ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 229-2 วิชาเกาทัณฑ์เลือด (2)
ตอนที่ 229 วิชาเกาทัณฑ์เลือด (2)
ฟางผิงนึกไม่ถึงอยู่บ้างเช่นกัน ถามออกไปทันที “อีกฝ่ายว่ายังไงบ้าง?”
“พวกเขาบอกว่าคุณฟางมีอนาคตยาวไกล ร่วมลงทุนกับหยวนฟาง เหมือนลงทุนไปกับคุณด้วย ผมถ่ายทอดคำพูดของคุณไป ผู้รับผิดชอบของอีกฝ่ายคิดว่าบางทีในอนาคตคุณจะนำพาสิ่งตอบแทนที่ใหญ่ยิ่งกว่ามาให้พวกเขาได้ สิ่งที่พวกเขาลงทุนคืออนาคต ไม่ใช่ปัจจุบัน สรุปแล้วความหมายของพวกเขาคือหวังว่าจะสามารถสร้างรากฐานไปพร้อมกับหยวนฟางได้ รวมถึงแพลตฟอร์มของเซี่ยงไฮ้ด้วย พวกเขาบอกว่าอันที่จริงตอนนี้แต่ละมหาวิทยาลัยล้วนกำลังรอดูผลตอบรับอยู่ หากเป็นไปได้ด้วยดี บางทีอีกไม่นานมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งอื่นอาจจะลองใช้บริการนี้ด้วยเช่นกัน แต่หยวนฟางขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทแห่งแรกที่แพร่เผยรูปแบบอีคอมเมิร์ซไปถึงระดับมหาวิทยาลัย ถือเป็นการแสดงพลังและความสามารถอย่างหนึ่งเช่นกัน หากในอนาคตมีโอกาส อีกฝ่ายหวังว่าจะสามารถร่วมมือกับพวกเราได้มากกว่านี้ อย่างเช่นระบบแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของผู้ฝึกยุทธ์…”
ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากัน ไม่ใช่เรื่องที่ฉันตัดสินใจเพียงคนเดียวได้”
แพลตฟอร์มของเซี่ยงไฮ้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฟางผิงจะสามารถตัดสินใจคนเดียวได้ อย่างน้อยต้องได้รับความเห็นชอบจากมหาวิทยาลัยด้วย
อีกอย่างนึกไม่ถึงว่ามหาวิทยาลัยอื่นจะให้ความสนใจกับแพลตฟอร์มของเขาเช่นกัน นี่ทำให้ฟางผิงปวดหัวไม่น้อย จะแย่งโอกาสฉันไปหรือไง?
ตอนนี้ฝีมือยังอ่อนไปอยู่บ้าง ต้องคิดวิธีขยายไปยังมหาวิทยาลัยอื่นสักหน่อย…
บางทีกลับมาจากถ้ำใต้ดินแล้ว อาจไปปรึกษากับเหล่าหวังได้
เหล่าหวังที่ควบคุมอำนาจเกือบครึ่งของมหาวิทยาลัยหนานเจียง หากยินดีให้หยวนฟางเข้าสู่มหาวิทยาลัยหนานเจียง นั่นคงง่ายขึ้นแล้ว
แพลตฟอร์มเดี่ยว สุดท้ายคงสู้แพลตฟอร์มที่ใช้ร่วมกันไม่ได้
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั้งเก้าสิบเก้าแห่งใช้แพลตฟอร์มร่วมกัน หยวนฟางขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทแรก
ช่วงชิงโอกาสนี้ถือว่ามีความหวังไม่น้อย อันดับแรกฟางผิงต้องมีอำนาจในการพูดเสียก่อน
“เซ็นสัญญาเมื่อไหร่?”
“พวกเขาบอกว่าได้ทุกเมื่อ แต่หวังว่าคุณจะสามารถมาเซ็นสัญญาด้วยตัวเองได้”
“ไม่มีปัญหา!”
ฟางผิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว “วันนี้วันที่สิบสาม เซ็นสัญญาวันที่สิบห้าละกัน!”
“ได้ครับ ผมจะแจ้งให้พวกเขาทราบ”
หลี่เฉิงเจ๋อดีใจอย่างมาก แพลตฟอร์มอาหารของหยวนฟางถูกประเมินค่าสูงขนาดนี้ แม้จะเป็นผลงานของฟางผิง แต่ก็หมายความว่าการให้บริการของแพลตฟอร์มทำได้ดีเช่นกัน
นี่ถือเครื่องยืนยันของตัวเขาด้วย!
ช่วงเวลาหนึ่งปีนี้ เห็นแต่รายจ่ายแทบไม่เห็นรายรับ เขานั้นร้อนใจเช่นกัน ในที่สุดตอนนี้ก็ประสบผลสำเร็จแล้ว
—
“ขายหุ้นออกไปสามสิบเปอร์เซ็นต์…”
ฟางผิงถอนหายใจเบาๆ ขายออกไปครั้งแรกเยอะขนาดนี้ ภายหลังจะขายมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
“ไม่รู้ว่าเซ็นสัญญาแล้วค่าทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นหรือเปล่า? ลงทุนไปสิบเจ็ดล้าน ยึดตามมูลค่าที่ประเมินไว้ ในตอนนี้ค่าทรัพย์สินน่าจะขึ้นมาแปดสิบสามล้าน แต่จะเพิ่มขึ้นมาจริงๆ เหรอ?”
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฟางผิงเจอกับเรื่องแบบนี้เหมือนกันเลยไม่มั่นใจเท่าไหร่
หากไม่ใช่ นั่นคงเป็นปัญหาแล้ว
“น่าจะได้ ไม่มีเหตุผลที่ให้ปฏิเสธสักหน่อย…หรือต้องให้สินทรัพย์สุทธิของบริษัทเยอะถึงขนาดนั้นจริงๆ? งั้นพวกบริษัทมหาชน ราคาหุ้นสูงกว่านี้จะมีประโยชน์อะไร?”
ฟางผิงรู้สึกเป็นกังวล ทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง
แม้ว่าไม่ได้ลงทุนลงแรงในบริษัทมากมาย แต่เขาโอบกอดความหวังอันยิ่งใหญ่มาโดยตลอด ครั้งนี้ไม่สำเร็จ ฟางผิงคงกระอักเลือดออกมาจริงๆ แล้ว
—
แม้จะกังวลยังไง ฟางผิงยังคงไม่เลิกล้มการฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้
วันที่ 14 มิถุนายน
ฟางผิงศึกษาเคล็ดวิชาต่อสู้มาสิบวันแล้ว
‘ฟู่ว!’
คล้อยหลังจากฟางผิงพ่นเกาทัณฑ์เลือดออกมาจากปาก หินอ่อนที่พื้นก็ปรากฏรูเล็กๆ ออกมา
หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย ฟางผิงเอ่ยอย่างจนใจ “อาจารย์ ผมกระอักเลือดเยอะขนาดนี้จะตายเอานะครับ!”
กระอักเลือดออกมาทุกวัน เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองแทบจะกระอักเลือดหมดตัวแล้ว
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยเสียงเยือกเย็น “พ่นให้น้อยหน่อย อานุภาพยังเบาบางเกินไป แม้จะไม่ได้หลอมกะโหลก ก็ยังคงมีความแข็งมาก พลังของเธออาจจะทำให้คนอื่นบาดเจ็บ แต่คงไม่อาจถึงขั้นทะลวงกะโหลกอีกฝ่าย นอกเสียจากทุกครั้งจะสามารถพ่นใส่ดวงตาของอีกฝ่ายซึ่งเป็นจุดอ่อนอย่างแม่นยำ แต่ตอนที่ต่อสู้กัน อาจไม่มีโอกาสแบบนี้เสมอไป นี่คือเคล็ดวิชาต่อสู้ ไม่ใช่วิชาลับอย่างเดียว วิชาเกาทัณฑ์เลือดจำเป็นต้องใช้แรงระเบิดปราณเช่นกัน อยากจะทะลวงกะโหลกคนๆ หนึ่ง อย่างน้อยต้องระเบิดที่สามสิบแคลขึ้นไป…”
ฟางผิงเอ่ยอย่างกลัดกลุ้ม “แต่ลำคอของผมรับไม่ไหว ระเบิดปราณสูงขนาดนี้ จะบาดเจ็บมาถึงตัวเองได้ง่าย”
“อย่างมากก็แค่เป็นใบ้ไปช่วงหนึ่งเท่านั้น จะกลัวอะไร!”
ฟางผิงไร้เรี่ยวแรงอยู่บ้าง วิชาเกาทัณฑ์เลือดเปลี่ยนชื่อเป็นหมัดเจ็ดพิการจะดีกว่า
ทำร้ายคนอื่นกลับเข้าตัวเอง ไม่แน่ว่าวันไหนเขาอาจจะกระอักเลือดตายจริงๆ หรือกลายเป็นใบ้ไปเลยก็ได้
สาเหตุที่หลู่เฟิ่งโหรวไม่ค่อยมีกำลังวังชาทั้งวัน หรือจะเกี่ยวข้องกับการกระอักเลือดนี้ด้วย?
ตอนนี้ฟางผิงโอบกอดความสงสัยมากขึ้นไปอีก!
“ฝึกวิชาเกาทัณฑ์เลือดต่อไป อีกสองเคล็ดวิชาก็ชักช้าไม่ได้ วิชาดาบคลั่งโลหิตของเธอ ตอนนี้ฟันทบออกไปได้มากสุดสี่ครั้งเท่านั้น แบ่งการระเบิดปราณเป็นห้าสิบ เจ็ดสิบ เก้าสิบ หนึ่งร้อยสิบ ทบกันขึ้นไปก็เป็นสามร้อยยี่สิบแคลแล้ว ตามหลักอีกนิดจะถือว่าอยู่ขั้นกระบวนท่าชั้นยอดแล้ว แต่การทบกันขึ้นไปเช่นนี้ จะอ่อนแรงกว่าระเบิดสามร้อยยี่สิบแคลในครั้งเดียวอยู่บ้าง ดังนั้นก็เทียบได้กับอานุภาพของกระบวนท่าไม้ตาย แน่นอนว่าอานุภาพจะลดต่ำกว่าระดับเคล็ดวิชาต่อสู้ที่เธอมีอยู่ ตอนนี้เธอระเบิดปราณอย่างเดียว หนึ่งกระบวนท่ามากสุดไม่ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบแคล เพื่อที่จะสามารถประคองพลังของร่างกายตัวเองได้ ทว่าวิชาดาบคลั่งโลหิตทำให้เธอแตะถึงกระบวนท่าไม้ตายได้ล่วงหน้า เจ้าจางติ้งหนานนั่นหลังจากปรับปรุงเคล็ดวิชาแล้ว ดีขึ้นมาไม่น้อย”
หลังจากจางติ้งหนานปรับปรุงเคล็ดวิชาดาบคลั่งโลหิต นำมาวิเคราะห์เทียบกับกระบวนท่าไม้ตายและกระบวนท่าชั้นยอด นี่ง่ายกว่าออกกระบวนท่าใหญ่ในครั้งเดียว
ตอนนี้ฟางผิงระเบิดพลังอย่างแท้จริง บางทีอาจระเบิดกระบวนท่าเดียวที่หนึ่งร้อยห้าสิบแคล แต่คงแตะไม่ถึงสองร้อยแคล
แต่ใช้วิชาดาบคลั่งโลหิตฟันติดต่อกันสี่ครั้ง เขาจะระเบิดพลังทบขึ้นไปถึงสามร้อยยี่สิบแคล แรงลดลงกว่าระเบิดกระบวนท่าเดียวอยู่บ้าง
แต่อานุภาพย่อมเยอะกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายคนอื่นที่ระเบิดกระบวนท่าสองร้อยห้าสิบแคล แน่นอนว่าแบบนี้จะสิ้นเปลืองมากกว่าอยู่บ้าง
“รอเธอฟันติดต่อกันได้ห้าครั้ง นั่นถึงจะครองกระบวนท่าชั้นยอดในขั้นสามอย่างแท้จริง!”
หลู่เฟิ่งโหรวยากจะเผยรอยยิ้มออกมา “ครองกระบวนท่าชั้นยอดของขั้นสาม เธอก็จะอยู่ในแนวหน้าของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ไม่ใช่แค่การจัดอันดับขั้นสามของมหาวิทยาลัย แต่เป็นทั่วประเทศ รวมถึงหน่วยทหารด้วย ตอนนี้เธอยังไม่เข้าสู่การจัดอันดับของประเทศ หลังจากฟันติดต่อกันห้าดาบได้แล้ว อันดับคงไม่ต่ำกว่าฉินเฟิ่งชิง”
ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงถูกจัดอยู่ที่อันดับหกของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้
สองวันก่อน การจัดอันดับรวมที่เผยแพร่กันภายในก็มีการเปลี่ยนแปลงใหม่แล้ว ฉินเฟิ่งชิงถูกจัดอันดับรวมอยู่ที่สี่สิบหก
ส่วนเซี่ยเหล่ยอันดับรวมอยู่ที่เก้าสิบเก้า พอจะเข้าสู่อันดับได้เท่านั้น
หากฟางผิงฟันติดต่อกันได้ห้าครั้ง การจัดอันดับคงไม่น้อยหน้ากว่าฉินเฟิ่งชิงเท่าไหร่ เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเหล่ยยังไม่ได้สำเร็จกระบวนท่าชั้นยอดของขั้นสาม แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามที่อยู่ห้าสิบอันดับแรกต่างสำเร็จกระบวนท่าชั้นยอดแล้ว
“แน่นอนว่านี่ถือเป็นความได้เปรียบ อีกอย่างจะสิ้นเปลืองปราณเยอะกว่าอยู่บ้าง…แต่ยังคงเป็นประโยคนั้น สำหรับเธอแล้วไม่ได้แตกต่างมากมาย”
ยังไงฟางผิงก็สามารถฟื้นฟูปราณได้
ฟางผิงกลับยิ้มเจื่อน หลู่เฟิ่งโหรวประเมินเขาสูงไป
เขาไม่มีค่าทรัพย์สินก็แทบไม่ต่างจากคนอื่นๆ ปราณไม่ได้สูงไปกว่าคนอื่นเท่าไหร่หรอก
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาไม่มีค่าทรัพย์สินอย่างมากก็อยู่ในระดับเดียวกับฉินเฟิ่งชิงเท่านั้น
แต่ถ้าเขามีค่าทรัพย์สิน มีฉินเฟิ่งชิงเพิ่มมาอีกหลายคนอาจจะเอาชนะเขาไม่ได้เสมอไป
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อว่า “เวลาฝึกฝนเคล็ดวิชาสั้นเกินไป ตอนนี้เธอสำเร็จเบื้องต้นเท่านั้น ต่อให้เคล็ดวิชาแข็งแกร่งยังไง ยังคงอยู่ที่การใช้ ตีไม่ถูกคน ระเบิดพลังพันแคลก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นต้องฝึกฝนให้มากๆ หากมีเวลาสามารถแลกเปลี่ยนความรู้กับคนอื่นได้ อีกอย่างในขั้นสาม เธอไม่ถือว่ามีความได้เปรียบนัก หากคิดจะทำถึงขั้นไร้ศัตรูในขั้นสาม อย่างน้อยที่สุดต้องทำให้ตัวเองไปถึงขั้นสามสูงสุด สำเร็จกระบวนท่าชั้นยอด แต่กระบวนท่าชั้นยอดต้องมีความแข็งแกร่ง ระเบิดสามร้อยแคลขึ้นไป พวกเราสามารถเรียกว่ากระบวนท่าชั้นยอดของขั้นสามได้ แต่ถ้าระเบิดปราณห้าร้อยแคลล่ะ? ปราณทั่วร่างรวมเป็นกระบวนท่าเดียว ระเบิดออกมาที่เก้าร้อยแคล ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามเช่นนี้ กระบวนท่าเดียวเพียงพอให้ฟันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขั้นห้าตายแล้ว! พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้กระบวนท่ามากมาย แค่กระบวนท่าเดียวก็สังหารศัตรูได้แล้ว นี่ถึงจะเป็นความหมายของกระบวนท่าชั้นยอดอย่างแท้จริง”
นอกเสียจากปราณเขาจะทะลวงขีดจำกัดที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้าแคล หากแตะถึงหนึ่งพันห้าร้อยแคล บางทีเขาอาจจะระเบิดกระบวนท่าชั้นยอดถึงแปดร้อยเก้าร้อยแคลได้
เวลาไม่พออาจต้องใช้ระบบช่วยโกง
ฟางผิงคิดว่าตัวเองสามารถพิจารณารูปแบบนี้ได้ ไม่ใช่ดื้อดึงเอาแต่เพิ่มการระเบิดปราณ
—
การฝึกวิชาสิ้นสุดในวันที่สิบสี่ ฟางผิงตกสู่สภาวะต้องการความช่วยเหลืออีกครั้ง
ค่าทรัพย์สินสี่ล้านห้าแสน ฝืนประคองมาได้ถึงตอนนี้ หากพรุ่งนี้ยังไม่รวย เขาต้องพยายามคิดหาเงินก้อนโตจากวิธีอื่นให้เร็วที่สุดแล้ว
หรือบางที…อาจต้องลองไปเก็บค่าคุ้มครองจากพวกเฉินอวิ๋นซีและจ้าวเสวี่ยเหมยดูก่อน!
——————