่าคิดว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ หากรังแกอาจารย์หลู่ รองอธิการอู๋จะออกหน้าให้ทันที ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ตะบึงมาไกลกว่าพันลี้เพื่อจัดการกับปรมาจารย์ตงหูคนนั้นจนกระอักเลือดออกมาสามลิตร…จุๆ ใช้อำนาจเก่งจริงๆ”
“ปู่ของฟางเหวินเสียง?”
“เหมือนจะอย่างนั้น”
ฟางผิงฟังอย่างเพลิดเพลิน อยากจะนินทาไม่น้อย
“งั้นตอนนี้เรื่องของอาจารย์ฉันและอธิการอู๋มันยังไงกันแน่?”
“เรื่องนี้ยาวอยู่บ้าง…”
“งั้นก็สรุปสั้นๆ สิ”
ฟู่ชางติ่งกลอกตา ครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “อันที่จริงเป็นเรื่องในอดีต น่าจะสิบปีได้ ตอนแรกอาจารย์หลู่และอธิการอู๋มีลูกสาวหนึ่งคน เป็นลูกคนเดียว ทะนุถนอมตามใจอย่างมาก เดิมทีอาจารย์หลู่อยู่ขั้นห้า รองอธิการอู๋ทะลวงขั้นปรมาจารย์แล้ว! เวลานั้นถือเป็นเรื่องที่เยี่ยมยอด อธิการอู๋ยังอายุไม่ถึงห้าสิบปี มีความหวังที่จะเป็นปรมาจารย์ใหญ่ แถมอาจารย์หลู่ก็มีโอกาสเป็นปรมาจารย์เช่นกัน นายลองคิดดู พ่อแม่มีฝีมือระดับนี้ จะรักและเอ็นดูลูกสาวขนาดไหน”
—————