ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 214-2 ผ่านไปอีกปีแล้ว (2)
ตอนที่ 214 ผ่านไปอีกปีแล้ว (2)
ฟางผิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เอ่ยอย่างจนใจ “พี่หวัง คือว่า…”
หวังจินหยางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “จะอยู่ที่หนานเจียงหรือไปเซี่ยงไฮ้ล้วนอยู่ที่พวกเขาเลือกเอง ผู้ฝึกยุทธ์ใหม่พวกนี้ อันที่จริงมีประโยชน์อย่างจำกัดอยู่บ้าง ไม่เหมือนกับปีก่อน”
ปีที่แล้วเพราะมีการแข่งขันแลกเปลี่ยน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปจึงคิดหาวิธีเตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่นาน เสียค่าตอบแทนมหาศาลเพื่อดึงนักเรียนผู้ฝึกยุทธ์เอาไว้
การแข่งขันแลกเปลี่ยนของปีนี้ ผู้ที่ลงสนามไม่ใช่นักศึกษาใหม่ แม้ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยัน แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์
ในเมื่อเป็นแบบนี้ มีผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นนักศึกษาใหม่เพิ่มขึ้นมาคนสองคน ก็ใช้ประโยชน์ได้อย่างจำกัดอยู่ดี เว้นเสียแต่ว่าจะเก่งจนสุดโต่งจริงๆ
“ก็ถูก ความจริงนักเรียนที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์บางคนเข้ามหาวิทยาลัยแล้วกลับไปได้ไกลกว่า เมื่อก่อนคิดว่าคนที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ตั้งแต่ยังไม่เข้ามหาวิทยาลัยนั้นเยี่ยมยอด ตอนนี้ดูแล้ว นอกเสียจากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง ไม่งั้นช่วงหลังอาจจะถูกคนธรรมดาที่หลอมกระดูกสองครั้งพวกนี้ล้ำหน้าได้ด้วยซ้ำ”
หวังจินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตามนั้นแหละ แน่นอนว่าหลอมกระดูกสองครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่ควรแย่งชิงยังคงต้องแย่งชิง เอาแบบนี้สิ พรุ่งนี้พวกเราไปด้วยกัน เจรจากับพวกเขาสักหน่อย จะที่ไหนก็ได้ เงื่อนไขของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ดีกว่าหนานเจียงอยู่บ้าง หากไปเซี่ยงไฮ้จริงๆ ในอนาคตไม่แน่ว่าอาจจะสามารถบ่มเพาะผู้ที่แข็งแกร่งหลายคนให้กับหนานเจียงได้”
อันที่จริงผู้ฝึกยุทธ์ค่อนข้างยึดติดกับบ้านเกิดเมืองนอน
ผู้ฝึกยุทธ์ของหนานเจียงต้องเห็นความสำคัญของหนานเจียงมาเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว
เหมือนผู้ฝึกยุทธ์ที่ออกไปอยู่ข้างนอกอย่างพวกฟางผิง หากเกิดเรื่องกับหนานเจียงและเซี่ยงไฮ้พร้อมๆ กัน ถ้าให้เขาเลือก มีโอกาสสูงที่จะกลับมาช่วยเหลือหนานเจียงมากกว่า
เห็นว่าดึกมากแล้ว ทั้งสองคนจึงไม่พูดคุยยืดเยื้อกันต่อ
—
ฟางผิงเลือกพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง
วันต่อมาฟางผิงและหวังจินหยางนัดเจอกันที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยหนานเจียง
ครั้งนี้ฟางผิงจึงได้รู้ว่าหวังจินหยางมีรถเหมือนกัน
“เมื่อวานผลตรวจร่างกายเพิ่งออก ผู้ฝึกยุทธ์สามคนตอนนี้อยู่เจียงเฉิง พอดีเลยจะได้คุยกันรวดเดียว”
เรียกฟางผิงขึ้นรถแล้ว หวังจินหยางก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องของนายและจางอวี่ เตรียมพร้อมหรือยัง?”
“ออกมาจากถ้ำแล้วค่อยว่ากันเถอะ ยังไม่ถึงขั้นสามตอนปลายจะถูกซ้อมเสียเปล่า ถึงเวลานั้นจริงๆ คงต้องหลบไปก่อน ทะลวงขั้นสามตอนปลาย สำเร็จเคล็ดวิชาต่อสู้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะได้ตำแหน่งประธานมาก็ได้”
“ฉินเฟิ่งชิงอยากได้ตำแหน่งประธานเหมือนกัน หากเขายังไม่ทะลวงขั้นสี่ พวกนายอาจจะได้ประลองกัน”
“ดูสถานการณ์ก่อนละกัน ถ้าผมทะลวงขั้นสามตอนปลายจริงๆ คนแรกที่เข้ามาน่าจะเป็นเซี่ยเหล่ย ช่างเถอะ ในเซี่ยงไฮ้คู่ปรับผมเยอะจะตาย ไม่เหมือนพี่หวังที่มีอิทธิพลในมหาลัยหนานเจียง”
หวังจินหยางหัวเราะไม่พูดอะไร
—
ยี่สิบนาทีต่อมา รถหยุดอยู่ด้านหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง
ฟางผิงและหวังจินหยางสาวเท้าเข้าไปด้านใน ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงโถงรับแขกเล็กๆ ชั้นสาม
ในเวลานี้ห้องรับแขกไม่ได้มีแค่นักเรียนสามคน ยังมีผู้ปกครองของพวกเขาด้วย
เห็นหวังจินหยาง ชายหญิงวัยกลางคนในกลุ่มนั้นรีบหยัดตัวขึ้น เอ่ยอย่างเกรงใจว่า “ประธานหวัง นึกไม่ถึงว่าคุณจะมาด้วยตัวเอง ดีใจจริงๆ”
หวังจินหยางเผยรอยยิ้ม เอ่ยเป็นมารยาทแล้วก็มองไปทางฟางผิง “ฟางผิงจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ มาเป็นตัวแทนของเซี่ยงไฮ้ครับ”
ฟางผิงส่งยิ้มให้พวกเขา ครอบครัวที่สามารถเลี้ยงดูผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ออกมาได้ ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
อย่างน้อยชายหญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า อย่างมากสุดคงอยู่ขั้นสี่ ต่ำสุดคือขั้นสาม
นี่ไม่ได้หมายความว่าตระกูลของพวกเขาแข็งแกร่งที่สุด แต่ในหนานเจียง ความสามารถเช่นนี้ถือว่าไม่อ่อนแอแล้ว
“จำได้แล้ว อัจฉริยะของเซี่ยงไฮ้ เป็นคนหนานเจียงเหมือนกัน ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
พวกผู้ปกครองต่างมีท่าทีกระตือรือร้น ส่วนพวกนักเรียนกลับถือตัวอยู่บ้าง ไม่เปิดปากพูดอะไร
ฟางผิงไม่สนใจเช่นกัน แค่นักเรียนผู้ฝึกยุทธ์ที่ยังไม่เข้ามหาวิทยาลัย ทั้งยังอยู่ในเมืองอย่างหนานเจียง จะเย่อหยิ่งหน่อยถือเป็นเรื่องปกติ
ทุกปีหนานเจียงไม่ได้มีนักเรียนผู้ฝึกยุทธ์มากมาย คนพวกนี้ต่างเป็นอัจฉริยะของหนานเจียง
เอ่ยเป็นมารยาทแล้ว ฟางผิงและหวังจินหยางก็นั่งลง
ฟางผิงกวาดสายตามองทั้งสามคนด้านหน้า ชายสองหญิงหนึ่ง ก่อนจะสำรวจปราณของพวกเขา
เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกหนึ่งครั้งทั้งหมด แต่น่าจะทะลวงด่านตอนที่ปราณสูงกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบแคลขึ้นไป ถือว่าไม่แย่เลย
หวังจินหยางไม่อ้อมค้อมอีก เอ่ยไปตรงๆ “หลายปีนี้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงกำลังปฏิรูปการศึกษา ทุกคนเป็นคนหนานเจียงเหมือนกัน คาดว่าน่าจะเข้าใจอยู่บ้าง มหาวิทยาลัยหนานเจียงยินดีต้อนรับทุกคน นักเรียนผู้ฝึกยุทธ์เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยหนานเจียง หนานเจียงสัญญาว่าจะจัดสรรยาบำรุงที่จำเป็นให้ทั้งหมดจนทุกคนทะลวงถึงขั้นสอง”
ทั้งสามคนยังคงรอประโยคต่อไป ทว่าหวังจินหยางกลับยกแก้วชาขึ้น ไม่พูดอะไรอีก
ครั้งก่อนเขารับปากจะให้ทรัพยากรกับฟางผิงจนถึงขั้นสาม ทั้งฟางผิงยังไม่ได้ผู้ฝึกยุทธ์ด้วยซ้ำ
แต่เวลานั้นฟางผิงหลอมกระดูกสองครั้งแล้ว ทั้งพวกเขายังคุ้นเคยกันดี ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ เขาจึงลำเอียงอยู่บ้างถึงได้เสนอเงื่อนไขแบบนั้นออกมา
เห็นหวังจินหยางไม่มีความเคลื่อนไหว ทุกคนต่างผิดหวังอยู่บ้าง มองไปทางฟางผิง
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เข้าเรียนที่เซี่ยงไฮ้ เซี่ยงไฮ้ไม่ได้มีผลประโยชน์ที่ชัดเจนให้เห็นตอนนี้ แต่เป็นผลในระยะยาว ทุกคนต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ฉันคิดว่าน่าจะเข้าใจดี ผลประโยชน์ที่เซี่ยงไฮ้มอบให้ ไม่ใช่สิ่งที่หนานเจียงจะเทียบได้ แน่นอนว่าหลักๆ ต้องเลือกยังไงยังอยู่ที่ทุกคนใคร่ครวญเอง ไม่ว่าจะหนานเจียงหรือเซี่ยงไฮ้ล้วนเป็นตัวเลือกที่ดี…”
ฟางผิงพูดออกมายกใหญ่ กลับไม่มีผลประโยชน์ที่เป็นชิ้นเป็นอันให้เห็น
เวลานี้ทุกคนจึงผิดหวังอยู่บ้าง นักเรียนชายคนหนึ่งในนั้นอดเอ่ยไม่ได้ “เซี่ยงไฮ้และหนานเจียงให้ผลประโยชน์กับผู้ฝึกยุทธ์แค่นี้?”
ฟางผิงหลุดขำเล็กน้อย เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ในเซี่ยงไฮ้ทุกปีมีนักศึกษาใหม่ที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ประมาณห้าสิบคนเป็นอย่างต่ำ ทั้งหากไม่มีทักษะใดที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษก็ยากที่จะมีโอกาสแสดงความโดดเด่นในเซี่ยงไฮ้ ผู้ปกครองของนักศึกษาที่นั่นต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนกัน ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ฉันว่าทุกคนน่าจะเข้าใจต่อภาพรวมของเซี่ยงไฮ้แล้ว เซี่ยงไฮ้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสองมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ชื่อดัง อาจารย์ยอดฝีมือมีมากมาย เคล็ดวิชาต่อสู้เห็นได้ถมเถไป ราคายาบำรุงถูกกว่า ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เงินจัดสรรของรัฐบาล…เลือกเซี่ยงไฮ้ ทุกคนจะไม่ได้แค่ผลประโยชน์เล็กน้อยนั่น แต่เป็นการวางแผนต่ออนาคตในระยะยาว”
นักเรียนหญิงในกลุ่มจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นว่า “รุ่นพี่ฟาง ฟังจากคำพูดของนายแล้ว นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้มีคนที่แข็งแกร่งจำนวนมาก?”
“แน่นอนอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีนักศึกษาที่สามารถทะลวงถึงขั้นห้า ทุกคนน่าจะเข้าใจความหมายของฉันสินะ?”
“ขั้นห้า!”
พวกเขาสีหน้าเปลี่ยนทันที ฟางผิงเอ่ยต่อว่า “อาจารย์ขั้นหกมีไม่น้อยเหมือนกัน รวมทั้งอาจารย์ขั้นหกสูงสุดและปรมาจารย์ยอดฝีมืออีกสี่คน อันที่จริงในความเห็นฉัน ทุกคนไม่มีความจำเป็นต้องลังเลอะไร แน่นอนว่าหนานเจียงเป็นบ้านเกิดของพวกเรา ภายใต้การดูแลของประธานหวัง ตอนนี้มหาวิทยาลัยหนานเจียงก็กำลังปฏิรูปการศึกษาอย่างกระตือรือร้น ฉันคิดว่าเลือกที่ไหนต่างเหมือนกัน”
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง นักเรียนหญิงที่เพิ่งถามเมื่อครู่เอ่ยว่า “รุ่นพี่ฟาง งั้นในเซี่ยงไฮ้ความสามารถของนายเป็นยังไง?”
“ฉัน?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในหมู่นักศึกษาถือว่าใช้ได้ล่ะมั้ง”
“ใช้ได้อย่างนั้นเหรอ?”
ไม่รู้พวกเขากำลังคิดอะไร ไม่นานนักเรียนหญิงคนนั้นก็เอ่ยว่า “งั้นฉันเลือกมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้”
อีกสองคนใจคล้อยตามอยู่บ้างเช่นกัน
ตอนนี้ฟางผิงยังไม่ค่อยเข้าใจใจ ผ่านไปสักพักเหมือนจะนึกอะไรได้
คนพวกนี้ใช้เขาเป็นตัวเปรียบเทียบ
เขาอยู่ในเซี่ยงไฮ้ได้ งั้นพวกเขาก็ต้องได้เหมือนกัน
ฟางผิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นักศึกษาใหม่พวกนี้ทระนงตัวยิ่งกว่าเขาซะอีก หวังว่าเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้วจะไม่ถูกทำลายกำลังใจไปเสียดื้อๆ หรอกนะ
—
ภารกิจดึงตัวนักศึกษาใหม่นั้นไม่ยาก ไม่นานทั้งสองคนก็เห็นพ้องต้องกัน
ตอนที่เดินออกมาจากโรงแรม หวังจินหยางส่ายหัวเบาๆ “คนพวกนี้ถ้าเข้าเซี่ยงไฮ้จริงๆ เกรงว่าไม่นานก็คงจะถูกทำลายกำลังใจ”
“นั่นไม่เกี่ยวกับผมแล้ว ยังไงผมก็ไม่ใช่แม้แต่คนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์”
ฟางผิงแค่ถือโอกาสวิ่งเต้นให้เท่านั้น พวกนักศึกษาใหม่คิดอะไร เขาคร้านจะสนใจเหมือนกัน
นี่เป็นแค่เรื่องรอง คุยจบแล้ว ฟางผิงก็เตรียมจะแยกตัวออกมา
ตอนแยกกัน จู่ๆ หวังจินหยางก็เอ่ยว่า “มีชีวิตรอดกลับมาจากถ้ำล่ะ”
“แน่นอน!”
ฟางผิงโบกไม้โบกมือก่อนจะขึ้นรถไฟกลับเซี่ยงไฮ้ ครั้งนี้เขาไม่ได้วางแผนกลับบ้าน ต้องไปเซี่ยงไฮ้จัดการเรื่องที่บริษัทสักหน่อย
—————–