ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 227 เงื่อนไขสูงเกินไป (1)
ตอนที่ 227 เงื่อนไขสูงเกินไป (1)
ต่อให้มั่นใจยังไงก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริง
ไม่มีเงิน ไม่มีค่าทรัพย์สิน ทั้งยังแบกหนี้อีกหนึ่งพันคะแนน ตอนนี้เหลือแค่สามร้อยสี่สิบคะแนน ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่
ตอนที่ฟางผิงแลกรองเท้าโลหะผสมระดับ C สวมชุดเกราะที่ทำจากหนังสิ่งมีชีวิตขั้นสี่ของถ้ำใต้ดิน พร้อมทั้งถือดาบเฟิ่งจุ่ยที่ประกอบเสร็จแล้วขึ้นมา
ฟางผิงที่อยู่หน้ากระจกตอนนี้สงสารตัวเองจริงๆ
“คนหล่อ แต่น่าเสียดายไม่มีเงิน”
“บางทีอาจต้องหาเงินก้อนใหญ่กันแล้ว!”
บ่นพึมพำกับตัวเอง ฟางผิงตกอยู่สถานการณ์ไร้ทางเลือกอีกครั้ง ไม่มีค่าทรัพย์สิน นั่นหมายความว่าตอนนี้เขาเป็นมือใหม่ของขั้นสามตอนปลายอย่างแท้จริง ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายที่ไร้เทียมทาน
—
ไม่มีเวลาสงสารตัวเองมาก ฟางผิงแต่งชุดเต็มยศแล้วก็สาวเท้าออกมาจากหอพัก
ฟู่ชางติ่งเดินเข้ามาพอดี เห็นฟางผิงถือดาบออกไปข้างนอกจึงเอ่ยอย่างตกใจ “นายจะสู้ตายกับประธานฉิน?”
ฟางผิงทำหน้างงงวย “สู้ตาย?”
“ประธานฉินกำลังตามหานายอยู่ จะบั่นคอนายแล้ว นายไม่รู้เรื่อง?”
“หา?”
“นายคิดดอกเบี้ยเขาร้อยละสิบ มากกว่าคนอื่นตั้งสามเท่า เขาโมโหแทบจะกระอักเลือดแล้ว เมื่อกี้ฉันยังเห็นเขาถือดาบมาป้วนเปี้ยนแถวหอพักพวกเราอยู่เลย…”
“ตามหาฉัน?”
“น่าจะอย่างนั้น”
ฟางผิงใบหน้าดำคล้ำ ฉินเฟิ่งชิงรู้ว่าเขาทะลวงด่านแล้ว?
นี่คือจะฉวยโอกาสที่ตัวเองยังไม่ทะลวงขั้นสี่ ชิงความได้เปรียบลงมือ อัดเขาก่อนอย่างนั้นสินะ?
“เขายังอยู่หรือเปล่า?”
“นายจะสู้สุดชีวิตกับเขาจริงๆ?” ฟู่ชางติ่งตกใจอย่างมาก ตอนนี้ฟางผิงเยี่ยมยอดซะไม่มี กระทั่งฉินเฟิ่งชิงยังกล้าท้าสู้ตัวต่อตัว
ชายโหดผู้นี้เคยสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ที่หนีจากเงื้อมมือของยอดฝีมือขั้นห้า ในขั้นสามถูกจัดอยู่ที่อันดับหก เป็นคนที่ห้าวหาญอย่างแท้จริง
แม้จะจัดอันดับทั่วประเทศ ฉินเฟิ่งชิงก็สามารถอยู่ในร้อยอันดับแรกของขั้นสามถึงกระทั่งห้าสิบอันดับแรกอยู่ดี
ตอนแรกหวังจินหยางถูกจัดในสามสิบอันดับแรกของขั้นสามทั่วประเทศเช่นกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าหวังจินหยางเท่าไหร่ ผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าสู่การจัดอันดับได้ล้วนมีจุดเด่นของตัวเอง
ฟางผิงไม่ตอบกลับ สาวเท้าเดินออกไปถึงช่องบันได มองผ่านจากหน้าต่างทางเดินลงไป
ยังดีคนไม่อยู่แล้ว
คนไม่อยู่ ฟางผิงค่อยวางใจ เวลานี้ตัวเองแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็เป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดเช่นกัน
เขาในเวลานี้ปราณระดับเดียวกัน สู้กับตัวเองก่อนหน้านี้ได้ห้าคนด้วยซ้ำ
แต่เพราะค่าทรัพย์สินเป็นศูนย์ ยาบำรุงเหลือศูนย์ ตอนนี้เขาเจอกับฉินเฟิ่งชิง โอกาสที่จะถูกอัดปางตายมีเยอะถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แม้หมอนั่นจะเป็นยาจกเหมือนกันก็ตาม
ฟู่ชางติ่งยืนหัวออกไปสอดส่องเช่นกัน ไม่เจอคน จู่ๆ ก็ตะโกนว่า “ประธานฉิน ยังอยู่หรือเปล่า?”
‘พลั่ก!’
ฟางผิงยื่นมือไปตบหน้าผากเขาอย่างแรง เอ่ยอย่างหงุดหงิด “นายจะทำอะไร?”
“นายจะสู้เอาเป็นเอาตายกับเขาไม่ใช่หรือไง” ฟู่ชางติ่งไร้คำจะพูดเช่นกัน นายไม่ได้ต้องการอย่างนี้หรอกเหรอ?
“ไอ้เวร!”
คร้านจะสนใจหมอนี่ ยุ่งเรื่องคนอื่นเพื่อให้บานปลายชัดๆ
ตัวเองยังไม่ได้ฝึกวิชาต่อสู้ ค่าทรัพย์สินโล่งเกลี้ยง เป็นบ้าน่ะสิถึงได้ท้าประลองเอาชีวิตกับฉินเฟิ่งชิง
“ฉันจะออกไปข้างนอกหน่อย อีกอย่างช่วงนี้ฉันอยากจัดงานเลี้ยงเลื่อนขั้น นายคิดว่าเป็นยังไง? พวกนักศึกษาจะส่งของขวัญร้อยแปดพันเก้ามาให้ฉันหรือเปล่า?”
ฟางผิงคิดว่างานเลี้ยงเลื่อนขั้นประเภทนี้ อันที่จริงเป็นโอกาสดีในการหาเงินอย่างหนึ่ง
แค่ไม่รู้ว่าทุกคนจะยอมรับหรือเปล่า?
เห็นได้ชัดว่าโอกาสที่จะยอมรับมีน้อยมาก ฟู่ชางติ่งหลุดขำว่า “ให้ซองแดงนายสักสี่ห้าร้อยหยวนได้อยู่แล้ว หลักหมื่น นายฝันอยู่หรือไง? อีกอย่างนายจัดงานเลี้ยงเลื่อนขั้นให้ใคร นายเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม…”
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายไม่นับว่าอ่อนแอหรอกมั้ง?”
ฟู่ชางติ่งสีหน้าเปลี่ยนทันที มุมปากกระตุกว่า “ขั้นสามตอนปลาย?”
“ครั้งก่อนเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไง? นายขั้นสองตอนปลาย ฉันขั้นสามตอนปลาย นายเข้าสู่ขั้นสองตอนปลาย ฉันก็ไม่รั้งท้ายนายแล้วเหมือนกัน?”
“นาย…”
ฟู่ชางติ่งตกตะลึงจนไปไม่ถูก ฉันขั้นสอง นายขั้นสามเถอะ!
สองอย่างนี้เหมือนกันที่ไหน?
ตอนที่ฉันอยู่ขั้นหนึ่งตอนกลาง นายยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์เลย
ตอนนี้เขาเพิ่งจะทะลวงขั้นสองตอนปลาย ฟางผิงกลับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายแล้ว?
ฟู่ชางติ่งสับสนงงงวย แทบจะตั้งข้อสงสัยกับชีวิตตัวเองแล้ว
ฟางผิงมองจากความหมายของเขา เห็นได้ชัดว่าคงไม่มีของขวัญอะไรมากมาย ชั่วขณะนั้นจึงทิ้งความคิดจัดงานเลี้ยงไป
แต่รอเขากลายเป็นปรมาจารย์แล้ว ต้องจัดงานอย่างยิ่งใหญ่สักหน่อย!
งานเลี้ยงของปรมาจารย์นั้นมีอยู่จริงๆ
ทุกคนที่มีคนเลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์ มีปรมาจารย์เพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน นั่นหมายถึงมียอดฝีมือที่ชำนาญการรบขึ้นมาอีกคน
ยอดฝีมือเช่นนี้เลื่อนขั้น ไม่ว่าจะในองค์กรหรือภายนอกต่างให้ความสำคัญ งานเลี้ยงของปรมาจารย์ นั่นถึงจะเรียกว่ายิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
น่าเสียดายที่ตอนนี้ฟางผิงยังไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วม
—
ทิ้งฟู่ชางติ่งไว้ ฟางผิงลงจากตึกสอดส่องอีกพักใหญ่ ไม่เจอตัวฉินเฟิ่งชิง เวลานี้ค่อยออกไปจากมหาวิทยาลัยอย่างระแวดระวัง
ตอนนี้หมอนั่นไม่ต่างจากเขามาก จนจะตายอยู่แล้ว เขายังเก็บดอกเบี้ยจากหมอนั่นสูง เปลี่ยนเป็นเขาเอง คงอยากจะสู้เอาเป็นเอาตายสักรอบเหมือนกัน
“จนเหมือนกันไปหมด!”
เดินไปฟางผิงก็ถอนหายใจไปด้วย จนถึงกระทั่งรถยังขับไม่ได้ ค่าน้ำมันต้องใช้เงินเหมือนกัน
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ทำไมหวังจินหยางถึงได้ตามหาหวงปินไปทั่วทุกหนทุกแห่งเพื่อเงินแค่ห้าแสน
ตอนที่ฟางผิงอยู่ขั้นหนึ่งขั้นสอง ยังไม่ขาดแคลนเงินเท่าไหร่ เงินห้าแสนนั้นไม่อยู่ในสายตาจริงๆ พอถึงขั้นสามแล้ว ตอนนี้ขาดแคลนจริงๆ
—
สิบนาทีต่อมา
อาคารพาณิชย์
ตอนที่ฟางผิงมาถึง ทั่วทั้งบริษัทหยวนฟางเงียบสงบลงชั่วพริบตา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงทักทายอย่างกระตือรือร้น แฝงด้วยหวั่นเกรงอยู่บ้าง
“สวัสดีประธานฟาง!”
ถูกจัดอันดับที่เก้าสิบหกของขั้นสาม เคยสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด ตอนนี้ฟางผิงไม่ใช่มือใหม่ของเซี่ยงไฮ้เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
มือใหม่ของเซี่ยงไฮ้ ต่อให้เก่งยังไงก็เป็นแค่นักศึกษาใหม่ ไร้ประสบการณ์
แต่ตอนนี้ฟางผิงที่เคยสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายถูดจัดอยู่ในลำดับสูงสุดของขั้นสามแล้ว
สำหรับคนทั่วไป ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งยังคุ้มค่าให้ความหวั่นเกรงแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามเช่นนี้
แม้จะอยู่เซี่ยงไฮ้ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางก็ยากจะพบเห็นเช่นกัน
ฟางผิงเห็นมาเยอะ นั่นเป็นเพราะอาจารย์ของเซี่ยงไฮ้ต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง เดิมทีมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ใช่องค์กรพื้นๆ
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ชื่อดังแห่งหนึ่ง เทียบได้กับหน่วยงานราชการระดับมณฑล
เมืองที่ใหญ่อย่างหนานเจียง จะมีปรมาจารย์ทั้งหมดกี่คนกัน?
แต่ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีปรมาจารย์สี่คน หากไม่ใช่ว่าปีก่อนจางติ้งหนานทะลวงด่าน ปรมาจารย์ทั้งหนานเจียงคงไม่เท่ากับในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พอดี
ในความเป็นจริงนั้นสู้ไม่ได้ เพราะมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีปรมาจารย์ขั้นแปดถึงสองคน
สำหรับความเคารพจากพนักงาน ฟางผิงพยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่ได้ชอบให้เยิ่นยอเท่าไหร่
ครั้งก่อนที่ทำภารกิจ ไปที่ไหน ผู้อำนวยการของสถานที่นั้นบางส่วนก็จะประจบเอาใจเช่นกัน ฟางผิงเห็นเรื่องพวกนี้จนชินแล้ว
หลังจากพนักงานทักทายแล้ว หลี่เฉิงเจ๋อก็ออกมาจากห้องทำงาน
“คุณฟาง…”
ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย สาวเท้าเข้าไป รอจนเข้าไปในห้องทำงานแล้ว ฟางผิงจึงเอ่ยว่า “เรื่องลงทุนเป็นยังไงบ้าง?”
ปลายเดือนห้า หลี่เฉิงเจ๋อโทรบอกเขาว่า เรื่องลงทุนเริ่มมีแววแล้ว
ตอนนี้มาถึงวันที่สี่มิถุนายนแล้ว ตอนนี้ฟางผิงแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว จึงร้อนใจอยู่บ้าง
หลี่เฉินเจ๋อเอ่ยว่า “สถานการณ์เป็นแบบนี้ครับ ความต้องการของอีกฝ่ายคือให้เงินลงทุนกับแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตของพวกเรา การส่งของรวมถึงธุรกิจส่งอาหาร พวกเขาไม่อยากลงทุนเท่าไหร่ คิดว่ารูปแบบนี้สิ้นเปลืองเกินไป เรื่องพวกนี้พวกเขาล้วนแนะนำให้พวกเราจ้างคนภายนอก ไม่ใช่วางโครงสร้างเอาเอง ไม่งั้นนอกจากจะสิ้นเปลืองเวลาแล้ว ยังเสียเงินทุนอีกมาก”
“เสนอราคาเท่าไหร่?”
“ทางแพลตฟอร์ม พวกเขายินดีร่วมลงทุนยี่สิบล้าน หลังจากลงทุนแล้วจะถือครองหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์”
——————-