ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 210 เติบโตในความล้มเหลว (1)
ตอนที่ 210 เติบโตในความล้มเหลว (1)
พวกฟางผิงหลบหินลูกแล้วลูกเล่า หากหลบไม่พ้นจริงๆ ก็พยายามฟันให้แตกกระจาย
ไม่นานทุกคนจึงมาถึงหน้าประตูหมู่บ้าน
ครู่ต่อมาก็มีเสียงตะโกนออกมาจากหมู่บ้าน “ฆ่า!”
คล้อยจากเสียงนั้น ในหมู่บ้านพลันมีคนพุ่งตัวออกมากว่าสิบคน คนพวกนี้มีท่าทีบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่าฝีมือธรรมดา
ในนั้นถึงกระทั่งยังมีคนธรรมดา ทว่ากลับเลือกบุกมาหาพวกฟางผิงราวกับไม่ต้องการชีวิตของตัวเอง
ฟางผิงถึงขั้นเห็นคนชราในกลุ่มนั้น…คนชราที่เผยดวงตาแดงก่ำอย่างบ้าคลั่ง!
เห็นเข้ากับฉากนี้อาวุธในมือของหลายคนหยุดชะงักไปอยู่บ้าง…
กู้สยงเหวี่ยงหมัดซัดคนจนตัวลอย ตะโกนกร้าว “ฆ่า!”
ทุกคนคล้ายตื่นจากฝัน ฝึกข่มกลั้นอาการสั่นเทา เริ่มทยอยลงมือ
“สังหารผู้บริสุทธิ์ คนแก่เด็กตาดำๆ ก็ฆ่า นี่น่ะเหรอคือผู้ฝึกยุทธ์! น่าขำ!”
ในหมู่บ้านมีเสียงคนตะโกนขึ้น เผยความเยือกเย็นอยู่บ้าง “นี่คือผู้คุ้มครองที่ป่าวประกาศว่าจะคุ้มครองโลก คุ้มครองมวลมนุษย์ชาติ?”
“คนชรางกเงิ่นกลุ่มหนึ่ง ไม่มีแม้แต่แรงฆ่าไก่ ไม่เคยฆ่าคนทำกรรมชั่วมาก่อน ตอนนี้กลับรอให้พวกนายเข้าไปเข่นฆ่า นี่คือคุณธรรมของพวกนาย?”
“คุณธรรมจอมปลอม!”
“ในหมู่บ้านมีคนธรรมดาหกสิบสี่คน อายุหกสิบขึ้นไปสิบสองคน เด็กอายุต่ำกว่าสิบขวบหกคน ฉันกลับอยากเห็นว่าพวกนายจะฆ่าได้กี่คน!”
พูดจบ ท่ามกลางกลุ่มคนที่บุกออกมานอกหมู่บ้านก็มีเด็กที่เผยหน้าตางุนงงเพิ่มเข้ามาหลายคน
พวกฟางผิงหยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน กู้สยงเผยสีหน้ามืดครึ้ม ตะโกนว่า “แยกย้ายก่อน!”
ครู่ต่อมาไม่จำเป็นต้องให้ใครพูดอีก ทั้งสามทีมสลายตัวไวยิ่งกว่าตอนบุกเข้ามา หายไปจากหน้าหมู่บ้านในชั่วพริบตา
—
ด้านนอกหมู่บ้าง ฐานทัพชั่วคราว
ทุกคนจมสู่ความเงียบอีกครั้ง เงียบจนแทบไม่ได้ยินเสียงอะไร
จ้าวหยางทุบกำปั้นกับพื้นอย่างแรง กัดฟันว่า “สารเลว!”
อวี๋ซั่งหวานวดขมับตัวเอง เอ่ยอย่างอ่อนล้า “ตอนนี้จะทำยังไง? ฆ่าหรือไม่ฆ่า?”
ทุกคนพากันเงียบ กู้สยงกัดฟัน “นี่คือสงคราม! สงครามของถ้ำใต้ดิน ไม่ว่าจะมนุษย์ถ้ำ หรือผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตก็ต้องฆ่าให้หมดเหมือนกัน!”
“พวกเรารู้…แต่ถึงจะอย่างนั้น พอเห็นภาพตรงหน้า นายกล้าลงมืออย่างนั้นเหรอ? กู้สยง หรืออีกเดี๋ยวนายนำทีมไปจัดการกับคนธรรมดาพวกนี้ พวกเราจะรับผิดชอบผู้ฝึกยุทธ์พวกนั้นเอง แม้จะสู้จนตัวตายก็ยังดีกว่าตอนนี้!”
กู้สยงเงียบไป เขาเคยเห็นกลับไม่เคยทำมาก่อน
โดยเฉพาะเด็กพวกนั้น…
ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน เกรงว่าอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรถูกอะไรผิด
คนที่ถูกมอมเมาคือพ่อแม่ปู่ย่าตายายของพวกเขา ไม่ใช่ตัวเขาเอง
เด็กวัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบปีกลุ่มหนึ่ง ให้พวกเขาต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตอย่างสุดกำลัง ไม่มีใครคิดปฏิเสธหรอก แม้จะตายก็แค่เจ็บปวดชั่วครู่เท่านั้น
แต่ถ้าให้พวกเขาลงมือกับเด็กพวกนี้ พวกเขาทำไม่ลงจริงๆ
หานซวี่เงียบไปพักหนึ่ง “งั้นตอนนี้ควรทำยังไง เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตคิดจะใช้คนพวกนี้เป็นโล่กำบัง! พวกเขาหดหัวอยู่ในกระดอง ค่อยๆ ผลาญปราณของพวกเราไป…”
ฟางผิงนิ่งไปสักพัก ก่อนจะถามว่า “หากเป็นคนอื่นเจอกับสถานการณ์แบบนี้จะทำยังไง?”
กู้สยงเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “ฆ่า!”
“อย่ามองว่าคนพวกนี้อ่อนแอ หากนายใจอ่อนจริงๆ อาจจะถูกพวกเขาเอาเปรียบได้ ฉันว่ามหาวิทยาลัยทิ้งฐานทัพนี้ไว้ให้พวกเรา เกรงว่าจะตระหนักถึงเรื่องนี้เหมือนกัน…”
“หรือจะทำให้คนพวกนี้สลบไป…”
มีคนเสนอขึ้นมา “รอกวาดล้างรังของผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตแล้ว ค่อยส่งพวกเขาให้หน่วยทหารจัดการ”
“นี่ก็เป็นวิธีหนึ่ง แต่พวกเราอาจจะออมแรงไม่ไหวเสมอไป…”
“หากตายก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ทุกคน นี่ถึงขีดจำกัดที่พวกเราสามารถทำได้แล้ว ไม่อาจจะปล่อยให้ชักช้าเพราะกังวลเรื่องนี้ เลือกแก้ไขกันดีกว่า”
ทุกคนประสานสายตา สุดท้ายจึงลงมติเป็นเอกฉันท์
—
สิบนาทีต่อมา ทุกคนเข้าไปใกล้หมู่บ้านผานสืออีกครั้ง
ยังคงเป็นเหมือนเมื่อครู่ คนธรรมดากลุ่มนั้น มีเด็กปะปนบุกออกมา
ครั้งนี้พวกฟางผิงไม่ถอยอีกแล้ว พากันทยอยลงมือ
ใช้มือสับที่คออีกฝ่าย ส่วนจะสลบหรือตาย ตอนนี้ก็ยากจะคาดเดาได้เช่นกัน
คนครึ่งหนึ่งลงมือ อีกครึ่งหนึ่งเตรียมเฝ้าระวัง ป้องกันผู้ฝึกยุทธ์ในหมู่บ้านฉวยโอกาสบุกออกมาฆ่า
ในหมู่บ้านมีผู้ฝึกยุทธ์บุกออกมาอย่างที่คาดจริงๆ
ทุกคนข่มกลั่นโทสะมานาน จึงจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มนี้อย่างไม่ออมมือ
คำรามอย่างโมโห ชั่วพริบตาผู้ฝึกยุทธ์ที่บุกออกมาก็ถูกฆ่าไปกว่าสิบคน
“ถอย เตรียมการป้องกัน!”
ในหมู่บ้านมีคนตะโกนเสียงดัง ก่อนผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตที่บุกออกมาจะพากันถอยหลัง หลบกลับไปในหมู่บ้านอีกครั้ง
พวกฟางผิงไม่คิดไล่ตามต่อ แบกคนธรรมดาที่นอนสลบบนพื้นพวกนั้นถอยไปด้านหลัง
“จอมปลอม! จะฆ่าก็ฆ่า สร้างภาพมีคุณธรรมไปทำไม เสแสร้งสิ้นดี ตอนนี้พวกเขาถูกพวกนายเอาตัวไปแล้ว ไม่เร็วก็ช้าคงจบลงด้วยความตาย ยังไม่สู้ฆ่าให้เสร็จๆ ไป ลดทอนความเจ็บปวดของพวกเขาลง!”
ในหมู่บ้านมีคนเหน็บแนมออกมาอีกครั้ง จ้าวหยางหมุนกลับไปตะโกน “รอก่อนเถอะ เจอนายแล้ว พวกเราจะทำให้พวกนายได้ตายไวสมใจแน่!”
“ฮ่าๆ งั้นฉันจะรอพวกนาย คิดจะใช้พวกเราเป็นหินทดลอง งั้นพวกเราจะพยายามสุดความสามารถ ช่วงเวลาใกล้ตาย จะทำให้พวกนายเข้าใจว่า โลกใบนี้มันโหดร้ายแค่ไหน!”
คนที่พูดอยู่ในหมู่บ้าน ไม่โผล่ให้เห็นแม้แต่เงา แต่พวกฟางผิงรับรู้ถึงปราณของอีกฝ่ายได้ แข็งแกร่งอย่างมาก! อาจจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนกลางหรือกระทั่งขั้นสามสูงสุด
อีกฝ่ายไม่ยอมลงมือมาตลอด ไม่รู้เป็นเพราะหวั่นเกรงหรือมีเหตุผลอื่น
ในขณะที่พวกฟางผิงพาคนออกไป จู่ๆ คนผู้นั้นก็เอ่ยว่า “ยิง!”
ครู่ต่อมา หินยักษ์จึงพุ่งโจมตีอีกครั้ง
หมู่บ้านผานสือแทบไม่มีอะไรเลย ส่วนมากก็มีแต่หิน
ทุกคนไม่อยากจะทำเรื่องไร้ประโยชน์ เข้าไปปะทะกับก้อนหินพวกนี้เช่นกัน พากันมุ่งหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว หลบจากระยะการจู่โจมของหิน
เพิ่งจะพาคนมาถึงฐานทัพชั่วคราว ก้อนหินพวกนั้นหยุดโจมตีไปแล้ว พวกนักศึกษาที่รออยู่ที่นี่ จู่ๆ ก็มีคนตะโกนว่า “โยนคนพวกนี้ออกไป!”
พวกฟางผิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย กู้สยงเหมือนจะนึกอะไรได้ ตะโกนว่า “โยน! คนอื่นถอยออกไป!”
พวกฟางผิงได้ยินเขาตะโกนเสียงดัง ครู่ต่อมาจึงโยนคนพวกนั้นไปไว้อีกทาง รีบปลีกตัวออกมา
‘ปัง!’
ทุกคนเพิ่งจะถอยหลบ เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังขึ้นทันที เศษก้อนหินกระจายทั่วทิศทาง
—
รอจนเศษฝุ่นหายไปแล้ว หลายคนดูทุลักทุเลอย่างเห็นได้ชัด
มองไปทางฐานทัพชั่วคราวเมื่อครู่ ตอนนี้ถูกระเบิดจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่!
“สารเลว!”
“มีคนได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”
“บาดเจ็บแค่ภายนอกเล็กน้อย…”
ตอนนี้ฟางผิงเหนื่อยใจเช่นกัน หยางเสี่ยวม่านกัดฟันว่า “ในตัวพวกเขามีระเบิด!”
“เป็นดินนำระเบิด…หมู่บ้านผานสืออยู่ใกล้ภูเขา เมื่อก่อนเคยเปิดเหมืองแร่เช่นกัน มีดินนำระเบิดหลงเหลืออยู่ ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตคงตั้งใจ น่าจะเดาได้ว่าเราคิดจะทำอะไร หากเมื่อกี้ไม่เจอเข้า พาคนมาอยู่ปะปนกับพวกเรา…เกรงว่า…”
นักศึกษาหลายร้อยคน แม้จะมีฝีมืออยู่ในขั้นสองเป็นอย่างต่ำ แต่ถ้าอยู่ในระยะระเบิด คงจะบาดเจ็บล้มตายจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
การล้มเหลวหลายครั้งติดกันทำให้คนไม่น้อยเผยสีหน้าอ่อนล้าและไม่มั่นใจอยู่บ้าง
ฟางผิงก่นด่า พึมพำว่า “จำลองการต่อสู้ในถ้ำ หรือในถ้ำใต้ดินก็มีระเบิดด้วย?”
กู้สยงส่ายหัว ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “ถ้ำใต้ดินไม่มีระเบิด แต่การทดสอบนี่ไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องระเบิด แต่เป็นความสามารถพลิกแพลงสถานการณ์ของพวกเรา”
“ทดสอบกับผีน่ะสิ!”
ฟางผิงด่าออกมาอีกครั้ง เอ่ยอย่างโมโห “ถ้าตะกี้ระเบิดขึ้นมาในกลุ่มพวกเราคงตายกันเป็นเบือ!”
ทุกคนเงียบกริบไม่พูดอะไร นักศึกษาคนที่บอกให้โยนคนออกไปก่อนหน้านี้กลับเอ่ยว่า “การจู่โจมในรูปแบบฆ่าตัวตาย เป็นธรรมเนียมของผู้ฝึกยุทธ์นอกรีต มีร่องรอยให้มองออกเหมือนกัน แค่พวกเราไม่เคยเจอมาก่อนเท่านั้น”
ทุกคนต่างมองไปทางเขา อีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตอนปลายคนหนึ่งที่มาจากปักกิ่ง
เห็นทุกคนมองตัวเองจึงเอ่ยด้วยยิ้มเฝื่อนๆ “อย่ามองฉันเลย รูปแบบการต่อสู้เช่นนี้พวกเราไม่เคยเจอมาก่อน เคลื่อนทัพก็คิดแต่จะบุกสังหารซึ่งๆ หน้า ทั้งยังเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป พวกเราจึงประเมินไม่ทันอยู่บ้าง”
อวี๋ซั่งหวาถอนหายใจ ครุ่นคิดเล็กน้อย “ครั้งนี้อย่าปรึกษาแค่พวกเราไม่กี่คนเลย ทุกคนช่วยกันคิดดีกว่า ตอนนี้ควรทำยังไง? คนธรรมดาของอีกฝ่ายก็ตายไปไม่น้อยแล้ว ตอนนี้ในหมู่บ้านน่าจะมีแค่ผู้ฝึกยุทธ์ แต่สภาพแวดล้อมของหมู่บ้านค่อนข้างซับซ้อน ตกลงมีผู้ฝึกยุทธ์กี่คน ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ตอนนี้ยากที่จะคาดเดา จะเฝ้าระวังอยู่ข้างนอกต่อหรือจะบุกเข้าไป ยังต้องวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนกันสักหน่อย”
—————-