ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 225-2 ทะลวงพลังจิตใจ (2)
ตอนที่ 225 ทะลวงพลังจิตใจ (2)
ตาเฒ่าหลี่ครุ่นคิด จู่ๆ ก็ตะโกนว่า “ฟางผิง ฉันจะส่งให้เธอหนึ่งหมื่นคะแนน เอาหรือเปล่า?”
พวกหลู่เฟิ่งโหรวใบหน้ากระตุก มีประโยชน์หรือไง?
ทว่าฟางผิงที่หลับตาอยู่นั้น กลับมีการเคลื่อนไหวที่เปลือกตาเล็กน้อย
“ให้ยาบำรุงเลือดและปราณห้าร้อย เอาหรือเปล่า?”
“หนึ่งพันเม็ด?”
“ฟางผิง มีคนจะขโมยแพลตฟอร์มหยวนฟางนั่นของเธอไปแล้ว จะแย่งส่วนแบ่งไปด้วย!”
“อาจารย์ของเธอไม่เอาหนึ่งพันคะแนนนั่นแล้ว!”
“มหาวิทยาลัยเตรียมจะส่งคะแนนให้เธอฟรีๆ หนึ่งแสนคะแนน…”
“…”
ตาเฒ่าหลี่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า แต่ยังรู้สึกว่ามีประโยชน์อยู่บ้าง
เห็นว่าฟางผิงไม่มีการเคลื่อนไหว ตาเฒ่าหลี่ครุ่นคิดก่อนจะตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้ายังไม่ตื่นอีก คงต้องเปิดสมองตรวจสอบดูแล้วว่าสมองตายหรือเปล่า…”
อู๋ขุยซานเอ่ยขึ้นว่า “จะตื่นแล้ว ออกไปเร็ว!”
พวกเขาสบสายตากัน เสี้ยวนาทีต่อมาก็รีบทยอยออกจากห้องฝึกวิชา ซ่งอิ๋งจี๋ถือโอกาสปิดประตูไว้เหมือนเดิม
พวกเขาออกมาแล้ว ฟางผิงที่อยู่ในห้องฝึกวิชาก็ลืมตาขึ้นทันที ส่ายหัวเล็กน้อย หอบหายใจว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อกี้ฝืนเพิ่มพลังจิตใจขึ้นไป จู่ๆ เขากลับรู้สึกเหมือนสมองจะระเบิด จากนั้นก็ว่างเปล่าไปหมด
ตอนที่สะลึมสะลือเหมือนจะได้ยินคนพูดคุยกันอยู่
“ใครกำลังพูด?”
“หูแว่ว?”
“ไม่สิ เหมือนพูดว่าจะเปิดสมองฉันด้วย…”
ฟางผิงหัวใจเต้นระส่ำ ใบหน้าซีดเผือดอยู่พักใหญ่ คิดเรื่องพวกนี้เยอะเลยเก็บไปฝันงั้นเหรอ?
ตอนที่เขาหูแว่วนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคนบอกจะเปิดสมองของเขา ตาเฒ่าหลี่สร้างบาปแล้วจริงๆ!
“คนพวกนี้คงไม่ได้คิดจะเปิดสมองฉันจริงๆ หรอกนะ…”
ฟางผิงรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ถอนหายใจแล้วก็เริ่มสัมผัสพลังจิตใจของตัวเอง
ครั้งนี้รู้สึกสัมผัสได้ง่ายกว่าเดิม
ทั้งอนุภาคพลังงานในอากาศ เหมือนจะเด่นชัดยิ่งขึ้นด้วย
ฟางผิงใช้พลังจิตใจเคลื่อนย้ายอนุภาคพลังงานอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นไปด้วยความราบรื่นอย่างยิ่ง
ไม่นานอนุภาคเล็กๆ ที่เขาสัมผัสได้ก็ถูกเขาเคลื่อนย้ายมาไว้ในร่างกายตัวเอง
เสี้ยวนาทีที่อนุภาคเข้ามาในร่างกาย ใบหน้าฟางผิงเผยความดีใจออกมาทันที
“นึกไม่ถึงว่าอนุภาคพลังงานหนึ่งอนุภาคจะฟื้นฟูปราณได้ห้าแคลเป็นอย่างต่ำ!”
“ประสิทธิภาพจะน่าตกใจไปแล้ว!”
—
ด้านนอกประตู
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เขากลัวตายหรือชอบเงินกันแน่?”
ประโยคพวกนั้นที่ตาเฒ่าหลี่พูดออกมามีทั้งให้เงิน ขโมยเงิน รวมถึงขู่เขาว่าจะเปิดสมอง
ปรากฏว่ากลับทำให้ฟางผิงฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เหนือความคาดหมายของทุกคน
อู๋ขุยซานรู้สึกขำอยู่บ้าง ส่ายหัวว่า “อาจจะเพิ่งได้สติพอดี ทั้งอาจจะฟื้นเพราะถูกกระตุ้นเช่นกัน”
พวกเขามองหน้ากัน ต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หวงจิ่งหัวเราะอยู่พักหนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “เขาเหมือนจะสามารถเคลื่อนไหวอนุภาคพลังงานได้จริงๆ”
อู๋ขุยซานพยักหน้า เอ่ยปากว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสามารถทำได้ง่ายๆ สำหรับพวกเขา ปราณไม่ใช่ปัญหาหลัก พลังจิตใจไม่ดับสูญ ขอแค่ในอากาศมีอนุภาคพลังงานอยู่ ปราณของพวกเราแทบจะมีไม่ขาดสาย แต่เขาเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะสามารถเคลื่อนย้ายได้เช่นกัน เหนือความคาดหมายฉันจริงๆ”
หวงจิ่งครุ่นคิด “ก่อนหน้านี้เขาทำไม่ได้ งั้นปัญหาเรื่องฟื้นฟูปราณ…”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ราชสีห์ถังมองผิดไปหรือเปล่า เขาอาจจะกินยาบำรุงไปแล้ว”
หวงจิ่งไร้คำจะพูด เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เธอกล้าพูดจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พลังจิตใจเขาก็ยังอ่อนอยู่บ้าง พอจะเคลื่อนย้ายอนุภาคได้บางส่วน ฟื้นฟูปราณได้แค่ไม่กี่สี่สิบห้าสิบแคลเท่านั้น…”
เขาเพิ่งพูดจบ จู่ๆ อู๋ขุยซานก็กระแอมไอเบาๆ “คุณลองตรวจสอบหน่อย”
หวงจิ่งตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะตรวจสอบอีกครั้ง เอ่ยอย่างตกใจว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ในห้องฝึกวิชาฟางผิงเคลื่อนย้ายอนุภาคพลังงานอย่างไม่ขาดสาย ตอนที่พลังจิตใจหมดเกลี้ยง เขาก็เติมเต็มพลังจิตใจ เคลื่อนย้ายอนุภาคอีกครั้ง
อันที่จริงนั้นเหมือนกัน ค่าทรัพย์สินที่เติมพลังจิตใจ สิ้นเปลืองเยอะกว่าที่เขาเติมปราณ
ดูดซับอนุภาคพลังงาน ยังไม่สู้เขาใช้ค่าทรัพย์สินเติมปราณตรงๆ
แต่การเติมปราณ ทุกคนต่างรับรู้ได้
ตอนนี้ฟางผิงเปลี่ยนแปลงความคิด ลองเติมเต็มพลังจิตใจที่มองไม่เห็นดู แล้วค่อยใช้พลังจิตใจเคลื่อนย้ายอนุภาคพลังงานมาเติมเต็มปราณอีกที
หวงจิ่งที่เห็นฉากนี้ตกตะลึงไปเช่นกัน
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
พลังจิตใจของฟางผิงอ่อนแอ อย่างน้อยสำหรับเขาแล้ว อ่อนแอมากจริงๆ คงไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ได้
แต่พลังจิตใจที่แผ่วบางของฟางผิงกลับปลดปล่อยอย่างไม่ขาดสาย เคลื่อนย้ายอนุภาคพลังงานอย่างต่อเนื่อง
ไม่เหมือนกับปราณที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้
การเติมพลังจิตใจ พวกหวงจิ่งต่างไม่อาจรับรู้ได้ รู้เพียงอย่างเดียวว่าพลังจิตใจของฟางผิงหลั่งไหลราวกับตาน้ำในธรรมชาติ
สถานที่ไม่ใหญ่ แต่เหมือนเชื่อมต่อกับท้องทะเล สิ้นเปลืองเท่าไหร่ก็เติมเข้ามาเท่านั้น
หวงจิ่งปวดหัวแทบระเบิด ยิ่งแปลกใจขึ้นไปอีก!
แววตาของอู๋ขุยซาบวูบวาบไม่หยุดเช่นกัน ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “พวกเราศึกษาพลังจิตใจมาน้อยเกินไป! ไม่อาจตรวจสอบอย่างละเอียดได้ นอกจากจะให้ปรมาจารย์ขั้นเก้ามาตรวจสอบเท่านั้น แต่ก็อาจจะหาผลที่ชัดเจนออกมาไม่ได้เสมอไป ช่างเถอะ แค่ฟางผิงคนเดียว ยังไม่คุ้มค่าต้องให้ปรมาจารย์ออกโรงเอง”
พวกตาเฒ่าหลี่มองหน้ากัน ตอนนี้สถานการณ์ยิ่งสลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
ฟางผิงเพิ่งจะทะลวงพลังจิตใจ ทุกคนรู้เรื่องนี้ดี
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการเติมเต็มปราณก่อนหน้านี้ของเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
แต่ก็จำกัดแค่พวกเขาไม่กี่คนที่เห็นเท่านั้น ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่เห็นว่าเขาเพิ่งจะทะลวงพลังจิตใจ ตอนนี้เห็นฟางผิงคงจะคิดว่าการฟื้นฟูปราณนั้นเกี่ยวข้องกับพลังจิตใจของฟางผิง
หลู่เฟิ่งโหรวคิดตามจนปวดหัวอยู่บ้าง เอ่ยว่า “ไม่สนแล้ว พวกคุณว่าอีกเดี๋ยวเขาจะมีไขกระดูกเหมือนปรอทจริงๆ หรือเปล่า?”
ก่อนหน้านี้ข้ออ้างที่เธอหาให้ฟางผิงคือพลังจิตใจแข็งแกร่งจนเคลื่อนย้ายอนุภาคพลังงาน ไขกระดูกเหมือนปรอท เพิ่มความสามารถในการสร้างปราณ
ทั้งสองอย่างรวมกันแล้ว ย่อมหาคำอธิบายที่ฟางผิงระเบิดปราณหมื่นแคลได้
ตอนนี้ฟางผิงทำได้ถึงขั้นเคลื่อนย้ายอนุภาคพลังงานจริงๆ งั้นไขกระดูกเหมือนปรอทล่ะ?
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะขึ้นมา เอ่ยอย่างมีความนัย “ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปเจอกันเขาอาจจะมีไขกระดูกเหมือนปรอทแล้วก็ได้”
พวกเขาต่างหัวเราะขึ้นมา จู่ๆ หลู่เฟิ่งโหรวกลับหันไปหาอู๋ขุยซาน เอ่ยอย่างเยียบเย็น “ลูกศิษย์ของฉัน คุณอย่าเข้ามายุ่ง ถ้าคุณกล้าวางแผนกับลูกศิษย์ฉัน ฉันจะไม่เกรงใจคุณแล้ว!”
อู๋ขุยซานขมวดคิ้วมองเธอ
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเยือกเย็น “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้จักคุณ ใครจะรู้ว่าคุณวางแผนอะไรอยู่”
“หลู่เฟิ่งโหรว อย่าได้ทำเกินไป!” อู๋ขุยซานเผยสีหน้าไม่พอใจ
“คนหน้าเนื้อใจเสืออย่างคุณ กระทั่งลูกสาวยังคิดใช้เป็นเหยื่อล่อได้ ใครจะรู้ว่าคุณ…”
“เหลวไหล!”
อู๋ขุยซานปะทุโทสะทันที เอ่ยอย่างโมโห “นั่นเป็นเพียงสายเลือดเดียวของฉัน! ฉันใช้ลูกสาวของตัวเองเป็นเหยื่อล่อ? ต่อให้ฉันเลือดเย็นยังไงก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้! หลู่เฟิ่งโหรว การตายของเสี่ยวโต่วเป็นความเสียใจและความเจ็บปวดที่สุดในชั่วชีวิตของฉัน! เป็นความรับผิดชอบของฉัน แต่ไม่อาจเป็นเหมือนที่คุณพูด เรื่องที่ฉันจงใจทำร้ายลูกสาวตัวเอง!”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเยือกเย็น “งั้นทำไมพวกคุณไม่ตาย แต่ลูกสาวฉันตาย?”
“คุณ…คุณมันเถียงข้างๆ คูๆ”
อู๋ขุยซานโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ ตอนที่เกิดเหตุในเวลานั้นลูกสาวของเขานั้นอ่อนแอที่สุด
นี่เป็นเรื่องไม่คาดฝัน แต่หลู่เฟิ่งโหรวเสียสติไปแล้ว เอาแต่คิดว่าทุกคนจงใจใช้ลูกสาวตัวเองเป็นเหยื่อล่อ
หวงจิ่งเห็นแบบนั้นจึงช่วยแก้ต่าง “เฟิ่งโหรว เรื่องนี้ทุกคนต่างไม่มีใครคาดคิด เสี่ยวโต่ว…”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยเยียบเย็น “ไม่ช้าก็เร็วฉันจะหาความจริงออกมาให้หมด เตือนพวกคุณแล้วกัน! อย่าคิดวางแผนกับลูกศิษย์ฉัน ตอนนี้ฉันสงสัยว่าการตายของลูกศิษย์ฉันพวกนั้นอาจจะเป็นฝีมือของพวกคุณเช่นกัน!”
อู๋ขุยซานสะบัดชายเสื้อออกไปทันที ผู้หญิงคนนี้เกินจะเยียวยาแล้ว!
หวงจิ่งยิ้มขื่น “เฟิ่งโหรว นั่นก็เป็นลูกศิษย์ฉันเหมือนกัน ใครจะอยากให้เกิดขึ้น ตอนนี้เธอ…ไม่…”
ไม่อาจอธิบายอะไรได้แล้วจริงๆ!
ทุกปีผู้ฝึกยุทธ์ที่ตายในถ้ำไม่ได้มีแค่คนสองคน
ตาเฒ่าหลี่ปลอบใจว่า “เฟิ่งโหรว เรื่องหลายปีมาแล้ว ใครก็ไม่อยากให้ครอบครัวของตัวเองตายในถ้ำหรอก การตายของพวกนักศึกษาเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้…”
“คุณหุบปากไปเลย ตอนนั้นคุณก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย คนแซ่หลี่อย่าคิดว่าคุณหดหัวอยู่ในกระดองแล้ว ฉันจะจำเรื่องนี้ไม่ได้!”
ตาเฒ่าหลี่เผยสีหน้าจนใจ ไม่พูดอะไรอีก
ซ่งอิ๋งจี๋วิ่งออกไปนานแล้ว หากอยู่ต่อถูกพาลโกรธไปด้วย เขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลู่เฟิ่งโหรวซะหน่อย
ทุกคนไม่พูดคุยกันอีก มองฟางผิงหลอมกระดูกด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
—————–