ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 211 ในที่สุดก็กำจัดได้ (1)
ตอนที่ 211 ในที่สุดก็กำจัดได้ (1)
‘ปัง!’
คล้อยหลังจากเสียงดังสนั่น ฟางผิงทำลายบ้านเป็นหลังที่สี่แล้ว
ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม ยังไม่ถึงขั้นที่เหนือมนุษย์ ตอนนี้ฟางผิงอ่อนล้าจนเหงื่อชุ่มหน้า สูญเสียปราณอย่างหนัก
—
ด้านหลังหมู่บ้าน
“ผู้นำลัทธิ ตอนนี้ควรทำยังไงดี?”
มีคนถามขึ้นมา ท่ามกลางฝูงชน ชายกำยำวัยกลางคนคนหนึ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย “วันนี้ฉันคงต้องตาย แม้จะตายก็ไม่ขลาดกลัว! ตอนนี้มีแค่พวกสุนัขรับใช้มหาวิทยาลัยไร้ประสบการณ์เท่านั้น! มือใหม่พวกนี้เลือกวิธีต่อสู้ที่สิ้นเปลืองแรงที่สุด ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ทำให้พวกเขาสมปรารถนาแล้วกัน! ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งไปซุ่มโจมตีได้ ยืดเยื้อเวลาพวกเขา ทำให้พวกเขาหมดความอดทน หมดความอดทนแล้ว คนพวกนี้จะร้อนใจมากขึ้นไปอีก…แม้พวกเขาจะผลัดเปลี่ยนกันทำลายบ้านเรือน การสิ้นเปลืองปราณก็ไม่อาจเติมเต็มได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองขั้นสามมารวมตัวกันให้หมด ครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ฟังคำสั่งของฉัน จู่โจมฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามพวกนั้นพร้อมกัน ครึ่งชั่วโมงไม่เพียงพอให้พวกเขาเติมปราณอยู่แล้ว พวกเราจะใช้กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ย ฆ่าได้มากเท่าไหร่ก็เท่านั้น!”
“รับทราบ!”
—
หลังจากคำลั่งของชายวัยกลางคนก็เริ่มมีผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตโผล่ออกมาก่อกวนอย่างไม่ขาดสาย
พวกกู้สยงไม่สนใจเช่นกัน โผล่มาก็ฆ่า ถือโอกาสแกล้งทำลายบ้านเรือนด้วยใบหน้าที่อ่อนล้าไปด้วย
สิ่งก่อสร้างของหมู่บ้านผานสือไม่ได้มีมากมาย แต่ก็นับได้กว่าร้อยครัวเรือน
รอจนทลายบ้านไปสิบกว่าหลัง ภาพรวมของหมู่บ้านผานสือก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้าของทุกคน
กวาดสายตามองบ้านเรือนด้านหลัง ก่อนฟางผิงจะเอ่ยเสียงเบาว่า “พังบ้านเรือนที่อยู่ตรงกลางอีกหน่อยก็น่าจะใช้ได้แล้ว เหลือคนส่วนหนึ่งให้แกล้งทำเป็นฟื้นฟูปราณ”
พวกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามจึงเริ่มนั่งขัดสมาธิ โยนบางอย่างที่ไม่รู้ว่าเป็นช็อกโกแลตหรือของอะไรเข้าไปในปาก
—
หลังจากนั้นเมื่อทลายบ้านได้ไม่กี่หลัง ก็มีหลายคนเริ่มฟื้นฟูปราณ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ฟางผิงหอบหายใจว่า “ใช้ได้แล้ว ฉันว่าเดี๋ยวคนน่าจะบุกออกมา ถ้ายังไม่ออกมา นั่นหมายความว่าขึ้นหลังเขาไปแล้ว”
พังทลายจนจะสุดรังแล้ว หากยังไม่ออกมา แสดงว่าคนหนีไปแล้ว ไม่อยู่ในหมู่บ้าน
กู้สยงฟังจบ จู่ๆ ก็ตะโกนเสียงดัง “ถอย!”
ทุกคนต่างถอยไปข้างหลัง บุกจู่โจมพร้อมกันตอนนี้จะทำให้คนเกิดความแคลงใจได้
“ไปไม่ได้แล้ว!”
กู้สยงเพิ่งจะพูดจบ บ้านด้านหลังทั้งสองฝั่งก็มีคนบุกเข้ามากว่าสิบคน!
กู้สยงตะโกน “เรียกคนมาสนับสนุน!”
“สกัดคนพวกนั้นไว้!”
ผู้นำลัทธิตะโกนเสียงดัง ด้านหลังมีคนออกมาอีกนับสิบคน อ้อมผ่านพวกฟางผิงพุ่งไปโจมตีพวกจางจื่อเวยที่อยู่ด้านหลัง
ผู้นำลัทธิไม่พูดมาก มองพวกฟางผิงแวบหนึ่ง ก่อนจะตะเบ็งเสียง “ฆ่าพวกสุนัขรับใช้ให้หมด ทำให้การทดสอบของพวกเขาสมปรารถนา!”
พูดจบผู้นำลัทธิก็ถลาเข้ามาหากู้สยง
กู้สยงไม่เผยความอ่อนแอเช่นกัน แตะเท้ากับพื้น หมัดทั้งสองข้างประกายแสงสีแดงอย่างเลือนราง ก่อนจะเข้าไปประชิดตัวกับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว!
‘ปัง!’
พวกฟางผิงแทบไม่ทันลงมือ กู้สยงกลับลอยออกไปแล้ว ตะโกนว่า “ขั้นสามสูงสุด ขอคนมาเพิ่มที่นี่อีก!”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด ระยะห่างจากขั้นสามตอนต้นมีมากเกินไป!
กู้สยงอยู่ในขั้นสองก็สามารถประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนกลางได้
แต่ตอนนี้เข้าสู่ขั้นสาม เพิ่งต่อสู้กับอีกฝ่ายไม่กี่กระบวนท่ากลับถูกอีกฝ่ายซัดจนตัวลอย
สิ้นเสียงของเขา พวกจ้าวหยางและอวี๋ซั่งหวาก็พากันละทิ้งคู่ต่อสู้ด้านหน้า บุกไปโจมตีผู้นำลัทธิแทน
ฟางผิงไม่ชักช้าเช่นกัน พุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามหกคน เริ่มล้อมโจมตีผู้นำลัทธิ
ฟางผิงแทงเท้าไปที่น่องของอีกฝ่าย กลับต้องถอยไปหลายก้าว ปราณพลุกพล่านอย่างหนัก
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด!”
ฟางผิงเผยแววตาหนักแน่น ห่างชั้นกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนต้นและตอนกลางอย่างเห็นได้ชัด
การป้องกันของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป ทั้งพอถูกโต้กลับ พวกฟางผิงต่างได้รับบาดเจ็บหนัก
พวกเขากำลังจู่โจมผู้นำลัทธิ จู่ๆ เฉินเผิงเฟยที่อยู่ด้านข้างก็ตะโกนว่า “ขั้นสามตอนปลาย ขอคนมาช่วยที่นี่หน่อย!”
สิ้นเสียงของเขา นักศึกษาขั้นสามหลายคนด้านข้าง ก็ทิ้งคู่ต่อสู้ของตัวเองอีกครั้ง เริ่มล้อมโจมตีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายที่เฉินเผิงเฟยเผชิญหน้าอยู่
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสิบห้าคน ชั่วพริบตาเดียวกลับต้องใช้ถึงสิบคนไปสกัดสองคนนี้
ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามของพวกนอกรีตยังเหลืออีกเจ็ดแปดคน เริ่มล้อมโจมตีนักศึกษาที่เหลือพวกนี้
แม้จะเป็นแบบนี้ นักศึกษาที่ล้อมผู้นำลัทธิและขั้นสามตอนปลายคนนั้นก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ต่างได้รับบาดเจ็บไม่หยุดหย่อน ถอยร่นออกไปข้างหลัง
“จางจื่อเวย! รีบฆ่าพวกเขา เข้ามาช่วยหน่อย ขั้นสองสูงสุดเข้ามาช่วยสนับสนุนอีก!”
เฉินเผิงเฟยตะโกนเสียงดัง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนต้นสี่คน ตอนนี้ถูกซัดจนเพลี่ยงพล้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก
พวกเขาเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายคนนี้ด้วยกระบองโลหะผสม ฟาดกระบองออกไป ปราณของทุกคนต่างล่องลอยสะเปะสะปะ
อวัยวะทั้งห้าสั่นสะเทือน เฉินเผิงเฟยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกำลังหลัก กระอักเลือดออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน การรับมือของสามคนที่เหลือมีประสิทธิภาพจำกัดอยู่บ้าง
ตอนนี้พวกจางจื่อเวยก็รีบสังหารผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตที่สกัดทางพวกเธอไว้เช่นกัน
แม้คนพวกนี้จะมีจำนวนน้อย กลับไม่มีใครกลัวตาย ยังสกัดสองร้อยกว่าคนที่เหลือให้อยู่ด้านนอกอีก
ผู้นำลัทธิแค่นเสียงอย่างเยียบเย็น “ต่อสู้อย่างระมัดระวังแบบนี้ แม้จะสิ้นเปลืองปราณน้อย แต่อาศัยความระมัดระวังนั้นไม่มีประโยชน์ ฆ่าขั้นสามอย่างพวกนายแล้ว ฉันคิดว่าครั้งหน้าสุนัขรับใช้ของมหาวิทยาลัยคงจะทิ้งความคิดที่ใช้พวกเราเป็นหินทดลองอีก!”
ผู้นำลัทธิไม่ใช้อาวุธ ตอนนี้ยังหาจังหวะออกมาพูดได้อีก ระหว่างที่พูดอีกฝ่ายก็เหวี่ยงหมัดใส่จ้าวหยางจนถอยหลังไป จ้าวหยางใบหน้าแดงก่ำ ครู่ต่อมาก็กระอักเลือดสดออกมา
“รั้งตัวเขาไว้!”
จ้าวหยางตะโกนอย่างโมโห ขมับยุบลงไปในชั่วพริบตา มือทั้งสองข้างประกายแสงสีแดงให้เห็นอย่างชัดเจน!
พวกฟางผิงเห็นอย่างนั้นจึงพากันรั้งตัวผู้นำลัทธิเอาไว้!
เสี้ยวนาทีต่อมาจ้าวหยางก็พุ่งหมัดปานสายตาแลบ ใช้โอกาสที่ผู้นำลัทธิไม่อาจป้องกันตัวเอง โจมตีหมัดที่หัวของเขา
ผู้นำลัทธิคำรามเสียงดัง ผลักผู้คนที่อยู่รอบข้างออกไป ยืดร่างสูงขึ้นมาหนึ่งช่วง
หมัดของจ้าวหยางไม่ได้ถูกหัว แต่เป็นไหล่ของอีกฝ่ายแทน ระหว่างทั้งสองคนเกิดเป็นเสียงปะทะดังลั่น
“ไม่เลว ถ้านายอยู่ขั้นสามตอนปลาย เกรงว่าฉันจะบาดเจ็บหนักแล้ว น่าเสียดาย!”
ไหล่ของผู้นำลัทธิบุ๋มลงไปเล็กน้อย มีเลือดไหลออกมา แต่ไม่ได้บาดเจ็บถึงภายใน
จ้าวหยางอาจไม่ได้ระเบิดพลังถึงกระบวนท่าชั้นยอด หมัดเมื่อกี้ปะทุปราณเกือบสองร้อยแคล
แตะถึงขั้นไม้ตายของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม กลับยังคงสร้างความบาดเจ็บเล็กน้อยให้อีกฝ่ายเท่านั้น
แต่ตัวจ้าวหยางเอง ปราณกลับกระจัดกระจาย ลดหลั่นลงอย่างหนัก
อีกฟากหนึ่ง พวกเฉินเผิงเฟยต้านไม่ไหวอยู่บ้าง ดีที่เวลานี้จางจื่อเวยพาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุดมาสมทบ เริ่มปะทะกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายคนนั้นอีกครั้ง
พวกฟางผิงต่างประเมินตัวเองสูงเกินไปอยู่บ้าง
อย่าพูดถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่เลย ตอนนี้แค่ขั้นสามตอนปลายหนึ่งคนกับขั้นสามสูงสุดอีกคนยังทำให้พวกเขาต้านไม่ไหวอยู่บ้าง
อีกฝ่ายแค่โจมตีออกมาง่ายๆ พลังนั้นกลับไม่ด้อยไปกว่ากระบวนท่าไม้ตายของพวกเขา
ทั้งปราณที่อีกฝ่ายปะทุออกมายังไม่ได้มากมายอะไร
กระบวนท่าหนึ่งโจมตีด้วยปราณยี่สิบสามสิบแคล เกรงว่าอานุภาพจะใกล้เคียงกับพวกเขาที่ระเบิดปราณออกมาหนึ่งร้อยแคล
ส่วนผู้นำลัทธิคนนี้ อันที่จริงไม่ได้ลงมือบ่อย ส่วนมากจะใช้ร่างกายตัวเองป้องกัน
กู้สยงเอ่ยเสียงดัง “เขาจงใจผลาญปราณของพวกเรา!”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด ปราณสูงถึงพันแคล กระดูกเอ็นเนื้อหนังทั่วร่างหลอมจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว
เหลือแค่สมองและอวัยวะภายใน นอกนั้นแทบจะแข็งแกร่งใกล้เคียงกับเหล็กกล้าแล้ว
มีหลายครั้งที่ผู้นำลัทธิยอมบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่คิดโต้กลับอย่างใด ปล่อยให้ทุกคนจู่โจม ใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายป้องกันแทน
กู้สยงเอ่ยอย่างโมโห ผู้นำลัทธิไม่พูดอะไรเช่นกัน นี่เป็นเรื่องที่คนฉลาดรู้กันดีอยู่แล้ว
ประเด็นอยู่ที่นายไม่โจมตีเขา เขาก็โจมตีนาย หากไม่ทันระวัง กระบวนท่าเดียวอาจจะซัดคนจนไม่รู้ว่าเป็นหรือตายได้
ตอนนี้ทุกคนยากจะลงจากหลังเสือ จำเป็นต้องปล่อยกระบวนท่าออกมา ร่างกายของผู้นำลัทธิมีบาดแผลปรากฏอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
แต่เป็นแค่บาดแผลเล็กน้อย พวกฟางผิงกลับบาดเจ็บหนักยิ่งกว่า ปราณลดหลั่นอย่างมาก
คนอื่นๆ ต่างร้อนใจอยู่บ้าง ฟางผิงเห็นแบบนั้นจึงตะโกนว่า “พวกนายไปจัดการขั้นสามตอนปลายคนนั้น ทางนี้ให้ฉันจัดการเอง!”
ทุกคนตกตะลึงไปเล็กน้อย ผู้นำลัทธิชะงักไปอยู่บ้างเช่นกัน
“มองอะไร ไปสิ!”
พูดจบ ฟางผิงก็ฟาดดาบออกมา ปราณนั้นอัดแน่นแทบจะกลายเป็นประกายดาบ!
ผู้นำลัทธิรวบรวมสติ ไม่คิดวอกแวกอีก บนหมัดปรากฏแสงสีแดง พุ่งหมัดออกไปปะทะดาบจนสั่นคลอนไม่หยุด
“ดูว่านายจะใช้ได้กี่กระบวนท่า!”
เผชิญหน้ากับฟางผิงที่ระเบิดกระบวนท่าหนึ่งร้อยแคล ผู้นำลัทธิต้องรวบรวมสมาธิเพื่อป้องกันเช่นกัน แต่กระบวนท่าอย่างนี้ ฟางผิงจะใช้ได้กี่ครั้งกัน?
ไม่นาน ฟางผิงก็แสดงให้เขาเห็นว่าตัวเองใช้ได้กี่ครั้ง!
‘เคร้งๆๆ!’
ฟางผิงฟันห้าดาบติดต่อกัน ทุกดาบระเบิดปราณหนึ่งร้อยแคล จู่โจมจนผู้นำลัทธิถอยหลังไปไม่หยุด
ตอนนี้คนอื่นๆ ไม่รั้งตัวอยู่อีกแล้ว ทุกคนตระหนักถึงความได้เปรียบของฟางผิง ปราณของเขาฟื้นฟูได้รวดเร็ว ตอนนี้ยังไม่รู้ขีดจำกัดอยู่ที่เท่าไหร่
ตอนนี้ฟางผิงระเบิดกระบวนท่าออกมาแล้ว บีบเค้นให้ผู้นำลัทธิจำต้องป้องกันสุดตัว พวกเขาคลี่คลายสถานการณ์ขั้นสามตอนปลายคนนั้นก่อนค่อยว่ากัน
“หืม?”
ผู้นำลัทธิขมวดคิ้วเล็กน้อย เพิ่งคิดจะผละออกจากฟางผิง ฟางผิงกลับตามติดเขาอย่างว่องไว ฟันดาบออกมาติดต่อกันอีกครั้ง!
‘ปัง!’
หลังจากรับไปหลายดาบ ผู้นำลัทธิก็ถอยหลังติดต่อกัน เท้าที่เหยียบบนพื้นปรากฏรอยแตกร้าวเป็นทางยาว
“ยังสู้ต่อได้งั้นเหรอ?”
————