ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 208 โจมตีกลางดึก (1)
ตอนที่ 208 โจมตีกลางดึก (1)
“โง่เขลา!”
“พวกไร้กฎเกณฑ์!”
“ตอนนี้ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่างบประมาณนับแสนล้านที่จัดสรรให้มหาวิทยาลัย ตกลงมันคุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่ากันแน่!”
—
ระหว่างที่พวกฟางผิงปรึกษาหารือแผนการ แยกย้ายกันไปพักผ่อนเตรียมตัวแล้ว ห่างจากพวกเขาไปอีกห้ากิโลเมตร
มีค่ายทหารที่ตั้งขึ้นชั่วคราวแห่งหนึ่ง มีคนตะโกนอย่างโมโห
พวกถังเฟิงอยู่ที่นั่นเหมือนกัน ตอนนี้ไม่เปิดปากพูดอะไร
แต่รอจนคนๆ นี้พูดประโยคสุดท้ายแล้ว ถังเฟิงก็เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “คุณคาดหวังกลุ่มที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ยังไง? ผู้แข็งแกร่งต่างปรับเปลี่ยนมาจากผู้อ่อนแอ ประสบการณ์เพิ่มขึ้นได้จากการเติบโต จัดสรรให้มหาวิทยาลัยแสนล้าน บ่มเพาะผู้ฝึกยุทธ์ออกมาตั้งเท่าไหร่ เสียสละในถ้ำไปกี่คน พวกคุณยังไม่ชัดเจนอีก? พวกคุณเป็นอะไรกันแน่! หรือเทียบกับมหาวิทยาลัยของพวกเราแล้ว พวกคุณอยู่สูงกว่าหนึ่งขั้น? น่าขำ คุณมียอดฝีมือกี่คน มีผู้บัญชาการตั้งเท่าไหร่ที่เป็นผลผลิตจากมหาวิทยาลัยของเรา!”
ถังเฟิงแค่นหัวเราะ เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ไม่มีใครปฏิเสธผลงานของพวกคุณ ทหารธรรมดามากมายต่อสู้อย่างไม่กลัวความตาย ฉันก็นับถือเช่นกัน! แต่ลูกศิษย์ของฉันกลายเป็นสิ่งไร้ค่าจากปากของคุณ?”
คนก่อนหน้านี้ที่ตำหนิอย่างโมโห เอ่ยด้วยความขุ่นเคือง “ไม่ด่าได้หรือไง? พวกคุณสอนนักศึกษายังไงกัน! ฐานทัพมีสามร้อยคน ไกลออกไปสิบห้ากิโลเมตรเป็นฐานที่มั่นของพวกนอกรีต! ผลเป็นยังไง? พวกเขาคิดว่ากำลังต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ที่ทำความผิดหนีคดี อีกฝ่ายจะนั่งเฉยๆ รอให้พวกเขาจู่โจมอย่างนั้นเหรอ? ฐานทัพใหญ่ขนาดนั้น กลับคิดไม่ได้ว่าต้องส่งคนมาเฝ้ายามกลางคืน หากเวลานี้พวกนอกรีตบุกเข้ามา คุณว่าคนพวกนี้จะต้องตายไปเท่าไหร่?”
ถังเฟิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำทีมมหาวิทยาลัยปักกิ่งอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วว่า “จุดนี้พวกเขาละเลยไปจริงๆ อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ทุกคนทำภารกิจตามลำพัง ส่วนมากจะเป็นภารกิจทีมขนาดเล็ก ภารกิจล้อมโจมตีฐานที่มั่นประเภทนี้ พวกเขาไม่เคยทำมาก่อน พูดได้ว่าเป็นมือใหม่ทั้งสิ้น ทุกคนมาจากแต่ละมหาวิทยาลัย จึงไม่ได้ตระหนักถึงจุดนี้ เป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงจริงๆ แต่คำพูดสุดท้ายของแม่ทัพหลิว ปฏิเสธความทุ่มเทที่มหาวิทยาลัยจ่ายออกไป คำพูดนี้แม่ทัพหลิวเก็บคืนไปดีกว่า ปรมาจารย์นับสิบคนของมหาวิทยาลัยพวกเรา มีใครไม่สร้างผลงานในถ้ำใต้ดินบ้าง! แม้จะเป็นผู้บัญชาการหลี่ ก็ไม่อาจปฏิเสธคุณูปการของมหาวิทยาลัยพวกเราเช่นกัน ตอนนี้กลับถูกแม่ทัพหลิวปฏิเสธซะแล้ว?”
ชายที่ถูกเรียกว่าแม่ทัพหลิวแค่นเสียงว่า “ฉัน ฉันยอมรับว่าเมื่อกี้ฉันพูดไม่เป็นธรรมอยู่บ้าง แต่นักศึกษาที่พวกคุณเห็นว่ายอดเยี่ยม กลับยอดเยี่ยมได้แค่นี้? ความเร็วเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการทำสงคราม! ตอนนี้พวกผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตต่างเป็นปีศาจร้าย พวกเขาจะนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ งั้นเหรอ? หากไม่ใช่ว่าหวั่นเกรงต่อทหารและยอดฝีมือที่ล้อมอยู่ภายนอก คงจะบุกเข้ามาฆ่าตั้งนานแล้ว ทั้งบอกพวกนักศึกษาไปเรียบร้อยแล้ว ทางด้านหลังเขาไม่ได้ถูกปิดกั้น หรือนักศึกษาพวกนี้คิดไม่ได้ว่าพรุ่งนี้พอไปหมู่บ้านผานสือแล้วอาจจะเหลือแค่หมู่บ้านร้าง ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตหนีเข้าป่าให้พวกเขาต้องเป็นฝ่ายไล่ล่าเอง? ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าจะกลับไปนอนค่ายเพื่อพักผ่อน ไม่ได้ฉวยโอกาสตอนพวกเราเพิ่งจะออกมา ไปโอบล้อมหมู่บ้านผานสือเอาไว้…”
ทุกคนต่างปิดปากเงียบ อาจารย์ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้บางส่วนก็ลำบากใจอยู่บ้างเช่นกัน
แม่ทัพหลิวเอ่ยต่อ “ฉันคิดว่าจำเป็นต้องให้บทเรียนกับนักศึกษาพวกนี้สักหน่อย! ผู้บังคับการเฉิน!”
“ครับ!”
“ไปหมู่บ้านผานสือ ล่อพวกผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตมาที่นี่ จู่โจมค่ายของนักศึกษา!”
“นี่…”
ชายกำยำที่อยู่ในชุดเครื่องแบบด้านข้างลำบากใจอยู่บ้าง ถังเฟิงถอนหายใจเบาๆ พยักหน้าว่า “ล่อผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามเข้าไปไม่เกินห้าคน ส่วนคนอื่นๆ สกัดเอาไว้!”
“ครับ!”
คนอื่นๆ จากมหาวิทยาลัยเห็นด้วยเช่นกัน ผู้บังคับการเฉินไม่มากความ รีบนำผู้ฝึกยุทธ์ทหารมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านผานสือ
แม่ทัพหลิวเห็นแบบนั้นก็เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “พวกคุณคิดว่ามือใหม่พวกนี้จะตายกันกี่คน?”
ถังเฟิงขมวดคิ้ว อาจารย์จากปักกิ่งก็ขมวดคิ้วเช่นกัน “ไม่มีคนตาย นั่นจะดีที่สุด หากตายจริงๆ ก็ถือว่าสละชีพในสนามรบ! หากคุณใช้ท่าทีนี้กับหน่วยทหาร ทหารใหม่ของคุณคงตายไปหมดนานแล้ว! หลิวซื่อผิง ท่าทีราวกับเหยี่ยวกระหายสงครามนี้เก็บไว้สักหน่อยเถอะ อย่าคิดว่าคุณมีคนสนับสนุนที่หน่วยทหารจะทำเหิมเกริมอะไรก็ได้ นักศึกษาของฉันขัดเกลาออกมาอย่างยอดเยี่ยมรุ่นแล้วรุ่นเล่า! คุณอย่ามาใช้มหาวิทยาลัยของเราสร้างความเกรงขามให้ตัวเอง ปรมาจารย์สามร้อยคน ครึ่งหนึ่งออกมาจากมหาวิทยาลัยของเรา คุณอยากตายไม่มีใครห้าม เข้าถ้ำไปเลยยังได้ แต่อย่ามาแสดงอำนาจของคุณกับคนรุ่นใหม่พวกนี้!”
หลิวซื่อผิงโมโหเล็กน้อย “ฉันใช้คนสร้างอำนาจให้ตัวเอง? หมายถึงใครกัน? ฉันแค่ไม่ชอบวิธีการของพวกคุณเท่านั้น! ปรมาจารย์อยู่ที่นี่ ฉันก็จะพูดแบบนี้เหมือนกัน! ตอนนี้สถานการณ์อยู่ในช่วงวิกฤต ต้องใช้กำลังคนที่ผ่านสงครามมาทำสงครามอีก มีเวลาให้พวกคุณสิ้นเปลืองที่ไหน! ทิ้งไว้ในถ้ำ ผู้ที่มีชีวิตรอดต่างหากคือบุคคลแนวหน้า คือคนยอดเยี่ยมที่ฉันยอมรับอย่างแท้จริง!”
“เหอะ คนถ่อยอย่างคุณจะเข้าใจอะไร!”
“ฉันเป็นคนถ่อย? ถึงฉันถ่อยก็รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์อยู่ในช่วงวิกฤต อาจารย์มหาวิทยาลัยของคุณก็ตายในสนามรบตั้งเท่าไหร่ ทำไมถึงยังใจกว้างกับนักศึกษาพวกนี้?”
ถังเฟิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณสนใจเรื่องของคุณก็พอแล้ว พวกนักศึกษาจะสอนยังไง พวกฉันรู้จักความเหมาะสมดี! นักศึกษาที่เข้าสู่มหาวิทยาลัยต่างมีคุณสมบัติเป็นปรมาจารย์! เทอมก่อนใจร้อนอยากเห็นความสำเร็จเกินไป บาดเจ็บล้มตายไปมาก หรือจะให้ฉันสรรหาเมล็ดพันธุ์ปรมาจารย์มากมายขนาดนี้จากคุณกัน? หากให้พูดตรงๆ คุณบ่มเพาะทหารกล้าตายพวกนั้น เทียบกับปรมาจารย์คนหนึ่งแล้วจะมีประสิทธิภาพกว่าอย่างนั้นเหรอ? ปรมาจารย์ไม่ใช่สิ่งที่ใช้ชีวิตมนุษย์ทับถมขึ้นไป บอกว่าคุณไม่มีสมอง แต่คุณฝึกทหารออกมาได้ไม่เลว จะบอกว่ามีสมอง ก็เหมือนสมองจะละลายไปในน้ำแล้ว?”
“คิก!”
ท่ามกลางฝูงชนมีหลายคนหัวเราะออกมา หลิวซื่อผิงโมโหแทบเป็นแทบตาย เอ่ยด้วยเสียงเยือกเย็น “ดี ฉันกลับอยากเห็นว่า ในหมู่นักศึกษาพวกนี้จะมีกี่คนได้เป็นปรมาจารย์…ไม่สิ แม้จะมีหนึ่งคน เรื่องในวันนี้ก็นับว่าฉันสายตาไม่กว้างไกลพอ!”
ถังเฟิงขมวดคิ้วว่า “รอดถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน คนตายหมดแล้ว ใครจะสนใจว่าคุณสายตากว้างไกลหรือเปล่า”
จู่ๆ ทุกคนก็เงียบลง
หลิวซื่อผิงเงียบลงเช่นกัน ผ่านไปพักหนึ่งค่อยเอ่ยว่า “นายก็รู้ว่าคนจะตายอยู่แล้ว ไม่ร้อนใจสักนิดเลยหรือไง?”
“ใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้[1] พวกนักศึกษายังเยาว์วัย ค่อยๆ ให้พวกเขาเติบโตไปทีละก้าว ไม่ใช่ฝืนดึงต้นกล้าให้โต ปรารถนาจะให้พวกเขากลายเป็นปรมาจารย์ในวันพรุ่งนี้ หน่วยทหารมีคนอย่างคุณเยอะ คุณดูเอาเอง ตอนนี้หน่วยทหารมีปรมาจารย์กี่คน? ทุกปีจัดสรรงบประมาณ หน่วยทหารได้มากที่สุด มากกว่ามหาวิทยาลัยสิบเท่าด้วยซ้ำ! แต่พวกคุณกลับคิดแค่ว่าใช้ชีวิตคนมาถมก้าวขึ้นไป หน่วยทหารมีทหารเสียสละมากมายขนาดนี้ พวกคุณก็ต้องแบกความรับผิดชอบ มีปรมาจารย์เพิ่มมาหนึ่งคน ต้องมีคนตายไปเท่าไหร่?”
“คำพูดนี้คุณควรไปพูดกับผู้บัญชาการหลี่”
ถังเฟิงแค่นเสียงในลำคอ นายก็รู้จักใช้ผู้บัญชาการหลี่มาข่มฉันด้วย ไม่คิดบ้างว่ามหาวิทยาลัยของฉันมีปรมาจารย์เท่าไหร่ บ้าดีเดือดหรือไงถึงกล้าตั้งคำถามกับการสอนของมหาวิทยาลัย
—
เรื่องที่พวกถังเฟิงถกเถียงกัน พวกฟางผิงย่อมไม่รู้
ไม่ได้จัดผู้ฝึกยุทธ์เฝ้ายามตอนกลางคืน นั่นเป็นความคุ้นชินอย่างหนึ่ง
เมื่อก่อนทุกคนทำภารกิจ ผู้ร้ายเอาแต่หนีตาย จึงไม่มีใครคิดว่าจะถูกโจมตีกลับ
แม้จะในตอนนี้ ทุกคนต่างรู้ว่ามีผู้ฝึกยุทธ์นับร้อยอยู่ห่างออกไปสิบห้ากิโลเมตร แต่ในความคุ้นชินของทุกคน คนพวกนี้ล้วนรอพวกเขาขึ้นไปเชือดถึงประตู ไม่มีใครตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นฝ่ายจู่โจมพวกเขาก่อน
ทุกคนจึงพกความคุ้นชินนี้แยกย้ายกันกลับกระโจม สะสมพลังงาน รอเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้
—
เช้ามืดตีสี่
ในค่ายทหาร ขณะที่นักศึกษาส่วนมากกำลังนอนหลับสนิท
ผู้ฝึกยุทธ์ก็เป็นคน พวกเขาต้องพักผ่อนเหมือนกัน ในเวลาเดียวกับที่คนส่วนมากหลับ ฟางผิงก็จมดิ่งในห้วงนิทราเช่นกัน จู่ๆ ร่างกายกลับเคลื่อนไหวเล็กน้อย ฟางผิงลุกขึ้นอย่างว่องไว หยิบดาบยาวที่อยู่ด้านข้างตะโกนว่า “ใคร?”
“ชู่ว!”
ในความมืดมีเงาคนปรากฏขึ้น กระซิบว่า “ฉันเอง”
“แม่งเหอะ!”
ฟางผิงลอบสบถ เวลานี้พวกคนในกระโจมก็ตื่นเช่นกัน จ้าวเหล่ยขมวดคิ้วว่า “กู้สยง?”
“ฉันเอง”
กู้สยงเดินออกมาจากเงามืด เห็นฟางผิงยังถือดาบประจันหน้าเขาก็ไม่แยแส เอ่ยว่า “อยากบอกกับนายสักหน่อย อาจจะมีผู้ฝึกยุทธ์จู่โจมค่าย ถ้าไม่ง่วง ไปเฝ้ายามกับฉันสิ”
“จู่โจมค่าย?”
——————–
[1]ใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้ หมายความว่าการกระทำที่รีบร้อนเกินไปนำมาสู่ความล้มเหลว