ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 226 ขั้นสามตอนปลาย (1)
ตอนที่ 226 ขั้นสามตอนปลาย (1)
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ฟางผิงยังคงประคองตัวอยู่ในท่าหม่าปู้ ฟื้นฟูปราณอย่างไม่หยุดหย่อน หลอมกระดูกอย่างต่อเนื่อง
ตอนแรกเขาใช้พลังจิตใจเคลื่อนย้ายอนุภาค ช่วงหลังฟางผิงกลับไม่ใช้แล้ว
ในความคิดเขาเรื่องนี้ใช้เป็นข้ออ้างหลอกคนอื่น ตอนนี้ข้างนอกมีแค่หลู่เฟิ่งโหรว ไม่มีความจำเป็นต้องหลอกอีกแล้ว
ใช้ค่าทรัพย์สินในการฟื้นฟูปราณแทน
พวกหลู่เฟิ่งโหรวที่อยู่ข้างนอก รับรู้ถึงฉากนี้เช่นกัน กลับไม่มีใครพูดอะไรอีก
สถานการณ์ของฟางผิง ตอนนี้ทุกคนต่างจับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนกัน
เว้นเสียแต่ว่าฟางผิงจะพูดเอง ไม่งั้นทำได้แค่มองว่าเป็นการกลายพันธุ์อย่างหนึ่ง
หวงจิ่งขึ้นชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ยอดฝีมือยังไม่อาจวินิจฉัยที่มาของปราณฟางผิงได้ด้วยซ้ำ
บางครั้งปรมาจารย์นั้นมีประโยชน์กว่าพวกอุปกรณ์เทคโนโลยีซะอีก นอกเสียจากจะหั่นฟางผิงเป็นชิ้นๆ เพื่อวิจัย ไม่งั้นคงยากจะสรุปความจริง
ตาเฒ่าหลี่ครุ่นคิดว่า “เป็นการกลายพันธุ์ของสมองหรือเปล่า?”
ความผิดปกติของฟางผิง ไม่ได้ชัดเจนเหมือนคนอื่นๆ ขนาดนั้น
ไขกระดูกของหวังจินหยาง กะโหลกของหลี่หานซง พลังจิตใจของเหยาเฉิงจวิน คนพวกนี้ต่างผิดปกติอย่างชัดเจน มีลักษณะที่โดดเด่น
ตอนนี้กลับมองฟางผิงไม่ออก
สามารถมองว่าเป็นความผิดปกติของพลังจิตใจได้ แต่ก่อนหน้านี้พลังจิตใจของเขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ เรื่องของปราณไม่อาจพูดได้อย่างชัดเจน
—
ห้าชั่วโมง…
สิบชั่วโมง…
หนึ่งวันหนึ่งคืน…
ตอนที่เวลาผ่านไปสี่สิบแปดชั่วโมง ฟางผิงที่อยู่ในห้องฝึกวิชาก็ตัวสั่นทั้งร่าง
หลู่เฟิ่งโหรวจับตาดูอยู่ตลอดเช่นกัน เห็นแบบนั้นจึงขมวดคิ้วว่า “แม้ปราณและพลังจิตใจจะเต็มเปี่ยม แต่กำลังกายไม่ไหวแล้ว รวมถึงสภาพจิตใจด้วย”
หลอมกระดูกติดต่อกันสี่สิบแปดชั่วโมง ไม่เคยได้ยินมาก่อน!
ผู้ฝึกยุทธ์ฝึกวิชาหนึ่งชั่วโมงสองชั่วโมงต่อเนื่องถือว่านานแล้ว
แต่ฟางผิงตอนนี้ไม่หลับไม่นอน หลอมกระดูกติดต่อกันสี่สิบแปดชั่วโมงได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัว “ยังไม่เสร็จสิ้น”
“ฉันรู้ แต่เป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่ายากจะสำเร็จ”
“ดูกันอีกทีเถอะ”
ทั้งสองคนไม่พูดอะไรอีก หลับตาเริ่มรวบรวมสมาธิ
—
“เหนื่อยชะมัด!”
“ง่วงจะตายอยู่แล้ว!”
ฟางผิงรู้สึกว่าสมองพร่ามัวเช่นกัน แม้ว่าตอนนี้พลังจิตใจจะอยู่ที่สี่ร้อยเฮิรตซ์ ประคองการหลอมกระดูกมาสองวันสองคืน แต่สภาพจิตใจยังคงเมื่อยล้า
ควบคุมขั้นตอนให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องซ้ำไปซ้ำมาถึงสี่สิบแปดชั่วโมง เป็นเรื่องที่คนรับไม่ไหว เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าได้เช่นกัน
“ต้องหาเรื่องอะไรมาดึงความสนใจสักหน่อย…”
ฟางผิงที่อยู่ในสภาวะสะลึมสะลือ จู่ๆ ก็ลืมตาตะโกนไปข้างนอก “อาจารย์ ยังอยู่หรือเปล่าครับ?”
หลู่เฟิ่งโหรวลืมตาขึ้น ไม่พูดอะไร
“อาจารย์ พกยาบำรุงมาหรือเปล่า? ผมจะช่วยคุณนับดู ผมง่วงมากจะหลับอยู่แล้ว”
หลู่เฟิ่งโหรว “…”
“อาจารย์ อยู่หรือเปล่าครับ? จะหลับแล้วจริงๆ ทั้งง่วงทั้งเหนื่อย ยื้อไม่ไหวแล้ว”
“อาจารย์ ไม่มียาบำรุง นับเงินก็ได้ ไม่งั้นเอาคอมมาให้ผมสักเครื่องก็ได้ ผมจะดูหนัง…”
หลู่เฟิ่งโหรวใบหน้าดำคล้ำ ตาเฒ่าหลี่หาวหวอด “เสี่ยวซ่ง!”
ซ่งอิ๋งจี๋เดินเข้ามาทันที ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไป ส่งภาพชำแหละร่างกายมนุษย์ให้เขาตื่นตัวสักหน่อย”
ซ่งอิ๋งจี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เหมาะมั้งครับ สมาธินั้นกระจัดกระจายได้ง่าย หลอมผิดที่ขึ้นมา…”
“ไม่เป็นไร เขากลัวตายจนขึ้นสมอง ต้องดึงสมาธิตัวเองได้แน่”
“ได้ครับ ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ”
—
ไม่นานประตูใหญ่ของห้องฝึกวิชาก็ถูกเปิดออก
ไม่มีใครเดินเข้ามา มีเพียงหนังสือภาพเล่มหนึ่งถูกโยนเข้ามา
ฟางผิงไม่ขยับฝีเท้า ลองใช้พลังจิตใจพลิกอัลบั้มเล่มนั้น
แต่พลังจิตใจเขายังอ่อนแออยู่บ้าง หนังสือภาพขยับเล่มน้อย กลับไม่พลิกขึ้นมาแต่อย่างใด
ตาเฒ่าหลี่ที่อยู่ด้านนอกเห็นเหตุการณ์ รู้สึกอิจฉาขึ้นมา เอ่ยว่า “เหมือนจะแข็งแกร่งกว่าฉันหน่อย”
หลู่เฟิ่งโหรวกลับไม่สนใจ อ่อนแอกว่าเธอเยอะเลย
แน่นอนว่าพลังจิตใจประเภทนี้ก็เทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดที่สัมผัสได้ถึงเขตแดนของจิตใจ
ตาเฒ่าหลี่ฝีมือไม่อ่อนด้อย แต่พลังจิตใจนั้นธรรมดาจริงๆ ยังไม่ได้แข็งแกร่งเท่าฟางผิง
—
ฟางผิงที่อยู่ในห้อง ยังไม่อาจใช้พลังจิตใจเปิดหนังสือภาพ ทำได้เพียงอาศัยพลังควบคุมเคลื่อนย้ายฝีเท้า ใช้ปลายเท้าพลิกหน้าหนังสือ
รอจนเห็นภาพสมองที่เปียกชุ่มด้วยเลือดถูกชำแหละออก…
จู่ๆ ฟางผิงก็เผยท่าทีเยือกเย็นขึ้นมา ตอนนี้เขาอยากสูบบุหรี่สักมวน จากนั้นออกไปทุบคนพวกนั้นสักหน่อย
เขาเดาว่าตาเฒ่าหลี่น่าจะอยู่ข้างนอก ซ่งอิ๋งจี๋เป็นผู้ช่วย ส่วนหลู่เฟิ่งโหรวคงเห็นด้วยโดยปริยาย
หากเขาอยู่ขั้นหกสูงสุด หรือเป็นปรมาจารย์ คงทำอะไรง่ายขึ้นแล้ว
จะออกไปจัดการคนพวกนั้นให้กลายเป็นผัก จากนั้นจะส่งพวกเขาไปห้องทดลองดูคนชำแหละสมอง!
“ฉันต้องการพลัง ต้องแข็งแกร่งให้ได้ ครั้งหน้าจะพาพวกเขาไปดูสมองของผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงถูกชำแหละ!”
ฟางผิงโกรธเคืองอย่างมาก ไม่ช้าก็เร็วฉันจะบอกพวกนายว่า สมองของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกขั้นเจ็ดก็สามารถชำแหละได้เหมือนกัน
—
วันที่สามค่าทรัพย์สินของฟางผิงใกล้จะหมดลงแล้ว
และการหลอมกระดูกก็มาถึงช่วงสุดท้ายแล้วเช่นกัน
หลอมกระดูกติดต่อกันหกสิบชั่วโมง แม้จะมีหนังสือกระตุ้นอีก ตอนนี้ฟางผิงก็ตกอยู่ในสภาวะที่สมองพร่าเบลอแล้วจริงๆ
จวบจนรับรู้ถึงกระดูกสันหลังที่ร้อนระอุ กระดูกทั่วร่างกำลังกระตุก ปราณไหลอย่างเดือดพล่าน…
ฟางผิงได้สติทันที จะเสร็จสิ้นแล้ว!
“ฟางผิง อย่าลืมลองหลอมไขกระดูก!”
ด้านนอกประตู มีเสียงของหลู่เฟิ่งโหรวดังขึ้นมา
ฟางผิงตะโกนว่า “เข้าใจแล้ว!”
ครู่ต่อมา ปราณของฟางผิงกลอกกลิ้งอย่างรวดเร็ว กระดูกทั่วร่างดังกรอบแกรบ กระดูกสันหลังยิ่งสั่นสะเทือนไม่หยุดหย่อน
ภายนอกร่างกายมีเลือดเสียไหลหยดออกมาราวกับน้ำ
“ร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลง เชื่อมวงจรใหญ่สำเร็จแล้ว!”
แววตาที่ขุ่นมัวของฟางผิงกำลังเปล่งประกาย!
ปราณที่อุดตันก่อนหน้านี้ ไหลเวียนผ่านกะโหลกขึ้นไปอย่างราบรื่น
“ร้อนจัง!”
กระดูกสันหลังกำลังร้อนระอุ ทุกครั้งที่ปราณไหลเวียน คล้ายจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นส่วนหนึ่ง
เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังผ่านไปสิบกว่าครั้ง จู่ๆ ฟางผิงก็ไอออกมาอย่างรุนแรง กระอักเอาเลือดเสียออกมา
“กำลังเปลี่ยนร่างแล้ว!”
ฟางผิงมองกล้ามเนื้อตัวเองหดเกร็งและขยายอย่างไม่หยุดหย่อน ทุกครั้งที่หดและขยายจะทำให้ผิวหนังกระชับขึ้นมาหลายส่วน
นี่คือกล้ามเนื้อกำลังลอกคราบ!
ทั้งร่างกาย กระดูกและปราณต่างมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
ขั้นสามตอนปลายไม่เหมือนกับระดับอื่นจริงๆ
แม้ในช่วงที่เป็นคนธรรมดา เขาจะหลอมกระดูกทั่วร่างสามครั้ง ก็ไม่ได้มีผลชัดเจนเหมือนอย่างตอนนี้
“พื้นผิวร่างกายแปรสภาพไปยังร่างทอง นี่คือจะปูพื้นฐานของร่างทอง?”
การตื่นรู้อย่างต่อเนื่องทำให้สมองของฟางผิงเริ่มมีสติขึ้นมา
ครู่ต่อมาการเปลี่ยนร่างก็ดำเนินมาเกือบถึงตอนจบ สาเหตุที่เป็นแบบนั้นมาจากปราณหมดเกลี้ยง
ฟางผิงลองมองกระดานข้างหน้า ค่าทรัพย์สินยังเหลืออีกสามล้านกว่า
ฟางผิงกัดฟัน เติมเต็มปราณอย่างรวดเร็ว
ไม่นานการเปลี่ยนร่างก็เริ่มต่อเนื่องอีกครั้ง
ผิวหนัง เส้นเลือด กระดูก ปราณ รวมถึงอวัยวะภายใน ราวกับกำลังลอกคราบ
“ปราณไม่พอ ทะลวงเข้าไปในส่วนลึกของกระดูกไม่ได้”
ฟางผิงขมวดคิ้ว เริ่มเพิ่มปราณอีกครั้ง
ค่าทรัพย์สินลดฮวบอย่างไม่หยุดเช่นกัน
สองล้าน…หนึ่งล้าน…ห้าแสน…
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ค่าทรัพย์สินถูกใช้จนหมดเกลี้ยงกลายเป็นศูนย์!
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางผิงใช้ค่าทรัพย์สินจนเกลี้ยงจริงๆ ไม่เหลือสักแดงเดียว
เสียงดังลั่นติดต่อกันพักหนึ่ง ก่อนการเปลี่ยนร่างของขั้นสามตอนปลายจะเป็นที่สำเร็จ
รีบดูตัวเลขอีกครั้ง ตอนที่เห็นว่าเหลือศูนย์ ฟางผิงก็คล้ายจะสุขและเศร้าในเวลาเดียวกัน
ค่าทรัพย์สิน : 0
ปราณ : 209 แคล (999 แคล)
จิตใจ : 300 เฮิรตซ์ (510 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (90%) , 29 ชิ้น (30%)
“ฉันทะลวงขั้นสามตอนปลายแล้ว…”
“แต่ฉันกลายเป็นยาจกขนานแท้! สิ้นเนื้อประดาตัว ค่าทรัพย์สินใช้จนหมด ยังแบกหนี้อีกหนึ่งพันคะแนน…”
“เพื่อแตะถึงขั้นสามตอนปลาย ตกลงฉันใช้เงินไปเท่าไหร่กัน? เสียค่าทรัพย์สินไปอีกเท่าไหร่?”
ฟางผิงแทบไม่กล้าคำนวณ เขารู้เพียงว่าตอนนี้กระทั่งค่าทรัพย์สินที่จะฟื้นฟูปราณและพลังจิตใจให้เต็มยังไม่มี
แน่นอนว่าการอัปเกรดของขั้นสามตอนปลาย คงไม่ใช่แค่เรื่องกระดูกและปราณเพียงอย่างเดียว
ผิวหนังเส้นเอ็นของเขาต่างแตะถึงขีดจำกัดหนึ่ง เกรงว่าจะไม่ห่างจากขั้นสามสูงสุดมากแล้ว
ลองเคาะหลังมือตัวเองเบาๆ กลับมีเสียงดังก้องและผิวสัมผัสราวกับทอง
———————-