ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 209 เป้าหมายของการฝึก (1)
ตอนที่ 209 เป้าหมายของการฝึก (1)
ฟางผิงสังหารอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว กู้สยงไม่น้อยหน้าไปกว่าเขาเช่นกัน
ฟางผิงเพิ่งจะหอบหายใจ ด้านกู้สยงก็เหวี่ยงหมัดซัดอีกฝ่ายลอยไปตกกับพื้น ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
ส่วนพวกจ้าวเหล่ยมีปัญหาเล็กน้อย
หลี่จ้าวซวี่และจินเหล่ยที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นสองได้ไม่นาน ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บ ถูกบีบให้ออกจากวงล้อมต่อสู้
เห็นพวกฟางผิงจัดการศัตรูได้แล้ว จ้าวเหล่ยจึงร้อนใจ คำรามเสียงดัง
ชั่วพริบตาขาของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น เหวี่ยงไปปะทะกับขาอีกฝ่ายจนเสียงดังลั่น
“ไอ้โง่!”
ฟางผิงก่นด่า ในระหว่างที่ทุกคนยังไม่คิดยอมแพ้ ฟางผิงก็กระโดดขึ้นในอากาศ
ฟันดาบลงมาติดต่อกัน ก่อนอีกฝ่ายจะเดินตามรอยสามคนนั้นไป
“ฟางผิง!”
จ้าวเหล่ยเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ฉันจะฆ่าเขาตายอยู่แล้ว นายมาแย่งกำจัดคนทำไม!
ฟางผิงชำเลืองมองเขา เอ่ยอย่างหงุดหงิด “สมองละลายน้ำไปแล้ว ขาหักไปหรือยังล่ะ? พรุ่งนี้จะได้ลงสนามไหม?”
จ้าวเหล่ยนิ่งไป ประจันหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม คนที่เสียเปรียบคือเขาอยู่แล้ว
แม้เขาจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง แต่ยังไงก็เพิ่งอยู่ขั้นสองตอนกลาง ยังห่างจากตอนปลายเล็กน้อย ทว่าปราณกลับแตกต่างอย่างมาก
“ขั้นสามตอนต้นสามคน ตอนกลางอีกหนึ่งคน”
ระหว่างที่ฟางผิงพูด หน้าประตูก็มีนักศึกษาออกมาแล้ว เขาเอ่ยอย่างว่องไว “เก็บสินสงครามไว้ นี่ควรเป็นของพวกเรา”
คนอื่นๆ ยังไม่ทันลงมือ ฟางผิงกลับจัดการอย่างรวดเร็วแล้ว
ไม่นานก็คลำของได้จากทั้งสองศพ ก่อนจะยัดใส่เสื้อ จากนั้นจึงเก็บอาวุธขึ้นมาไว้ในมือ
—
ด้านหน้าค่ายพวกนักศึกษามารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว แสงไฟนั้นส่องสว่างจนเห็นชัดเจน
เห็นหลายศพอยู่เบื้องหน้า ทุกคนต่างพากันเงียบกริบ
ในเวลานี้จู่ๆ ก็มีผู้ฝึกยุทธ์จากหน่วยทหารปรากฏตัวขึ้น เอ่ยเสียงดังว่า “ประกาศแจ้งกับนักศึกษาทุกคน การทดสอบครั้งนี้คะแนนพื้นฐานอยู่ที่หนึ่งร้อยคะแนน! นักศึกษาสาขายุทธศาสตร์ทุกคนถูกหักสิบคะแนน สาขาอื่นๆ ถูกหักห้าคะแนน ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ได้รับรางวัลห้าคะแนน ขั้นสองตอนต้น กลาง ปลายและสูงสุดแบ่งเป็นสิบ สิบห้า ยี่สิบ ยี่สิบห้า ขั้นสามตอนต้นสามสิบคะแนน ตอนกลางห้าสิบคะแนน ตอนปลายห้าร้อยคะแนน ขั้นสูงสุดหนึ่งพันคะแนน!”
ทุกคนงงงันอยู่บ้าง ไม่พูดถึงเรื่องหักคะแนน
สาขายุทธศาสตร์ถูกหักสิบคะแนน คนพวกนี้ยอมรับโดยดี พวกฟางผิงที่อยู่สาขายุทโธปกรณ์ก็ยอมรับเช่นกัน
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้ แต่เป็นรางวัลที่ฆ่าศัตรู
ขั้นสามตอนปลาย เทียบกับขั้นอื่นๆ แล้ว แตกต่างกันอย่างมาก
คนหนึ่งห้าร้อยคะแนน เทียบเท่ากับฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งหนึ่งร้อยคน
พวกนอกรีตจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งถึงหนึ่งร้อยคนอย่างนั้นเหรอ?
คนจากหน่วยทหารแจ้งข้อมูลแล้ว ก็อาศัยความมืดในยามราตรีหายไปจากเบื้องหน้าทุกคน
พวกนักศึกษาหลายคนเผยสีหน้ากลัดกลุ้ม ถูกหักคะแนนแล้ว!
หักสิบคะแนน ตอนนี้เหลือแค่เก้าสิบคะแนน
พวกนอกรีตมีจำนวนประมาณสามร้อยคนเช่นกัน
เฉลี่ยคนละหนึ่งพอดี คนธรรมดาไม่ได้คะแนน ขั้นหนึ่งห้าคะแนน นี่หากทำสงครามจนถึงสุดท้าย อาจจะเติมคะแนนพื้นฐานได้ไม่เต็มด้วยซ้ำ
แม้จะไม่รู้ว่าคะแนนทดสอบมีประโยชน์ยังไง แต่ทุกคนไม่ใช่พวกไร้ประสบการณ์ รู้ว่าต้องเกี่ยวข้องกับรางวัลอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ฉันได้หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าคะแนนแล้ว?”
ฟางผิงดีใจไม่น้อย จู่ๆ เหมือนจะนึกอะไรได้ บ่นอุบอิบว่า “ฉันเฝ้ายามแล้ว! ไม่ให้รางวัลก็แล้วไป ยังมาหักคะแนนฉันอีก!”
กู้สยงที่อยู่ด้านข้างคร้านจะพูดแล้ว นายเฝ้ายาม?
ถ้าฉันไม่เรียกนาย นายคงจะนอนกรนอยู่ในกระโจมเหมือนกัน
ฟางผิงก่นด่าแล้ว ก็มองไปทางผู้คนที่ซุบซิบกัน “ครั้งนี้ฉันช่วยชีวิตทุกคนไว้! ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสี่คน มีขั้นสามตอนกลางอยู่อีกคนทั้งยังมีกระบวนท่าไม้ตาย หากเจอกับฟางเหวินเสียงคงถูกฆ่าด้วยดาบเดียวไปแล้ว ทุกคน ฉันอุตส่าห์ช่วยชีวิต ไม่มีใครคิดจะให้ของขวัญฉันสักนิดเลยงั้นเหรอ?”
ฟางเหวินเสียงใบหน้าดำคล้ำ ฟางผิงไม่สนใจเหมือนกัน ฉันพูดความจริง นายยังไม่เชื่ออีก?
ฟางผิงเหวินเสียงเพิ่งจะอยู่ขั้นสองตอนกลาง ยังไม่เข้าสู่ตอนปลาย เจอกับผู้ฝึกยุทธ์ที่สูงกว่าเขาหนึ่งขั้นเต็มๆ
ไม่ใช่ว่ารู้เคล็ดวิชานิดหน่อยก็พอตีเสมอได้ การต่อสู้ข้ามขั้น ปะทะกับขั้นสามตอนต้นก็ถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว
ไม่เห็นพวกจ้าวเหล่ยหรือไง เผชิญหน้ากับขั้นสามตอนต้นยังสู้เป็นค่อนวัน
ฟางผิงเอ่ยขอรางวัลอย่างหน้าหนา ทุกคนไม่คิดสนใจ ทั้งไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องสินสงครามเช่นกัน
ถูกลอบโจมตี พวกฟางผิงเป็นคนสังหารอีกฝ่ายล่วงหน้า เอ่ยถึงเรื่องนี้ไม่มีประโยชน์
พวกเขาไม่เอ่ยถึง ฟางผิงจึงไม่พูดอะไรอีก เดินกลับไปอย่างเริงร่า
เพิ่งเตรียมจะเดินออกไป กู้สยงกลับดึงเขาไว้ “ใกล้จะสว่างแล้ว เฝ้าต่ออีกสักหน่อยเถอะ เผื่อจะมีการโจมตีรอบสอง”
“ไม่หรอกมั้ง?”
“เป็นไปได้ ในถ้ำพบเจอเรื่องพวกนี้บ่อยๆ”
“ก็ได้”
ฟางผิงจนใจ ทำได้เพียงหมุนตัวเดินออกมาจากค่าย
เขาเพิ่งจะออกมา จู่ๆ ด้านนอกค่ายก็มีคนตะโกนเสียงดัง “ประกาศ ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก นักศึกษาสาขายุทธศาสตร์หักอีกยี่สิบคะแนน คนอื่นๆ หักสิบคะแนน…”
“คุณลุง ผมล่ะ?”
ฟางผิงรีบตะโกน ก่อนจะมองรอบทิศทาง เมื่อไม่เห็นกล้องวงจรปิด จึงเอ่ยต่อว่า “ไม่ควรหักคะแนนผมรึเปล่า! ผมเฝ้ายามทั้งสองครั้ง หักพวกเขาสมควรแล้ว แต่หักคะแนนผมไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว!”
ผู้ฝึกยุทธ์หน่วยทหารมองฟางผิงไปแวบหนึ่ง เหมือนกำลังต่อสายกับใครอยู่
เงี่ยหูฟังสักพัก ก่อนจะพยักหน้าว่า “พวกเธอสามารถละเว้นโทษได้!”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้ ชายกำยำก็หายไปจากเบื้องหน้าทุกคนอีกครั้ง
ฟางผิงเอ่ยด้วยสีหน้าเบิกบาน “พูดแบบนี้ ห้าคะแนนก่อนหน้าก็คงละเว้นเหมือนกัน พวกเขาน่าสงสารจริงๆ สาขายุทธศาสตร์ตอนนี้เหลือแค่เจ็ดสิบคะแนนแล้ว…”
ระหว่างที่เขาพูด คนในค่ายนับร้อยก็วิ่งออกมาแทบทั้งหมด พากันยืนอยู่หน้าประตู
ในนั้นมีคนเอ่ยอย่างจนใจว่า “พวกเราไม่ใช่ผู้บัญชาการทีมสักหน่อย เรื่องนี้ต้องเป็นความรับผิดชอบของผู้บัญชาการหรือเปล่า?”
แม้จะพูดอย่างนั้นกลับไม่มีใครสนใจ
ผู้บัญชาการทีมเป็นคนที่พวกเขาเลือกออกมาเช่นกัน ตอนนี้ย่อมต้องแบกรับความผิดไปกับพวกเขาด้วย
—
“ฟางผิง นายแล้งน้ำใจเกินไปแล้ว!”
หยางเสี่ยวม่านจนใจอยู่บ้าง เดินเข้ามาโอดครวญ “ฉันแทบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! ก็มาถูกหักไปสิบห้าคะแนนแล้ว ทั้งยังถูกพวกนายจัดให้ไปอยู่รอบนอก ฉันคงจบการทดสอบด้วยแปดสิบห้าคะแนนแน่ๆ”
ฟางผิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เธอประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว!”
“อะไรนะ?”
“เธอคิดว่าเธอจะจบการทดสอบด้วยแปดสิบห้าคะแนน ฉันเดาว่าน่าจะหกสิบ…”
“ไสหัวไป!”
หยางเสี่ยวม่านโมโหขึ้นมา เดิมก็หงุดหงิดอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
ฟางผิงมองไปรอบทิศทาง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันว่ารอบๆ ค่ายต้องมีกล้องวงจรปิดอยู่ รวมถึงฝั่งของหมู่บานผานสือด้วย การกระทำทุกอย่างของพวกเราอยู่ในสายตาของพวกอาจารย์ทั้งหมด รอดูเถอะ เพื่อจะเตือนสติพวกเรา ครั้งนี้คนที่ได้ไม่ถึงคะแนนพื้นฐานต้องมีเยอะแน่ๆ ไม่ถึงคะแนนพื้นฐาน กลับมหาวิทยาลัยไป เกรงว่าจะมีบทลงโทษอีก”
“งั้นหมายความว่าอย่างน้อยต้องฆ่าผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตให้ได้หลายคนถึงจะสามารถเก็บคะแนนคืนมาได้”
พวกหยางเสี่ยวม่านสบสายตากัน หากไม่ฆ่าคน นั่นก็หมายความว่าการทดสอบของพวกเธอไม่ผ่าน
—
พวกนักศึกษาในค่ายต่างข่มตารอจนฟ้าสว่าง จากนั้นทุกคนก็ปรึกษากัน เริ่มแบ่งสรรหน้าที่
ทำอาหาร เฝ้าเวรยาม กระทั่งเส้นทางไปยังหมู่บ้านผานสือยังสร้างทีมลาดตระเวนขึ้นมาด้วย
ฟางผิงไม่ได้รับการแบ่งหน้าที่ใดๆ ปรากฏว่าหงุดหงิดยิ่งกว่าการได้รับหน้าที่ซะอีก
ความจริงทุกคนประเมินผู้ฝึกยุทธ์หญิงพวกนี้สูงเกินไป!
บางทีฆ่าคนอาจทำได้ แต่ทำอาหารนั้นไม่ได้จริงๆ
อาหารกลางวันแทบจะไม่มีคนกิน พวกเขาพากันอัดยาบำรุงแทน แม้จะกินยาบำรุงกำลังก็ยังอร่อยกว่าของพวกนี้
รอจนกิน ‘ข้าว’ เสร็จแล้ว ทุกคนค่อยมารวมตัวกันอีกครั้ง
“อันที่จริงพวกเรานั้นคิดน้อยเกินไป การโจมตีกลางดึกไม่ได้เกิดประโยชน์มากนัก อีกฝ่ายรู้ตั้งนานแล้วว่าพวกเรามา พวกเราไม่อาจปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนเป็นคนหูหนวกตาบอดได้ ฉันแนะนำว่าให้เคลื่อนไหวตอนบ่าย ไปดูสถานการณ์ที่หมู่บ้านผานสือด้วยกัน จู่โจมหรือไม่จู่โจม ดูก่อนค่อยว่ากัน รั้งรอเวลาอยู่ที่นี่ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่”
นี่คือคำแนะนำของกู้สยง ทุกคนตรึกตรองกันพักหนึ่ง ต้องยอมรับว่าทุกคนมองโลกในแง่ดีเกินไปจริงๆ
รออยู่ที่นี่ให้ฟ้ามืดแล้วค่อยไปหยั่งเชิงสถานการณ์ พอมองภาพรวมออกแล้ว ทุกคนค่อยตัดสินใจว่าจะจู่โจมยังไง…
เหมือนว่าจะเป็นความคิดที่ดี แต่อีกฝ่ายมีจำนวนหลายร้อย ทั้งไม่ใช่คนโง่ จะรอให้พวกเขาเข้ามาโจมตีเฉยๆ ได้ยังไง
ฟางผิงเอ่ยว่า “ฉันเห็นด้วย เมื่อวานพวกเราทำพลาด พวกเขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่หนีตายมาอยู่รวมกัน แต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตกลุ่มหนึ่งที่รู้ว่าตัวเองจะต้องตาย พวกเรายืดเยื้อเวลาไปกว่านี้ ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะก่อปัญหาอะไรขึ้นมาอีก”
“อืม งั้นก็เคลื่อนไหวกัน!”
—
ในตอนที่ออกเดินทาง ทุกคนก็พบปัญหาอีกครั้ง!
ไม่มีรถ ไม่มียานพาหนะสำหรับเดินทาง
นี่หมายความว่าพวกเขาต้องเดินเท้าเข้าไป
ระยะทางสิบห้ากิโลเมตร จะบอกว่าไกลก็ไม่ไกล บอกว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ แม้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ยังต้องใช้เวลาเดินเท้ากว่าชั่วโมงสองชั่วโมงเช่นกัน
“ไปเถอะ แถวนี้คงไม่มีรถ ไม่ต้องถามหาหรอก”
กระทั่งกู้สยงยังไม่คิดคาดหวัง เขามองออก อันที่จริงนี่ก็เป็นการจำลองสภาพแวดล้อมการต่อสู้ในถ้ำอย่างหนึ่ง
ในถ้ำใต้ดิน การเดินเท้าเป็นวิธีเดินทางที่พบเห็นได้มากที่สุด
—
ใกล้ๆ กับค่ายทหาร
ถังเฟิงถอนหายใจ “หักทั้งหมดสิบคะแนน ไม่ต้องประกาศแล้ว!”
พวกอาจารย์บางคนพยักหน้า บางคนก็ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่
“เห็นด้วย มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านผานสือ ระหว่างทางมีจุดให้ซุ่มโจมตีอยู่หลายแห่ง กลับไม่มีใครออกปากไปสำรวจ! หากอยู่ในถ้ำจริงๆ ยังรู้ว่าจะไปเป็นศพที่ไหน ในคลาสเรียนเคยพูดถึงเหมือนกัน โดยเฉพาะสาขายุทธศาสตร์พวกนั้น นี่เป็นวิชาหลักแท้ๆ…ตอนนี้ดูท่าความรู้ในห้องเรียนน่าจะคืนกลับหนังสือไปหมดแล้ว”
———————