ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 220 หลายเรื่องดีมาถึงหน้าประตู (1)
ตอนที่ 220 หลายเรื่องดีมาถึงหน้าประตู (1)
ปลายเดือนพฤษภาคม นโยบายกู้ยืมคะแนนของเซี่ยงไฮ้เปิดบนแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการ
ในขณะเดียวกันแพลตฟอร์มก็จัดกิจกรรมซื้อหนึ่งแถมหนึ่งด้วย
ซื้อยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสามหนึ่งเม็ด มูลค่าสี่สิบคะแนน แถมยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหนึ่งเม็ด มูลค่าสามคะแนน ซื้อเยอะก็แถมเยอะ
ยาบำรุงไม่ใช่สินค้าขายยาก ไม่จำเป็นต้องรีบล้างสต๊อกสินค้า
อย่าพูดว่ามีส่วนลดเลย แม้จะไม่มีส่วนลด ทุกคนก็อยากซื้ออยู่ดี
มีส่วนลด มีนโยบายกู้ยืมคะแนน…
วันที่ยี่สิบห้าพฤษภาคม ระบบกู้ยืมเพิ่งจะเปิด นักศึกษาที่ได้โควตาต่างยืมคะแนนจนแทบเกลี้ยงแล้ว
—
เวลานั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามกลุ่มใหญ่ในมหาวิทยาลัยแทบจะสาปแช่งฟางผิง!
“ถือสิทธิ์อะไรพวกเราถึงไม่ได้!”
“นี่มันหลักการอะไรกัน?”
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองยืมได้ คนธรรมดายืมได้ แต่พวกเรากลับยืมไม่ได้!”
“ฟางผิงหมายความว่ายังไง?”
“มหาวิทยาลัยไม่คิดจัดการหน่อยเหรอ?”
“…”
ภายในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เกิดเสียงโหวกเหวกโวยวายไปทั่ว
ฟางผิงรังแกคนเกินไปแล้ว!
ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามแทบจะเข้าถึงการยืมคะแนนได้ทั้งหมด มีแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามที่ยืมไม่ได้!
ทั้งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามยังเป็นสมาชิกในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เกือบทั้งหมด
ในสายตาคนส่วนใหญ่ นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการพุ่งเป้ามาทางสมาคมผู้ฝึกยุทธ์
กระทั่งฉินเฟิ่งชิงที่ช่วงนี้ไม่สนใจเรื่องไร้สาระยังหลุดด่าว่า “เจ้าฟางผิงกำลังบีบให้พวกเราจัดการเขาหรือไง!”
เหล่าฉินจนจะตาย!
ช่วงนี้แทบจะไม่มีข้าวกินแล้ว หากไม่ได้ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากสมาคม เขาคงหิวตายไปแล้ว
หวังว่าพอระบบเปิดให้กู้ยืมแล้ว จากความสามารถของฉินเฟิ่งชิง คงจะยืมได้สักหนึ่งพันคะแนน แต่ใครจะรู้ว่ากลับไม่เหลืออะไรเลย!
ทุกคนมองหน้ากันไปมา สุดท้ายก็มองไปทางพวกฟู่ชางติ่งอย่างพร้อมเพรียงกัน
คนพวกนี้ล้วนเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฟางผิง ทั้งยังเป็นคนของสมาคมผิงหยวน พวกเขาน่าจะรู้สถานการณ์มากที่สุด?
ฟู่ชางติ่งที่ถูกลากมาประชุม รู้สึกจนใจอยู่บ้าง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามนับสิบคนต่างถลึงตามองเขา กดดันชะมัด!
ฉินเฟิ่งชิงแทบจะคว้าดาบมาจ่อคอเขาอยู่แล้ว เอ่ยอย่างโมโหว่า “ฟู่ชางติ่ง ฟางผิงและเซี่ยเหล่ยมีเรื่องกัน แม่งเกี่ยวอะไรกับพวกเรา ถือสิทธิ์อะไรไม่ให้พวกเรายืมคะแนน!”
“ใช่ ฉันหมายตากระบี่โลหะผสมระดับ C ไว้ดิบดี ขาดแค่สองร้อยคะแนนเท่านั้น…ไม่ใช่ว่าฉันจะยืมฟรีๆ หรือหาคะแนนคืนไม่ได้สักหน่อย ฟางผิงหมายความว่ายังไงกัน!”
“ใช่ เขาและเซี่ยเหล่ยบาดหมางกัน เป็นเรื่องของพวกเขา อย่าลากสมาคมเราไปเกี่ยวด้วย! ฟางผิงทำแบบนี้ ไม่กลัวจะผิดใจกับทุกคนหรือไง!”
ทุกคนโทสะสุมหัว ทำเกินไปจริงๆ!
แพลตฟอร์มหยวนฟางประกาศต่อภายนอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งจำกัดที่หนึ่งร้อยคะแนน ขั้นสองสามร้อยคะแนน…
เดิมทีพวกเขายังคิดว่าจากความสามารถขั้นสามของตัวเอง หากไม่ยืมได้หนึ่งพันก็คงยืมได้สักห้าร้อยคะแนน?
ผลปรากฏว่ากลับไม่มีอะไรเลย!
หมายตายาบำรุงและอาวุธไว้แล้วแท้ๆ รอแค่กู้ยืมคะแนนเท่านั้น กลับต้องมาติดที่เรื่องนี้ ของดีถูกคนอื่นแย่งไปหมด!
ฟู่ชางติ่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถูกทุกคนจ้องมอง ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยอย่างกระอึกกระอักว่า “เรื่องนี้…”
“รีบพูดมา ไม่งั้นฉันจะมองว่านายเป็นพวกเดียวกับฟางผิง ฟางผิงหลบไม่ยอมออกมา พวกเราจะใช้นายเป็นเครื่องเซ่นแทน”
ฟู่ชางติ่งอัดอั้นตันใจจนแทบอยากกระอักเลือด เอ่ยอย่างลำบากใจว่า “ฟางผิงกับจ้าวเหล่ยต่างหากที่เป็นเพื่อนรักกัน พวกเขาสนิท…”
จ้าวเหล่ยใบหน้าดำคล้ำ ช่วงนี้หน้าของเขา หากไม่บวมก็ดำนี่แหละ แทบจะลืมไปแล้วว่ารอยยิ้มมันเป็นยังไง
“อย่ามาพูดไร้สาระ รีบบอกมา ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่!”
ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างจนใจ “จากความหมายของฟางผิงคือขั้นสามเป็นลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง ต้องค่อยๆ พิจารณา”
“หมายความว่าไง?”
“ขั้นสามต้องลงถ้ำใต้ดิน มีโอกาสตายสูง ไม่มีหลักประกันเท่าไหร่” ฟู่ชางติ่งฝืนใจพูดออกมา
ทุกคนต่างอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนฉินเฟิ่งชิงจะหลุดปากด่าออกมา “ไอ้เวรนี่แช่งพวกเรา!”
ฟู่ชางติ่งเห็นเขาทำราวกับจะฆ่าคน เอ่ยละล่ำละลักว่า “ก่อนออกมา ฟางผิงวานให้พวกเราถ่ายทอดคำพูดเหมือนกัน ขั้นสามสามารถยืมคะแนนได้ แต่ต้องเพิ่มดอกเบี้ย…”
“สารเลว! รังแกคนเกินไปแล้ว!”
ทุกคนโมโหกันใหญ่ นี่คือจะเลือกปฏิบัติ?
“เขาบอกว่าลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง จ่ายดอกเบี้ยน้อย เขาต้องเป็นคนชดใช้ ชดใช้ไม่ไหว มหาวิทยาลัยก็ยินดีรับผิดชอบแค่ส่วนเล็กๆ เว้นเสียว่าทุกคนจะเกลี้ยกล่อมมหาวิทยาลัยให้รับผิดชอบทั้งหมดได้…”
ทุกคนถลึงตามองเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน ล้อกันเล่นแล้ว หากทำได้จริงๆ คงไปพูดนานแล้ว
“เขาจะขึ้นดอกเบี้ยเท่าไหร่?”
“อย่างต่ำร้อยละห้า นอกจากนี้ต้องดูสถานการณ์ด้วย…อย่างประธานฉิน ความต้องการของฟางผิงคืออย่างน้อยร้อยละสิบ ความเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ…”
ฉินเฟิ่งชิงตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะโมโหจนจมูกแทบเบี้ยว
จากคำพูดของฟางผิง อีกนัยหนึ่งก็คือฉินเฟิ่งชิงมีโอกาสตายสูงกว่าคนอื่น มีความเสี่ยงมาก ต้องป้องกันเขาไว้ก่อน!
ฉินเฟิ่งชิงอยากจะกระอักเลือด คนอื่นๆ ทำหน้าไม่พอใจเช่นกัน “นั่นเป็นปัญหาของพวกประธานฉิน พวกเราลงถ้ำมีหลักประกันความปลอดภัยอยู่แล้ว”
ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงไม่โมโหอีกแล้ว ถลึงตามองคนที่พูดราวกับจะฆ่าให้ตายแทน!
สรุปจากคำพูดของนายคือฉันเป็นตัวถ่วงของทุกคน?
—
ความโกลาหลของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เป็นสิ่งที่ฟางผิงคาดเดาไว้ตั้งนานแล้ว
ห้องทำงานคณบดี
ตอนนี้ฟางผิงกำลังรายงานเรื่องแพลตฟอร์ม
“วันนี้เพิ่งเปิดระบบกู้ยืมสามชั่วโมงก็ถูกยืมออกไปแปดหมื่นคะแนนแล้ว!”
ฟางผิงถอนหายใจว่า “คณบดี มหาวิทยาลัยน่าจะเห็นแล้ว นักศึกษาอย่างพวกเราจนขนาดไหน ทั้งอยากได้คะแนนถึงขนาดไหน ผมคิดว่าควรจะเพิ่มโควต้าให้พวกเราอีกหนึ่งแสนคะแนน”
หวงจิ่งไม่สนใจเรื่องนี้ ขมวดคิ้วว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามทำไมไม่ให้ยืม?”
“ควบคุมความเสี่ยง…”
ฟางผิงเอ่ยต่อทันที “แน่นอนว่าผมเผื่อคะแนนไว้สองหมื่น เตรียมไว้สำหรับพวกเขา แต่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติก่อน พวกเราไม่อาจจงใจกระตุ้นให้นักศึกษาไปตายได้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามบางคนมั่นใจในตัวเองสูง หากมีอุปกรณ์ครบครัน มีอาวุธและยาบำรุงดีๆ เกรงว่าคงจะอยากลงถ้ำทั้งเดี๋ยวนั้น คนประเภทนี้ผมคิดว่าต้องควบคุมสักหน่อย ไม่อาจให้พวกเขาไปตายเสียเปล่า ดังนั้นสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม บางส่วนผมคิดว่าต้องกระตุ้นให้ลงถ้ำ บางส่วนกลับต้องทำให้พวกเขาใจเย็นหน่อย คณบดี คุณว่าผมพูดถูกหรือเปล่า?”
หวงจิ่งกวาดสายตามองเขา ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยขึ้น “ได้ยินว่าเธอจะขึ้นดอกเบี้ยของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม?”
“คณบดี นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เหมือนกัน ไม่เพิ่มดอกเบี้ย ตอนนี้ดอกเบี้ยต่ำขนาดนี้ ทุกคนต่างจะยืมคะแนน ขั้นหนึ่งขั้นสองยังพอว่า อย่างมากแค่รับภารกิจบนโลก แต่ขั้นสามส่วนใหญ่ต้องลงถ้ำใต้ดิน ความเสี่ยงมากเกินไป ถึงเวลานั้นบาดเจ็บล้มตายเยอะ มหาวิทยาลัยรับผิดชอบแค่ห้าเปอร์เซ็นต์หรือก็คือห้าพันคะแนน ที่เหลือล้วนตกอยู่ในความรับผิดชอบของผม ผมรับไม่ไหวหรอก เว้นเสียว่ามหาวิทยาลัยจะให้ผมมากกว่า…”
“อย่าฝัน!”
หวงจิ่งตัดบทเขา ครุ่นคิดว่า “มหาวิทยาลัยให้รางวัลนักศึกษาที่เข้าร่วมสงครามไม่ได้หมายความว่าอยากให้นักศึกษาไปตาย หากพูดแบบนั้นออกมาจริงๆ มหาวิทยาลัยยังจะกังวลว่าเธอจงใจกระตุ้นให้นักศึกษาจำนวนมากไปตายในถ้ำใต้ดิน…”
“สาบานต่อฟ้าดินเลย!”
ฟางผิงรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง ยกมือขึ้นมาเอ่ยอย่างโมโห “คณบดี ผมเป็นคนแบบนั้นหรือไง? ส่งทุกคนไปตายมีประโยชน์ต่อผมยังไง? นี่คือปรักปรำกัน เซี่ยเหล่ยเป็นคนฟ้องใช่หรือเปล่า? ผมว่าแล้ว คนแบบนี้จิตใจคับแคบ ชอบฟ้องเรื่องคนอื่น โตขนาดนี้แล้วยังทำเรื่องผิดศีลธรรม!”
—————–