ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 228-2 คำแนะนำของอาจารย์ (2)
ตอนที่ 228 คำแนะนำของอาจารย์ (2)
หลู่เฟิ่งโหรวกลอกตา เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ราชสีห์ถังคนนี้…จะว่ายังไงดีล่ะ บางทีความฉลาดทางอารมณ์ยังมีไม่พอ แต่จริยธรรมนั้นพอใช้ได้ เขานำทีมคงไม่พุ่งเป้าใครหรือทำร้ายใครเป็นพิเศษหรอก เข้าใจหรือเปล่า?”
“เข้าใจแล้วครับ!”
ฟางผิงถอนหายใจอย่างโล่งอก หลู่เฟิ่งโหรวพูดแบบนี้หมายความว่าหัวสิงโตนั้นไว้ใจได้
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อ “ราชสีห์ถังนำทีม เขามีพลังของขั้นหกสูงสุด ความปลอดภัยของพวกเธอมีหลักประกันอยู่แล้ว หากไม่จำเป็นอย่าแยกห่างจากเขา”
“ครับ”
“หากเจอกับวิกฤตจริงๆ หาวิธีติดต่อกับพ่อฉันในถ้ำ แน่นอนว่าโอกาสมีน้อย ถ้ำใต้ดินนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ฉันไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าเขาอยู่ที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นข้างในยังอันตรายมาก เขายังมีชีวิตอยู่หรือ…”
หลู่เฟิ่งโหรวส่ายหัวเบาๆ พ่อของเธอเข้าถ้ำไปปีกว่าไม่ส่งข่าวสารอะไรกลับมาเลย
ต้นปีที่แล้ว เธอยังได้เจอครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอีกเลย หลู่เฟิ่งโหรวไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นหรือตาย
แม้จะไม่มั่นใจ แต่หลู่เฟิ่งโหรวยังคงมอบนาฬิกาพกหนึ่งอันให้ฟางผิง
“นี่คือของที่พ่อฉันทิ้งไว้ให้ มีรูปเขาอยู่ เจอเขาสามารถขอความช่วยเหลือได้ หากไม่เจอก็อย่าได้ฝืนเกินตัว”
ฟางผิงรับนาฬิกาพกมาด้วยสีหน้าจริงจัง นี่เป็นของเครื่องยืนยันของปรมาจารย์ขั้นเจ็ดสูงสุด ไม่แน่ว่าอาจจะเจอตัว หลอกผลประโยชน์มาได้นิดหน่อย
“อีกอย่าง…จำไว้ให้ดี เธอคอยปกป้องเสวี่ยเหมยก็พอแล้ว ส่วนเฉินอวิ๋นซี หากเจอปัญหา สามารถหนีไปกับเธอได้”
“หา?”
“ตระกูลเฉินรุ่นที่สามมีลูกสาวแค่คนเดียว ผู้เฒ่าเฉินมีหลานชายทั้งหมดหกเจ็ดคน หลานสาวแค่เธอคนเดียว น่าจะทำทางหนีที่ไล่ไว้แล้ว หนีไปกับเธอ ปลอดภัยยิ่งกว่าตามคนอื่น ก่อนหน้านี้ฉันบอกให้ปกป้องอวิ๋นซี อันที่จริงจะบอกเธอว่า โอกาสมีชีวิตรอดของอวิ๋นซีมีมากกว่าเธอ”
“เข้าใจแล้วครับ!”
ฟางผิงตอบอย่างรวดเร็ว หากเจอปัญหาจริงๆ ยังคงมีทางรอดอยู่
หลู่เฟิ่งโหรวครุ่นคิด ท้ายที่สุดยังเอ่ยว่า “ระวังตัวจากปรมาจารย์คนอื่นๆ ของเซี่ยงไฮ้หน่อย นอกจากอธิการเฒ่าแล้ว คนอื่นๆ ระวังตัวให้หมด”
ฟางผิงงุนงงอย่างยิ่ง
หมายความว่ายังไง?
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ปรมาจารย์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของพวกเรา รวมถึงอู๋ขุยซานต่างให้ความสำคัญกับมนุษยชาติมาเป็นอันดับแรก ส่วนอื่นๆ เป็นเรื่องรอง เข้าใจความหมายฉันใช่ไหม?”
“ไม่ค่อยเข้าใจ”
“โง่!”
หลู่เฟิ่งโหรวด่าออกมา ขมวดคิ้วว่า “เพื่อสถานการณ์โดยรวม พวกเขาสามารถเสียสละส่วนน้อยออกไปได้ เธอก็อยู่ในขอบเขตส่วนน้อยนี้เหมือนกัน เรื่องของเธอยังไม่ชัดเจน ใครจะรู้ว่าพวกเขาคิดอะไร แน่นอนว่าโอกาสไม่สูงมาก ยังไงเธอก็เป็นนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้ พลังจิตใจไม่อ่อนด้อย มีหวังจะเป็นปรมาจารย์ เพื่อส่วนรวม พวกเขาอาจจะเลือกปกป้องเธอ แต่ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนี้ แต่เป็น…”
ฟางผิงรีบละล่ำละลัก “คุณกังวลอะไรเหรอครับ?”
จู่ๆ แววตาของหลู่เฟิ่งโหรวก็สะท้อนวูบวาบ ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “เพื่อมนุษยชาติ เพื่อส่วนรวม ดังนั้นฉันอย่าได้กลายเป็นปรมาจารย์จะดีกว่า แต่กลายเป็นปรมาจารย์ แก่นแท้ พลังและจิตวิญญาณต้องรวมเป็นหนึ่ง ยิ่งลูกศิษย์ฉันตายไปมากเท่าไหร่ บางทีอาจกระทบกระเทือนจิตใจฉันได้มากเท่านั้น เมื่อสามสิ่งไม่อาจรวมเป็นหนึ่งย่อมทะลวงเป็นปรมาจารย์ไม่ได้ เรื่องพวกนี้ฉันคาดเดาเอาเอง แต่ว่าอาจเป็นไปได้เหมือนกัน สรุปแล้วเธอต้องระวังตัวหน่อย พวกเขาอาจจะอ้างเรื่องส่วนรวม คิดขวางทางทะลวงด่านเป็นปรมาจารย์ของฉัน อาจจะไม่จงใจลงมือกับใครเป็นพิเศษ แต่พอเห็นยามคับขันก็จะไม่ช่วย หรืออาจจะจัดการให้ไปทำภารกิจยากๆ มีโอกาสเกิดขึ้นสูงเหมือนกัน”
ฟางผิงนิ่งอึ้งไป หมายความว่าไง?
เพื่อไม่ให้หลู่เฟิ่งโหรวทะลวงด่าน ปรมาจารย์พวกนี้อาจจะจงใจนั่งมองดูลูกศิษย์ของเธอตายเฉยๆ คงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง?
ในความคิดของฟางผิง ไม่ว่าจะหวงจิ่งหรืออู๋ขุยซาน…แน่นอน อันที่จริงเขาก็ไม่คุ้นเคยกับคนพวกนี้
ฟางผิงเพียงรู้สึกว่าปรมาจารย์เหล่านี้ เพื่อมวลมนุษยชาติต่างพยายามต่อสู้สุดชีวิต บุกตะลุยโจมจีข้าศึกในสงคราม ปกป้องประเทศชาติ เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล
คนพวกนี้จะทำเรื่องพรรค์นั้นออกมาได้จริงๆ เหรอ?
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างอ่อนล้าอยู่บ้าง “รู้เรื่องนี้ไว้ดีแล้ว ยังไงฉันทะลวงด่านแล้วก็ต้องลงถ้ำอยู่ดี หากไม่ใช่ฉันตายก็เป็นคนอื่น ฉันตายแล้ว ความสูญเสียคงไม่เยอะ อีกฝ่ายตายไปจะทำยังไง? ยอดฝีมือขั้นเก้า เป็นถึงผู้ดูแลเมือง ตายแล้วเกรงว่าสงครามใหญ่คงอยู่ไม่ไกล ประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า? อาจจะอย่างนั้น! แต่บางเรื่อง ฉันรู้แล้วก็ต้องทำอยู่ดี ฉันไม่ได้มีคุณธรรมล้นฟ้าเหมือนพวกเขา ฉันไม่สนใจหรอกว่ามนุษยชาติทั้งหมดจะเป็นยังไง ฉันรู้แค่ว่ามีแค้นก็ต้องชำระ! สรุปแล้ว สถานการณ์แบบนี้ หากเจอตาเฒ่าพวกนี้ในถ้ำ อย่าเข้าไปตีสนิทซี้ซั้ว ปรมาจารย์อยู่เหนือคนธรรมดาไปแล้ว ใครจะรู้ว่ายังมีนิสัยของคนอยู่หรือเปล่า รวมถึงพ่อฉันด้วย ใครจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่? บางทีรอให้ฉันทะลวงเป็นปรมาจารย์แล้วถึงจะรู้ได้ เธอจำไว้ให้ดีละกัน ชีวิตเป็นของตัวเอง ฉันกำชับเธอขนาดนี้แล้ว หากยังตายอย่ามาโทษฉันแล้วกัน”
ฟางผิงทำหน้าราวกับจะร้องไห้ “ตอนแรกผมไม่ได้กลัวเท่าไหร่ พออาจารย์พูดถึงขนาดนี้ ตอนนี้ผมกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว รู้สึกว่ามีแต่ศัตรูเต็มไปหมด ทุกคนล้วนอยากเอาชีวิตผม”
“นี่ก็ถูกแล้ว”
“อาจารย์ งั้นคุณมีพวกของที่ช่วยชีวิตได้หรือเปล่า? อย่างเช่นม้วนหนังสือโบราณที่ปิดผนึกพลังอาจารย์เอาไว้ หรืออาวุธที่แสดงอานุภาพของปรมาจารย์ออกมาได้ในครั้งเดียว หรืออย่างเช่น…”
หลู่เฟิ่งโหรวมองเขาราวกับคนโง่ ผ่านไปพักหนึ่งค่อยเอ่ยว่า “ฉันอยากได้เหมือนกัน ถ้ามีจริงๆ เธอส่งให้ฉันบ้างสิ?”
“งั้นยาบำรุงคงมีสินะครับ? ให้ผมสักหน่อยดีไหม ยาคืนชีวิตสักสี่ห้าร้อยเม็ด…”
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นหัวเราะ เอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ยาคืนชีวิตไม่มี แต่ยังมีของดีเล็กน้อยให้เธอ”
พูดจบ หลู่เฟิ่งโหรวก็ควักขวดยาออกมาจากลิ้นชัก โยนให้ฟางผิง “ยาระเบิดปราณ เอาไป!”
“ยาระเบิดปราณ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางผิงเห็นยาระเบิดปราณ
“ไม่มีประโยชน์มากมายอะไร ประโยชน์อย่างเดียวคือกลืนลงไป ปราณจะเดือดพล่านขึ้นมา…ไม่สิ เผาไหม้! ปราณที่เผาไหม้สามารถระเบิดอานุภาพได้ร้ายแรงยิ่งกว่า!”
“ประสิทธิภาพของยานี้ ผมเหมือนเคยได้เห็นในทีวี…”
“ทีวีนั้นอิงตามเรื่องจริงเช่นกัน หลังจากใช้ยาระเบิดปราณ ปราณทั้งหมดจะลุกโชนขึ้นมาทันที หากฆ่าศัตรูไม่ได้ ก็รอความตายไปเถอะ แน่นอนเธออาจไม่เป็นอย่างนั้น ฉันถึงเอาให้เธอ หากเจอกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขั้นห้าจริงๆ สามารถลองได้ เผาไหม้ปราณหมดแล้ว เธอตายไม่ได้หรอก เธอฟื้นฟูใหม่ได้ไม่ใช่หรือไง?”
ระหว่างที่พูด หลู่เฟิ่งโหรวเหมือนจะคิดอะไรได้ เอ่ยเสริมว่า “ยาระเบิดปราณนั้นผลาญปราณทั่วร่างเกลี้ยงในครั้งเดียว หากเธอดึงปราณออกมาประคองชีวิตไม่ทัน นั่นก็เท่ากับตาย ยังต้องการอยู่หรือเปล่า?”
“ยาที่กินแล้วตาย?” ฟางผิงพึมพำ
ความหมายของคำพูดนี้ชัดเจนเกินไปแล้ว ผลาญปราณเกลี้ยงในครั้งเดียว ศัตรูไม่ตาย งั้นตัวเองก็กลายเป็นศพแห้ง
“อาจไม่ตายเสมอไป ฆ่าศัตรูแล้ว หยุดการปะทุปราณ กินยาบำรุงเลือดและปราณเยอะหน่อยก็ไม่ตายแล้ว เว้นเสียว่าหยวนชี่ของร่างกายจะได้รับบาดเจ็บหนัก”
หลู่เฟิ่งโหรวพูดประโยคที่ไม่รับผิดชอบออกมา ก่อนจะเอ่ยว่า “สามเม็ด หากเธอกินแล้วไม่ตาย คราวหลังสามารถเตรียมไว้ให้ตัวเองได้”
ฟางผิงยิ้มอย่างไม่อาย “อาจารย์ เอาให้ผมเยอะอีกหน่อย ยังไงคนอื่นกินก็ต้องตาย…”
ของชิ้นนี้ดีจะตายไป!
หลู่เฟิ่งโหรวให้เขาสามเม็ด นึกไม่ถึงว่าชั่วพริบตาค่าทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นมาสี่ล้านห้าแสน นี่มันอะไรกัน?
นี่หมายความว่ายาระเบิดปราณ ขายออกไปได้ไม่ต่ำกว่าสองล้านต่อเม็ด
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นเสียงใส่ ไม่สนใจเขาอีก นี่ไม่ใช่ยาบำรุงหลัก เดิมทีก็ผลิตน้อยอยู่แล้ว มีเยอะขนาดนั้นที่ไหนกัน
คนทั่วไปไม่ซื้อหรอก บริษัทยาบำรุงก็ไม่ผลิตเช่นกัน
หน่วยทหารเป็นคนสร้างขึ้นมา เธอได้ของพวกนี้มาจากหน่วยทหาร
“พูดไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ไปฝึกเคล็ดวิชากับฉัน ตอนนี้ออกไปได้แล้ว”
“อาจารย์…”
“ออกไป!”
ฟางผิงจนใจ ทำได้เพียงสาวเท้าจากไป แต่ตอนนี้มีค่าทรัพย์สินสี่ล้านห้าแสนแล้ว พอจะรับมือได้อยู่บ้าง
——————–