ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 219-2 คู่มือลงถ้ำ (2)
ตอนที่ 219 คู่มือลงถ้ำ (2)
ออกมาจากหอพักของฟู่ชางติ่งแล้ว ฟางผิงก็ขมวดคิ้วคิดหนัก
จะเพิ่มความสามารถหรือเหลือค่าทรัพย์สินไว้แบบนี้ก่อนดี?
หากค่าทรัพย์สินถึงร้อยล้าน อาจจะสามารถอัปเกรดระบบใหม่ได้
ตอนนี้ใช้ทรัพย์สินไป ยังไม่รู้ว่าเดือนไหนปีไหนถึงจะสะสมให้เยอะถึงขนาดนี้ได้ เรื่องเงินกู้ลงทุนก็ไม่มีทีท่าจะสำเร็จเลย
แต่ลงถ้ำใต้ดินทั้งที่ไร้ความสามารถ เขากลัวจะพบกับอันตราย
“เฮ้อ ทางไหนก็ยากไปหมด!”
“ไม่สนละ เพิ่มความสามารถก่อนแล้วกัน บางทีเข้าถ้ำไปแล้ว ฉันอาจจะสามารถโกยเงินก้อนใหญ่ได้”
กระดูกสันหลังยี่สิบหกชิ้น หลอมกระดูกหนึ่งชิ้นใช้ค่าทรัพย์สินหนึ่งล้านแปดแสน หากไม่มีค่าทรัพย์สิน ฟางผิงก็ต้องรอไปอย่างช้าๆ อย่างน้อยคงใช้เวลาสี่ห้าเดือน ทั้งยังต้องสิ้นเปลืองยาบำรุงจำนวนมาก
“ค่าทรัพย์สินเยอะขนาดนี้ รวมกับการฝึกวิชาของตัวเอง น่าจะหลอมกระดูกได้ยี่สิบชิ้น ต้องพยายามให้สำเร็จภายในเดือนพฤษภาคม กระดูกอีกไม่กี่ชิ้นที่เหลืออยู่…ไม่ไหวค่อยซื้อยาบำรุงสักเล็กน้อย ยังมีเงินสดอีกตั้งยี่สิบสี่ล้าน”
ฟางผิงคำนวณแล้ว เงินติดตัวและค่าทรัพย์สินน่าจะพอให้เขาใช้ทะลวงถึงขั้นสามตอนปลาย
พอถึงขั้นสามตอนปลายแล้ว เขาไม่คิดจะเลื่อนระดับต่อ แต่จะให้ความสำคัญกับเคล็ดวิชาต่อสู้แทน ไม่ต้องหลอมกระดูกและร่างกาย ค่าใช้จ่ายจะลดน้อยตาม
“เข้าสู่ขั้นสามตอนปลาย ระยะห่างก็จะไม่ต่างจากขั้นสูงสุดเท่าไหร่ เข้าสู่ระดับแนวหน้าอย่างแท้จริง ถึงเวลานั้นไม่ว่าจะเซี่ยเหล่ยหรือฉินเฟิ่งชิงก็ไม่ใช่อุปสรรคที่ใหญ่สำหรับฉันแล้ว”
ฟางผิงสูดลมหายใจ พึมพำว่า “เข้าเรียนมาหนึ่งปี ฉันกลับสามารถเป็นนักศึกษาแนวหน้าของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้แล้ว!”
—
โอบกอดความคิดที่ว่าจะเข้าสู่ขั้นสามตอนปลายภายในเดือนพฤษภาคมเอาไว้ หลังจากนั้นฟางผิงก็ไม่ออกทำภารกิจอีก พยายามฝึกวิชาอย่างหนักในมหาวิทยาลัย ตั้งใจเข้าเรียน ศึกษาแผนที่ ทำความเข้าใจกับความรู้ของถ้ำใต้ดิน รวมถึงสิ่งของที่มีมูลค่าภายในถ้ำ
ในถ้ำใต้ดินนอกจากมนุษย์ถ้ำแล้ว สิ่งที่เป็นภัยต่อพวกผู้ฝึกยุทธ์ อย่างเช่นสัตว์และพืชพรรณ…ล้วนมีการแนะนำให้เช่นกัน
รอจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ถือเป็นครั้งแรกที่พวกฟางผิงได้รับตำราเรียนใหม่จากหน่วยทหาร
พูดว่าตำราเรียนอาจไม่เหมาะเท่าไหร่
นี่เป็นคู่มือสิ่งของที่มีมูลค่าภายในถ้ำใต้ดิน
“หินพลังงาน : เป็นแหล่งพลังงานหลักของถ้ำใต้ดิน แบ่งเป็นสามประเภท ใช้ทั่วไป ใช้ฝึกวิชาและหินแร่ดิบ
หินแร่ดิบ : กำหนดราคาตามความบริสุทธิ์
หินพลังงานที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป : หนึ่งคะแนนต่อกรัม
หินพลังงานฝึกวิชา : สามสิบคะแนนต่อกรัม”
ตอนที่เห็นคำอธิบายของหินพลังงาน ฟางผิงก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะแบ่งเป็นสามประเภท?
ทั้งความแตกต่างจะมากเกินไปแล้ว!
หินพลังงานที่ใช้ในชีวิตประจำวันและการฝึกวิชานั้นแตกต่างกันถึงสามสิบเท่า!
มองไปทางอาจารย์ประจำคลาส ก่อนฟางผิงจะถามทันที “อาจารย์ครับ หินพลังงานที่ใช้ในชีวิตประจำวันแตกต่างกับหินฝึกวิชาขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
ศาสตราจารย์เฒ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริงเป็นความแตกต่างของระดับความบริสุทธิ์ แต่อย่าประเมินความแตกต่างของระดับความบริสุทธิ์เช่นนี้ต่ำไปเชียว การกลั่นหินให้บริสุทธิ์ ปัจจุบันมนุษย์ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่กระบวนภายในนั้นมีมาก สิ้นเปลืองมหาศาล พูดได้ว่าหินพลังงานทั่วไปห้าสิบกรัมอาจไม่สามารถกลั่นหินฝึกวิชาออกมาได้ถึงหนึ่งกรัม ความบริสุทธิ์ไม่มากพอ มีสิ่งเจือปนมากเกินไป ผู้ฝึกยุทธ์ไม่อาจนำมาใช้ฝึกวิชาได้ แน่นอนว่าหินที่ใช้ในห้องแหล่งพลังงาน ที่จริงก็เป็นหินที่ปลดปล่อยพลังงานบริสุทธิ์ไม่ได้สูงมาก แต่ไม่ได้มีผลกระทบมากมาย ในห้องแหล่งพลังงานหลักๆ จะพึ่งร่างกายในการฟื้นฟู ไม่ได้ดูดกลืนสิ่งเจือปนเยอะขนาดนั้น…”
“ขี้โกงชัดๆ!”
ฟางผิงก่นด่า ไม่น่าล่ะฝึกวิชาในห้องแหล่งพลังงาน หนึ่งชั่วโมงถึงเก็บแค่สิบคะแนน
เขาก็คิดอยู่ว่าห้องแหล่งพลังงานใหญ่ขนาดนั้น หนึ่งชั่วโมงกลับปลดปล่อยหินพลังงานที่ไม่ถึงหนึ่งกรัม?
ตอนนี้เข้าใจแล้ว เป็นแค่สิ่งไม่สมประกอบ ใช้พลังงานทั่วไปในการปลดปล่อยเท่านั้น
“สิ่งที่เรียกว่าหินพลังงานทั่วไป ปกติความบริสุทธิ์จะอยู่ที่สามสิบเปอร์เซ็นต์เป็นอย่างต่ำ ส่วนหินที่ใช้ฝึกวิชา ความบริสุทธิ์อยู่ที่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป งั้นระหว่างกลางจะตัดสินมูลค่ายังไง? อิงจากระดับความบริสุทธิ์ที่แตกต่างกัน ให้ในราคาลอยตัว อย่างเช่นหินพลังงานที่ความบริสุทธิ์สามสิบเปอร์เซ็นต์ หนึ่งคะแนนต่อกรัม สี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็สองคะแนน ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ห้าคะแนน หกสิบเปอร์เซ็นต์สิบคะแนน เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์สิบห้าคะแนน แปดสิบเปอร์เซ็นต์ยี่สิบคะแนน อันที่จริงนี่ก็คือการตัดสินราคาของหินแร่ดิบเช่นกัน ในความคิดฉันแบ่งเป็นสามประเภท เกินความจำเป็นอยู่บ้าง สองประเภทยังพอรับได้ หินพลังงานทั่วไปนั้นสามารถรวมอยู่ในหินแร่ดิบ ในถ้ำใต้ดินหาหินพลังงานได้ นั่นถือเป็นแหล่งความมั่งคั่งที่ใหญ่ที่สุดของพวกเธอแล้ว!”
ศาสตราจารย์เฒ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หินพลังงานใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถใช้เหมือนกับห้องแหล่งพลังงาน หรือจะใช้เป็นยาบำรุงเลยก็ได้ ทั้งยังใช้ในการศึกษาวิจัย สร้างอาวุธ…เป็นต้น เรื่องพวกนี้ล้วนใช้ประโยชน์จากหินพลังงาน เข้าไปในถ้ำ แม้พวกเธอจะเจอเพียงหินพลังงานที่ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันก็ต้องเก็บมา ยังคงเป็นที่ต้องการของทั้งประเทศ! รวมถึงมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ด้วย”
“น่าจะมองออกกันแล้ว นี่เป็นการคำนวณราคาต่อกรัม ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่ามีมูลค่าขนาดไหน แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเราเจอส่วนใหญ่จะเป็นหินพลังงานทั่วไป โอกาสที่จะได้พบหินฝึกวิชาความบริสุทธิ์เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปมีน้อยมาก แม้จะเป็นในถ้ำใต้ดิน ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนล้วนมีคุณสมบัติใช้ได้ ปกติแล้วผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามจะแทบไม่มีโอกาสใช้หินประเภทนี้เลย”
ไม่พูดเรื่องพวกนี้ พวกฟางผิงก็เข้าใจเช่นกัน ล้อกันเล่นหรือไง ตั้งสามสิบคะแนนต่อหนึ่งกรัม!
หินพลังงานก้อนหนึ่งขนาดเท่าเสื้อเกราะ บางทีน้ำหนักอาจถึงสิบกรัม สามร้อยคะแนน ต้องแพงขนาดไหนเชียว!
“นอกจากหินพลังงาน ถ้ำใต้ดินยังมีของล้ำค่าอีกมากมาย รวมถึงศพของพวกเขา…ฉันหมายถึงผู้ฝึกยุทธ์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่มีพลังยุทธ์…”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ถามว่า “อาจารย์ครับ ศพแค่ใช้ในการวิจัยหรืออย่างอื่นด้วย?”
“วิจัยเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ซากศพของสิ่งมีชีวิตจะใช้ในการผลิตอาวุธ ทำยาบำรุง…”
จู่ๆ ฟางผิงก็นึกอะไรได้ เอ่ยด้วยใบหน้าซีดเผือด “ยาบำรุงที่พวกเรากินทำมาจากซากศพของสิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดิน?”
คนอื่นๆ คิดเชื่อมโยงตาม พากันหน้าถอดสี
พวกเขาอัดยาบำรุงไปตั้งเยอะ!
ศาสตราจารย์เฒ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ยาบำรุงมีส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิตใต้ดินผสมอยู่จริงๆ อย่างเช่นหัวใจ ผงกระดูกของพวกเขา ผลิตออกมาเป็นยาบำรุงเลือดและปราณ ยาเสริมสร้างกระดูก…”
“พวกเรา…พวกเรา…กำลังกินคนอยู่?”
มีคนพึมพำออกมา รู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างถึงที่สุด
ศาสตราจารย์เฒ่าสัพยอกว่า “วางใจเถอะ หลักๆ จะเป็นพืชและสัตว์จากถ้ำใต้ดิน ส่วนมนุษย์ถ้ำยังไม่มีคุณสมบัตินี้ แต่สิ่งมีชีวิตใต้ดิน เมื่อทะลวงขั้นสี่แล้ว หัวใจพวกเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นของที่คล้ายกับหินพลังงาน ดังนั้นหากจะพูดถึงส่วนประกอบของหินพลังงาน อาจจะมีหัวใจของมนุษย์ถ้ำ แต่ถ้าเป็นยาบำรุง วางใจเถอะ อย่างมากก็เอามาใช้เป็นพลังงานปลดปล่อยเท่านั้น จะให้พวกเธอกินจริงๆ ได้งั้นหรือ?”
แม้ศาสตราจารย์เฒ่าจะอธิบายแล้ว แต่ทุกคนยังคงสะอิดสะเอียนอยู่บ้าง นี่ไม่เกี่ยวกับความอดทน เป็นความรู้สึกขยะแขยงล้วนๆ
ฟางผิงยังดี ถึงแม้จะนำมาผลิตยาบำรุงจริงๆ เขาก็กินค่อนข้างน้อย
ฟางผิงสงสัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของหัวใจมากกว่า นึกมาถึงตรงนี้จึงเอ่ยว่า “อาจารย์ แล้วถ้ามนุษย์อย่างพวกเราทะลวงระดับกลางล่ะครับ?”
“ไม่ต่างกันเท่าไหร่”
ศาสตราจารย์เฒ่าหัวเราะว่า “หลอมอวัยวะภายใน อันที่จริงอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง ปราณฟื้นฟูได้เร็วกว่าพวกเรา ขีดจำกัดปราณก็มากกว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เหมือนกัน แน่นอนพวกเราไม่ใช่มนุษย์ถ้ำที่มีพลังงานบริสุทธิ์ การเปลี่ยนแปลงของพวกเขาน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแหล่งพลังงานของถ้ำใต้ดิน พลังงานหลักของถ้ำก็คือหินพลังงาน ส่วนมนุษย์โลกมีแหล่งพลังงานหลายอย่าง พวกเราหลอมร่างกายหลอมอวัยวะ ผลสุดท้ายคือเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายให้มากขึ้น ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเหมือนสิ่งมีชีวิตใต้ดิน”
“ระดับกลางถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงของหัวใจ งั้นถ้าสังหารผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำต่ำกว่าขั้นสาม…”
“นั่นต้องอาศัยดวง ดูว่าเขาพกอาวุธหรือเปล่า มีหินพลังงานมากน้อยแค่ไหน มูลค่าสูงหรือไม่ นอกจากนี้พวกเราที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามส่วนมากเมื่อลงถ้ำจะยึดเป้าหมายในการสำรวจและค้นหาพืชพรรณในถ้ำเป็นหลัก ของที่มีมูลค่า พวกเธอกลับไปค่อยๆ ศึกษาดู หากโชคดีอาจจะเจอของหายาก การฝึกวิชาหลังจากนั้นพวกเธอแทบไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพยากรอีกแล้ว! ถ้ำใต้ดินนั้นกว้างใหญ่ ตอนนี้มนุษยชาติยังสำรวจพื้นที่ได้น้อยมาก มีโอกาสที่จะเจอของดีสูง แน่นอนว่าอันตรายเช่นกัน อยากจะได้ของดี ต้องเดินออกจากพื้นที่ที่มนุษย์กวาดล้างแล้ว เวลานั้นความอันตรายจะเพิ่มมากขึ้น”
“…”
ระหว่างที่ผลัดกันถามตอบ ศาสตราจารย์เฒ่าก็ได้คลายข้อสงสัยให้มากมาย
พวกฟางผิงนั้นกลับกอดคู่มือไว้แน่นไม่ปล่อย ของชิ้นนี้ต้องศึกษาดีๆ สักหน่อยแล้ว
หากโชคดี ไม่แน่ว่าจะเจอสิ่งของที่มูลค่าเป็นพันเป็นหมื่นคะแนนก็ได้
ฟางผิงไม่ได้ตั้งเงื่อนไขกับตัวเองสูงไป ให้ฉันสามพันคะแนนพอแล้ว ไม่สิ ห้าพันจะดีที่สุด ควรจะให้ค่าทรัพย์สินตัวเองทะลวงถึงหนึ่งร้อยล้าน
ความคิดของฟางผิงไม่อาจเปิดเผยออกไปได้ ไม่งั้นศาสตราจารย์เฒ่าคงบอกให้เขากลับไปนอนฝันเอาดีกว่า
ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม เข้าถ้ำหนึ่งครั้ง ปกติจะได้รับประมาณหนึ่งร้อยคะแนน คิดว่าถ้ำใต้ดินสามารถหาเงินได้จริงๆ หรือไง?
ขาดทุนย่อยยับ เอาชีวิตไปทิ้ง นี่ถือเป็นเรื่องปกติของถ้ำใต้ดิน
หากไม่ใช่แบบนี้ คงไม่สร้างข้อผูกมัดให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางในสังคมหรอก
ทุกปีต้องทำภารกิจให้สำเร็จ หากไม่ใช่นโยบายนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางส่วนใหญ่คงไม่เลือกลงถ้ำเพื่อหาผลประโยชน์อยู่แล้ว
———————