ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 207 รวมตัวที่หนานเจียง (1)
ตอนที่ 207 รวมตัวที่หนานเจียง (1)
หนานเจียง
เมืองชางหนาน
แม้หนานเจียงจะอยู่ในพื้นที่ราบ แต่ไม่ได้หมายความว่าหนานเจียงไม่มีภูเขา
เขาชางซานเป็นภูเขาใหญ่ที่ทอดผ่านหนานเจียง รวมถึงเมืองหยางเฉิงด้วยเช่น ต่างอยู่ภายในอาณาเขตของภูเขาลูกนี้
—
รถค่อยๆ ทะยานเข้าสู่เขตชางหนาน
บนรถ ถังเฟิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “คนพวกนี้ถูกปิดล้อมอยู่ภายในเขตชางหนาน ด้านหลังติดเขาชางซาน พวกเธอต้องล้อมปราบปรามฐานที่ตั้งนั่น อยู่ที่ตีนเขาชางซาน เดิมทีมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ภายหลังทรุดโทรมลง พวกชาวบ้านออกมาหางานทำ ตั้งรกร้างภายในเมือง จึงเหลือแค่คนแก่ไม่กี่คน…”
มีคนขมวดคิ้ว “คนแก่…”
“ถูกฆ่าแล้ว”
มีนักศึกษาหญิงอดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “อาจารย์คะ ไม่ใช่บอกว่าวางแผนขับไล่ให้อีกฝ่ายย้ายไปอยู่ในพื้นที่เดียวกันเหรอคะ?”
ถังเฟิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “แม้จะวางแผนอย่างรอบคอบแค่ไหน ก็ไม่อาจเป็นไปตามแผนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นกัน แผนเดิมไม่ใช่ขับไล่ให้อีกฝ่ายมาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ แต่เป็นหมู่บ้านร้างตรงไหล่เขา แต่เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ แผนการไม่อาจเป็นเหมือนที่พวกเราคิดไว้ทั้งหมด จึงเกิดเป็นเหตุการณ์เช่นนี้…หากพูดโหดร้ายหน่อย ยังอยู่ในขอบเขตที่ทุกคนรับได้”
ทุกคนต่างพูดไม่ออก ให้ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตถูกล้อมไว้ในสถานที่แห่งเดียวกัน เทียบกับพวกคนแก่ตายไปไม่กี่คน เหมือนจะคุ้มค่าอย่างมาก
แต่คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เสียสละพวกนั้น พวกเขาจะคิดว่าคุ้มค่าหรือเปล่า?
ถังเฟิงเปลี่ยนประเด็นอื่น เอ่ยต่ออย่างรวดเร็ว “หมู่บ้านตั้งอยู่ที่ตีนเขา พวกเราจะอยู่ลึกลงไปในภูเขา ตั้งแนวป้องกันเหมือนปากทางเข้าแห่งอื่น แต่ว่าแถวๆ นี้ไม่มี ก็หมายความว่าอีกฝ่ายสามารถหนีขึ้นเขาได้ตลอดเวลา ภูมิประเทศบนเขาค่อนข้างซับซ้อน ท้ายที่สุดพวกเธออาจจะต้องต่อสู้กันในป่า ระวังตัวด้วย พื้นที่และสภาพแวดล้อมค่อนข้างซับซ้อน นั่นหมายความว่าอันตรายสูง!”
ฟางผิงเอ่ยปาก “ในหมู่บ้านมีกี่คน? เป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดเหรอครับ?”
“ไม่ มีคนธรรมดาด้วย…แต่ว่าตอนนี้ไม่ว่าจะคนธรรมดาหรือผู้ฝึกยุทธ์ให้สังหารโดยไม่ต้องละเว้น!”
ถังเฟิงเอ่ยอย่างเลือดเย็น “จำไว้ให้ดี อย่าให้เหลือรอด! ฆ่าให้หมด! ส่วนจำนวนคน มีประมาณสามร้อยคน ในนั้นมีคนธรรมดาเท่าไหร่ ยังไม่อาจให้คำตอบที่ชัดเจนได้”
“สามร้อยคน?”
ทุกคนแปลกใจอยู่บ้าง อวี๋ซั่งหวาเอ่ยว่า “อาจารย์ แล้วฝั่งมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้มีทั้งหมดกี่คน?”
“เซี่ยงไฮ้เก้าสิบเจ็ดคน ปักกิ่งแปดสิบคน มหาวิทยาลัยของหนานเจียงอีกสามแห่งรวมสี่สิบคน มหาวิทยาลัยแห่งอื่น หลักๆ มาจากสามมณฑลทางใต้ หนานหูและหนานเจ๋อประมาณหกสิบคน”
“งั้นก็เกือบสามร้อยคนแล้ว…”
อวี๋ซั่งหวาครุ่นคิด “จำนวนคนของเราและพวกเขาเท่ากัน ฝั่งเราอ่อนแอที่สุดคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง พวกเขายังมีคนธรรมดา…”
การฝึกแบบนี้จะยากจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
ถังเฟิงกลับแค่นเสียงว่า “อย่าประเมินใครต่ำเกินไป ไม่งั้นพวกเธอจะตายไว! ยิ่งไปกว่านั้นท่ามกลางคนพวกนี้อาจจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามอยู่ หลักๆ ต้องให้พวกเธอสำรวจเอาเอง”
ฟางผิงแทรกบทสนทนา “มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามด้วยเหรอครับ?”
“ไม่รู้”
ฟางผิงหมดคำจะพูด นี่มันอะไรกัน?
ไม่รู้?
พูดขนาดนี้ อาจจะมีงั้นสินะ?
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองกลุ่มหนึ่งรวมกับขั้นสามไม่กี่คนปะทะกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง นั่นเป็นอันตรายอย่างมาก เว้นเสียจะเอาชีวิตคนเข้าแลก
—
ระหว่างที่ทุกคนพูดคุย ท้องฟ้าก็มืดขึ้นเรื่อยๆ
เวลาตีหนึ่ง รถหยุดลงที่ฐานทัพแห่งหนึ่งในเขตชางหนาน
รถของเซี่ยงไฮ้เพิ่งจะมาถึง ไม่นานก็มีรถอีกหลายคันจอดที่หน้าประตู
พวกฟางผิงลงจากรถ อาศัยแสงไฟจากหน้าประตูมองสำรวจคน
ปรากฏว่าเห็นคนคุ้นหน้าจริงๆ
ไม่ไกลกันมาก ฟางเหวินเสียงถลึงตามองฟางผิงอย่างชิงชัง
ฟางผิงเห็นอย่างนั้นจึงถูฝ่ามือ เปิดปากว่า “คืนเงินมา!”
ฟางเหวินเสียงใบหน้าดำคล้ำ ไม่มองเขาอีก
ฟางผิงเบะปาก เจ้าหมอนี่ติดหนี้ยาบำรุงเขาหนึ่งเม็ด เขาจำได้แม่น
ตอนนั้นกลืนยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งไป ตอนนี้เขาอยู่ขั้นสามแล้ว น้ำขึ้นเรือย่อมสูงตาม อย่างน้อยต้องเป็นยาบำรุงขั้นสามแล้ว
นอกจากฟางเหวินเสียง ยังมีหานซวี่ หลี่หราน จางเจิ้นกวง พวกนักศึกษาที่เคยเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่อยู่ที่นี่เกือบทั้งหมด
การแข่งขันผ่านไปเกือบสี่เดือนแล้ว ตอนแรกต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดกันหมด ตอนนี้แทบจะก้าวสู่ขั้นสองทุกคนแล้ว ถึงกระทั่งไม่ใช่ขั้นสองตอนต้น
นอกจากปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ที่เพิ่งมาถึง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ กลับมาถึงกันหมดแล้ว
ตอนที่พวกฟางผิงทยอยเข้าไปในฐานทัพ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นก็ถูกปลุกให้ตื่น ตอนนี้มีบางส่วนเดินออกมาจากค่ายทหาร
ปรากฏว่าฟางผิงนั้นได้รับสายตาดูถูกเหยียดหยามหลายคู่!
คนของหนานเจียงเห็นเขาต่างทำท่าโกรธเคืองอย่างยิ่ง
“แพ้ไม่เป็นหรือไง มองอะไรกัน!”
ฟางผิงแค่นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ มองหาปู่แกสิ ฉันประลองชนะเป็นความผิดหรือไง?
“ใครแพ้ไม่เป็น!”
เขาเอ่ยปากออกมา ก็มีคนของหนานเจียงพูดตอบทันที
“พวกเราหนานเจียงไม่ใช่ไม่เคยแพ้มาก่อน แต่นายรังแกคนเกินไป เหยียดหยามนักศึกษาหนานเจียงของพวกเรา!”
ฟางผิงหมดคำจะพูด ฟู่ชางติ่งแอบขำว่า “ให้นายแกล้งๆ ทำไป ดันจะปากดีให้ได้”
ก่อนหน้านี้ที่หนานเจียง ฟางผิงเกือบจะทำให้หลันไฉ่เย่โมโหจนกระอักเลือด
ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนก็ไม่ให้เขาประกาศชื่อเสียงเรียงนาม นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักศึกษาหนานเจียงเห็นเขาก็ไม่พอใจทันที
แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ช่วงนี้ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยหนานเจียงได้อย่างยากลำบากเช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองพวกนี้กระเสือกกระสนอย่างแทบเป็นแทบตาย
ฟางผิงคร้านที่จะตอบกลับเช่นกัน จึงทำเป็นไม่มองพวกเขาอีก
ไม่นาน ทุกคนก็ตามพวกอาจารย์และเจ้าหน้าที่ทหารมาถึงกระโจมใหญ่ที่ตั้งขึ้นชั่วคราวแห่งหนึ่ง
—
ภายในกระโจม
พวกถังเฟิงและเจ้าหน้าที่ทหารปรึกษาหารือกันเบาๆ อยู่พักหนึ่ง
ไม่นานก็มีคนเอ่ยว่า “อย่าชักช้าอีกเลย ปลุกนักศึกษาคนอื่นๆ มารวมตัว!”
สิ้นเสียงนั้น ไม่จำเป็นต้องส่งคนไปเรียกทีละคน มียอดฝีมือตะโกนเสียงดังว่า “ทุกคนรวมตัว!”
พวกฟางผิงแทบจะสะดุ้งโหยง อดยกมือมานวดหูไม่ได้ ฟางผิงกระซิบว่า “คำพูดนี้ควรให้อาจารย์ถังเป็นคนพูด วิชาราชสีห์คำรามใช้การได้ดีอยู่แล้ว”
จู่ๆ เฉินอวิ๋นซีก็ผลักฟางผิงไปข้างหลังเล็กน้อย ฟางผิงแปลกใจอยู่บ้าง เงยหน้ามองพบว่าถังเฟิงกำลังมองตัวเองอยู่
ฟางผิงจนใจ คนเยอะขนาดนี้ คุยกันอยู่แท้ๆ นายก็ยังได้ยินงั้นเหรอ?
ถังเฟิงไม่สนใจเขา ทุกคนกำลังรออยู่ ไม่นานพวกนักศึกษาก็ทยอยกันเข้ามา
เห็นว่ากระโจมมีคนยัดจนเต็มแล้ว มีคนๆ หนึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครรื้อกระโจมออกทันที เอ่ยเสียงดังว่า “เป็นผู้ฝึกยุทธ์กันทั้งนั้น ประชุมจะใช้กระโจมไปทำไม เปิดเผยต่อฟ้าดินกันไปเลย!”
รอกระโจมถูกรื้อออก สถานที่ก็กว้างขึ้นทันตา
เจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งที่คุยกับถังเฟิงก่อนหน้านี้ยืนขึ้น พูดดังก้องว่า “ขอบคุณทุกคนที่มาหนานเจียงเพื่อแก้ไขปัญหาให้หนานเจียงของเรา ภารกิจครั้งนี้ฉันว่าทุกคนก็รู้แล้วเช่นกัน เป้าหมายภารกิจของพวกเราคือหมู่บ้านผานสือที่อยู่ห่างจากที่นี่สิบห้ากิโลเมตร จะกวาดล้างยังไง พวกเราคงไม่บงการ ทำตามประสงค์ของมหาวิทยาลัยพวกเธอ พวกเธอจัดการกันเอง จะเคลื่อนไหวเป็นทีม หรือเคลื่อนไหวคนเดียว ตัดสินใจเอาเอง พวกเราขอร้องพวกเธอแค่สามอย่าง อย่างแรก อย่าลงมือกับเพื่อนร่วมรบ หากถูกจับได้ สถานเบาคือส่งไปในถ้ำ สถานหนักถูกฆ่าตายทันที! อย่างที่สอง ที่นี่ถูกแยกเป็นพื้นที่สงครามแล้ว ตอนนี้ทุกคนเข้ามาที่นี่ เข้าได้แต่ไม่อาจถอยได้ พวกเราจะตั้งแนวป้องกันรอบทิศทาง ไม่อาจข้ามเขตแดน! อย่างที่สาม สินสงครามต้องนำมารวมแบ่งกัน ตอนที่ทำสงครามร่วมกัน ไม่อนุญาตให้เก็บสินสงครามไปส่วนตัว รอรบเสร็จแล้วต้องนำมารวมกัน แบ่งสรรตามผลงาน! วางใจได้ สินสงครามเป็นของพวกเธอทั้งหมด จะได้มากน้อยเท่าไหร่ ต้องดูที่ผลงานของพวกเธอ อย่าได้หันคมมีดหาคนกันเองเพื่อยาบำรุงแค่ไม่กี่เม็ด หากถูกจับได้ จะถูกจัดการขั้นเด็ดขาด!”
ฝ่ายทหารร้องขอเงื่อนไขกับทุกคนไม่เยอะ กระทั่งเรื่องกฎระเบียบยังไม่มี ส่วนปัญหาของสินสงคราม ถือเป็นการป้องกันอย่างหนึ่ง ศัตรูยังไม่ทันฆ่าหมด กลับตีกันเองเสียแล้ว นั่นถือว่าไร้กฎเกณฑ์สิ้นดี
พูดจบ ถังเฟิงก็เอ่ยว่า “ครั้งนี้พวกอาจารย์จะไม่เข้าร่วม พวกเรายังมีภารกิจอย่างอื่น ภารกิจของพวกเธอ ตอนนี้บอกพวกเธอไปแล้ว ต่อไปฐานทัพชั่วคราวนี้จะส่งต่อให้พวกเธอ ทั้งหมดทั้งมวลต้องให้พวกเธอตัดสินใจเอาเอง เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองขั้นสามกันแล้ว ไม่ใช่พวกหน้าใหม่ ทั้งไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไร้ประสบการณ์ ทุกคนต่างเป็นแนวหน้าของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง หากกระทั่งผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตที่จำนวนเท่ากันยังกวาดล้างไม่ได้ คงไม่ต้องพูดถึงลงไปต่อต้านกับสิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดิน!”
ถังเฟิงพูดเร็วทำเร็ว ว่าแล้วก็มองไปที่อาจารย์คนอื่นๆ “ทุกท่านพวกเราไปกันได้แล้ว!”
พวกอาจารย์จากไปอย่างว่องไว เจ้าหน้าที่ทหารก็ไม่ต่างกัน เสียงอึกทึกครึกโครมดังอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเหลือแค่ความว่างเปล่า!
—————–