ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 222-2 เส้นทางของปรมาจารย์ (2)
ตอนที่ 222 เส้นทางของปรมาจารย์ (2)
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยใบหน้าดำคล้ำ “ออกไปแล้วอย่าพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเชียว ไม่งั้นเธอต้องชดใช้เป็นเงิน!”
ฟางผิงพยักหน้าทันที มองหินพลังงานที่ส่องแสงอย่างอาลัยอาวรณ์ ประสิทธิภาพนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก สามารถเพิ่มปราณในเวลารวดเร็ว
ตอนนี้ฟางผิงกำลังครุ่นคิดว่าหากดูดซับต่อไปจนปราณถึงขีดจำกัดแล้ว จะสามารถเข้าสู่กระบวนการหลอมกระดูกได้เลยหรือไม่?
มีโอกาสค่อนข้างสูง ครั้งก่อนศาสตราจารย์เคยบอกว่าสามารถใช้หินพลังงานเป็นยาบำรุงได้
ในความคิดฟางผิง นี่มีประโยชน์กว่ายาบำรุงเยอะเลย
ยาบำรุงดูดซึมได้ช้า
แต่หินพลังงานแปรสภาพอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นคนอย่างเขา ในสถานการณ์ที่ไม่มีค่าทรัพย์สิน หินพลังงานก็ไม่อาจเป็นปัญหาต่อเรื่องปรับตัวเช่นกัน
แน่นอน ประเด็นสำคัญอยู่ที่มูลค่าสูง!
หินก้อนเล็กๆ ไม่กี่สิบกรัมเช่นนี้ หากกลายเป็นของตัวเองจริงๆ อย่างน้อยคงจะเพิ่มค่าทรัพย์สินเป็นสิบล้าน
ถ้าขโมยจากที่นี่ออกไป…ช่างเถอะ ได้ยินว่าที่นี่มีปรมาจารย์นั่งรักษาการณ์อยู่เหมือนกัน
—
ไม่กี่นาทีต่อมา ห้องทดลองอีกแห่งหนึ่ง
ฟางผิงกลืนน้ำลาย จับจ้องผลไม้สีเขียวมันขลับที่อยู่ตรงหน้า พึมพำว่า “ถ้าผมเป็นปรมาจารย์คงจะดี”
“จะทำลายสิ่งกีดขวางทั้งหมดแล้วขโมยไป?” ตาเฒ่าหลี่เสริมให้
ฟางผิงส่ายหัวเป็นพัลวัน “อาจารย์เอาที่ไหนมาพูดกัน ถ้าผมเป็นปรมาจารย์ จะไปแย่งชิงของจากถ้ำเพื่อมวลมนุษยชาติต่างหาก!”
ตาเฒ่าหลี่แค่นหัวเราะ ไม่สนใจเช่นกัน
“ผลหลัวเซิง อันที่จริงไม่นับว่าเป็นของดีอะไร เป็นวัตถุดิบหลักของยาเสริมสร้างร่างกาย สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม มียาบำรุงสามอย่างที่สำคัญที่สุด ยาเสริมสร้างร่างกาย ยาป้องกันอวัยวะภายในและยาสิบเอ็ด”
“ยาสิบเอ็ด?”
ฟางผิงไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ ตาเฒ่าหลี่อธิบายว่า “อันที่จริงเป็นยาบำรุงที่หลอมอวัยวะตันภายในทั้งห้า[1]และอวัยวะกลวงทั้งหก[2] รวมกันแล้วก็เป็นอวัยวะหลักทั้งสิบเอ็ดพอดีไม่ใช่หรือไง? ทั้งยาบำรุงประเภทนี้ วัตถุดิบยามีสิบเอ็ดอย่างพอดี ดังนั้นเลยถูกเรียกว่ายาสิบเอ็ด ยาเสริมสร้างร่างกาย หน้าที่หลักคือหลอมร่างกาย ยาป้องกันอวัยวะภายในเธอน่าจะรู้แล้ว ส่วนยาสิบเอ็ดหน้าที่หลักคือภายใน ดูแลทั้งนอกและในพร้อมกัน เป้าหมายของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ก็คือหลอมกะโหลกตัวเองให้ถึงขีดจำกัด ผลหลัวเซิงเป็นวัตถุดิบของยาเสริมสร้างร่างกาย ผลหลัวเซิงหนึ่งผลสามารถทำยาเสริมสร้างร่างกายได้สิบเม็ด ส่วนลำดับขั้นของยาเสริมสร้างร่างกาย ตัดสินจากสถานการณ์ ดูอายุของวัตถุดิบยาเป็นหลัก มูลค่าของผลหลัวเซิงเกี่ยวข้องกับอายุ ผลด้านหน้าเธอน่าจะอายุสี่สิบห้าสิบปีแล้ว ประมาณหนึ่งร้อยคะแนน”
“ถูกขนาดนี้เชียว?”
“เหลวไหล วัตถุดิบของยาเสริมสร้างร่างกายไม่ได้มีแค่อย่างเดียว ผลหลัวเซิงมีมูลค่าแค่นี้แหละ แน่นอนว่าหากมีอายุมากก็เป็นอีกเรื่อง”
ฟางผิงชี้ไปที่อีกลูกหนึ่ง สีแดงก่ำคล้ายกับมะเขือเทศราชินี “นี่…เหมือนกับผลหลันเย่เลย?”
อันที่จริงผลหลันเย่นั้นสีแดง ที่เรียกว่าผลหลัน (สีฟ้า) เย่เป็นเพราะใบของมันสีฟ้า ดังนั้นถึงได้ชื่อนี้
“ใช่ เป็นวัตถุดิบหลักของยาสิบเอ็ด มูลค่าไม่ต่างจากผลหลัวเซิงมาก”
ฟางผิงเอ่ยอย่างแปลกใจ “บนโลกไม่มีเหรอครับ?”
“ไม่มี”
“งั้นเมื่อก่อนไม่มียาบำรุงพวกนี้…”
“ดังนั้นเมื่อก่อนถึงมีปรมาจารย์แค่ไม่กี่คน หากมีปรมาจารย์ถือกำเนิดก็จะถูกยกย่องว่าเป็นเทพเซียน ช่วงเกือบร้อยปีนี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่ในอดีตก่อนหน้านั้นร้อยปีถึงจะมีปรมาจารย์ออกมาได้คนหนึ่ง เป็นเรื่องยากแค่ไหนเธอรู้หรือเปล่า?”
ฟางผิงลอบชม งั้นปรมาจารย์ในตอนนี้ หากเป็นเมื่อก่อนคงเป็นเทพเซียนกันหมดสินะ?
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “สำหรับมนุษยชาติ การปรากฏของถ้ำใต้ดินเป็นเรื่องดีต่อเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ สรรพสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน การปรากฏของถ้ำใต้ดินทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ได้แสดงคุณประโยชน์ออกมาอย่างเต็มที่ สังหารสิ่งมีชีวิตใต้ดิน ส่วนมากล้วนอาศัยผู้ฝึกยุทธ์อย่างพวกเรา ผู้ฝึกยุทธ์น้อยลงย่อมเป็นอันตรายต่อมวลมนุษย์ ดังนั้นเวลานี้มนุษยชาติจึงพบว่าวัตถุดิบจากใต้ดินพวกนี้ทำให้เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ของพวกเราก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว หากเป็นเมื่อก่อน ไม่สิ ก่อนหน้าที่ถ้ำใต้ดินจะถูกค้นพบ ในโลกของสำนักนิกายต่างๆ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดคนหนึ่งสามารถกวาดล้างอีกฝ่ายได้ จะถูกเรียกว่าผู้อาวุโส สามารถบุกเบิกก่อตั้งสำนักได้ เวลานั้นคนอย่างเธอใช้เวลาอีกสักหน่อย ก็คงถูกเรียกว่าปรมาจารย์อะไรสักอย่างได้เหมือนกัน”
ฟางผิงขำแห้งว่า “น่าเสียดายที่เกิดผิดยุค…”
ตาเฒ่าหัวเราะอย่างดูแคลน “หากเกิดในยุคนั้นจริงๆ เธอทะลวงขั้นหนึ่งได้ก็ถือว่าโชคช่วยแล้ว”
ฟางผิงไม่ใส่ใจ ถอนหายใจว่า “งั้นตอนนี้เทพเซียนที่มีชีวิตอยู่ในประเทศจีนก็มีประมาณสามร้อยคนแล้ว เทพเซียนพวกนี้รู้สึกจะไม่มีค่าขนาดนั้นแล้ว”
“เธอคิดว่ามีเยอะ?”
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัวว่า “ทั้งเมืองเทียนเหมิน ตอนนี้ค้นพบผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงอยู่สิบสี่คน!”
“เยอะชะมัด!”
“ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าสิบสามเมืองในถ้ำใต้ดินของเซี่ยงไฮ้จะมีพวกระดับสูงเท่าไหร่ เกรงว่าคงเกือบสองร้อยคน!”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างครุ่นคิด “ดังนั้นมนุษย์กำราบปากถ้ำแห่งเดียวไม่เป็นปัญหาหรอก แต่ย่อมมีการบาดเจ็บล้มตายอย่างแน่นอน บางทีอาจสูญเสียกว่าครึ่งหนึ่ง มากสุดคงกำราบสองแห่งพร้อมกันได้ นั่นถึงขีดกำจัดแล้ว และในประเทศจีนมีปากถ้ำยี่สิบสองแห่ง…ไม่สิ ไม่นานจะเพิ่มเป็นยี่สิบสามแล้ว”
“งั้นต่างประเทศล่ะครับ? พวกเขาป้องกันยังไง?”
“คนอื่นเขาก็มีปรมาจารย์เหมือนกัน เธอคิดว่ามีแค่ประเทศจีนที่มีปรมาจารย์หรือไง? แน่นอนว่าบางประเทศมีพื้นที่เล็ก มีหลายประเทศที่เฝ้าระวังปากทางเข้าถ้ำแห่งเดียวร่วมกัน แรงกดดันไม่ได้เยอะเท่าพวกเรา ทั้งการกระจัดกระจายของถ้ำ…ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับประชากร”
“คุณหมายความว่า…”
“ยิ่งคนเยอะ ทางเข้ายิ่งมีมาก” ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจ “เวลานั้นพวกเราคิดว่าคนมาก กำลังคงมากตาม ดังนั้นจึงได้เพิ่มประชากรอย่างไม่สนใจอะไร ผลปรากฏว่ายิ่งมีคนเยอะ ปากทางเข้าถ้ำกลับปรากฏไวมากขึ้น จากนั้นจึงมีการควบคุมอย่างเร่งด่วน เป็นเหมือนทุกวันนี้…”
“นโยบายควบคุมประชากร?”
“ใช่”
ฟางผิงอ้าปากค้าง!
นึกมาถึงตรงนี้ ฟางผิงจึงเอ่ยทันที “งั้นประเทศเพื่อนบ้านของพวกเราที่มีประชากรเยอะเหมือนกัน…”
“คนเขามียอดฝีมือเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เธอคิดว่าไงล่ะ? พวกเขาไม่เหมือนพวกเรา? พวกเราเลือกบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ชั้นดีจากทั่วประเทศ พวกเขาบีบประชากรชนชั้นล่าง เลือกบ่มเพาะแต่ระดับสูง สิบแปดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่าย อันที่จริงก็คือการปราบปรามปากทางเข้าถ้ำทั้งสิบแปดแห่ง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาคือสำนักขนาดใหญ่ สิบแปดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีปรมาจารย์และยอดฝีมือไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน!”
ฟางผิงลอบชื่นชมอีกครั้ง ไม่อาจมองเหมือนเดิมได้แล้ว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบแปดแห่งของอินเดีย นึกไม่ถึงว่าจะเป็นทางเข้าถ้ำสิบแปดแห่ง สรุปแล้วศาสนาพุทธสยบปีศาจนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก?
“แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่งจะปรากฏช่วงไม่กี่ปีมานี้…”
“แค่พูดกันไปอย่างนั้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังคงเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หรือยอดฝีมือของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะออกไปข้างนอกไม่ได้? ออกไปข้างนอก สร้างวัดไว้บนถ้ำใต้ดิน นั่นก็เป็นเขตปราบปรามของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว เข้าใจหรือยัง?”
“เข้าใจแล้ว” ฟางผิงพยักหน้า เอ่ยอย่างดีใจอยู่บ้าง “โชคดีที่พวกเราเกิดในประเทศจีน ไม่งั้นคงถูกกดหัวแล้ว?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ดังนั้นประเทศจีนถึงได้มีปรมาจารย์มากขึ้นเรื่อยๆ”
ฟางผิงพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะตามตาเฒ่าหลี่ไปดูของหลายอย่าง
—
ออกมาจากสถาบันวิจัย ฟางผิงรู้สึกว่าได้รับประโยชน์กลับมาไม่น้อย
รู้ความลับมากมาย เปิดประสบการณ์กับหลายสิ่งที่ปกติไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
รวมถึงมนุษย์ถ้ำด้วย!
ไม่กี่นาทีสุดท้ายที่จะออกมาจากสถาบันวิจัย ฟางผิงมีโอกาสได้จับมนุษย์ถ้ำที่กำลังจะถูกส่งไปยังห้องทดลอง
เป็นผู้หญิงหน้าสะสวย จับดูแล้วรู้สึกถึงเนื้อหนัง แต่ดุร้ายเกินไป ฟางผิงแค่จับเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะส่งสายตาพิฆาตให้เขา แทบจะพุ่งตัวออกมาฆ่าเขาแล้ว ผลปรากฏว่าตาเฒ่าหลี่ซัดฝ่ามือเดียว ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะกลายเป็นเนื้อบด นี่ทำให้หัวใจของฟางผิงค่อยกลับมาเต้นปกติอีกครั้ง
ออกมาจากสถาบันวิจัย ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัวว่า “อ่อนแอ อ่อนแอเกินไป เกือบจะถูกมนุษย์ถ้ำที่ร่างกายโดนพันธนาการทั้งตัวฆ่าตายแล้ว ขายหน้าตัวเองหรือเปล่าล่ะ?”
“เธอน่าจะอยู่ระดับกลางสินะครับ?”
“ขั้นสามสูงสุด”
“ขั้นสามสูงสุด…” ฟางผิงพึมพำ “แววตาน่ากลัวจริงๆ”
“ไร้สาระ นี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำที่กองทัพของพวกเราทำการต่อสู้ด้วย ฆ่าคนแทบไม่กะพริบตา เธอคิดว่าผู้นำลัทธิคนนั้นจะเคยประมือสักกี่คนกัน?”
ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตอาจไม่มีโอกาสสู้กับคนด้วยซ้ำ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำปะทะกับผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์และผู้ฝึกยุทธ์หน่วยทหารมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นี่ถึงจะเป็นยอดฝีมือในสงครามอย่างแท้จริง
ตอนนี้ฟางผิงนับว่าเป็นแค่ลูกไก่เท่านั้น แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ปราณนิดหน่อย แต่เจอกับผู้ฝึกยุทธ์ที่ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาแบบนี้ จะตกใจก็ไม่แปลก
ตาเฒ่าหลี่ขึ้นรถแล้วจึงถอนหายใจว่า “ไอสังหารพวกนี้ ฆ่าคนให้มากหน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ลงถ้ำใต้ดินแล้ว ฆ่าพวกเขาสักพันคน แววตาของเธอย่อมมีไอสังหารได้เช่นกัน”
ฟางผิงไม่เอ่ยอะไรอีก ตาเฒ่าหลี่เริ่มหาวขึ้นมา “เจ้าหนู ช่วงชิงโอกาสสักหน่อย ในมหาวิทยาลัยเธอมีหวังที่จะเป็นปรมาจารย์ที่สุด”
ฟางผิงรู้สึกถึงแรงกดดันทันที
ตาเฒ่าหลี่มองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ทั้งเอาใจช่วยและจงใจกระตุ้นเขา หวังให้เขาสามารถเป็นปรมาจารย์โดยเร็วที่สุด
แต่เรื่องของเขา เขารู้ดีที่สุด หากทรัพย์สินของเขาไม่พอ ยังไม่รู้ว่าจะสามารถกลายเป็นปรมาจารย์ได้เมื่อไหร่
“ต้องหาเงินให้ได้เยอะๆ เท่านั้น!”
ตาเฒ่าหลี่ที่อยู่ด้านข้างโมโหแทบตาย ปู่แกสิ ไอ้เด็กนี่เรียงความสำคัญเป็นหรือเปล่า?
ตาแก่พาไปดูอะไรตั้งมากมาย เพราะอยากบอกเธอว่าเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์สำคัญที่สุด หาเงินเป็นเรื่องรอง!
แน่นอนว่าเรื่องเงินนั้นสำคัญเหมือนกัน ยังไงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามก็ต้องใช้ทรัพยากรในการฝึกวิชาจำนวนมาก แต่อันดับแรกต้องพัฒนาความสามารถก่อน
ฟางผิงกลับไม่ได้คิดซับซ้อนขนาดนั้น ในความเห็นเขา เงินถึงจะเป็นสิ่งที่ทำให้ความสามารถก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็ว
————————
[1]อวัยวะตันภายในทั้งห้า ได้แก่ ตับ หัวใจ ม้าม ปอดและไต
[2]อวัยวะกลวงทั้งหก ได้แก่ ถุงน้ำดี ลำไส้เล็ก ลำไส้เล็ก กระเพาะอาหาร และกระเพาะปัสสาวะ