ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 233-2 พยายามมีชีวิตรอด (2)
ตอนที่ 233 พยายามมีชีวิตรอด (2)
“ก็พวกม้วนคัมภีร์โบราณของปรมาจารย์…”
“ม้วนคัมภีร์โบราณ?”
เฉินอวิ๋นซีไม่เข้าใจเท่าไหร่ ส่ายหัวว่า “ไม่มี”
“แล้วอย่างอื่นล่ะ?”
“ฟางผิง นายถามแปลกๆ อย่างอื่นเช่นอะไรล่ะ?”
“เฮ้อ…” ฟางผิงจนใจอยู่บ้าง ทำได้เพียงเอ่ยไปตรงๆ “เธอพกยาบำรุงลงถ้ำไปเท่าไหร่?”
“เยอะอยู่นะ”
“ยาคืนชีวิตเยอะหรือเปล่า?”
“ห้าเม็ด”
“แค่ห้าเม็ด!” ฟางผิงไม่พอใจเท่าไหร่ เอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ปู่เธอขี้เหนียวจริงๆ อย่างน้อยควรจะให้ห้าสิบเม็ดสิ พวกเราทำข้อตกลงกัน…ถ้าเจออันตรายหรือปัญหา เธอเอายาบำรุงที่มีส่งให้ฉันเป็นยังไง?”
“ฟางผิง!”
เฉินอวิ๋นซีไม่ได้ตอบกลับ เป็นหยางเสี่ยวม่านที่เอ่ยอย่างหงุดหงิดอยู่บ้าง “นายอย่ามาไร้ยางอายขนาดนี้ได้หรือเปล่า!”
ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “ฉันจริงจัง เอาให้ฉัน ฉันจะปกป้องชีวิตพวกเธอ”
เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องยืม ส่งให้เขาถึงจะเพิ่มค่าทรัพย์สินได้
หากเจอกับปัญหาจริงๆ คนมีเงินพวกนี้ พกพายาบำรุงมาไม่น้อยอยู่แล้ว มูลค่าไม่ใช่เล่นๆ
ส่งให้เขา บางทีอาจจะเพิ่มค่าทรัพย์สินเขาขึ้นมาหลายสิบล้านหรือกระทั่งกว่าร้อยล้านได้
มีค่าทรัพย์สินเยอะขนาดนี้ เจอศัตรูประเภทที่ทำให้คนหมดหวังพวกนั้น ฟางผิงฟันติดต่อกันสักร้อยดาบ อาจไม่ถึงกับหมดหวังเสมอไป
หยางเสี่ยวม่านเผยใบหน้าโมโห เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อเขา
ฟางผิงเห็นแบบนั้นจึงไม่พูดมากอีก เดินออกไปทั้งเอ่ยไปพลาง “เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่เธอ ไม่จ่ายค่าตอบแทนออกมา ฉันไม่สู้สุดชีวิตเพื่อพวกเธออยู่แล้ว”
“ฟางผิง นายจะพูดตรงเกินไปแล้ว ถึงตายก็ไม่ขอให้นายช่วยหรอก!” หยางเสี่ยวม่านพูดอย่างขุ่นเคืองอยู่บ้าง
หากฟางผิงไม่เอ่ยถึงเรื่องส่งของให้เขา ช่วยเหลือทุกคนด้วยใจจริง พวกเธอตอบแทนเขาได้อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ ฟางผิงพูดออกมาตรงๆ ขนาดนี้ ทำให้คนยากจะรับได้
ฟางผิงกลับไม่พูดอะไรอีก เธอจะเข้าใจอะไร!
ไม่พูดตรงๆ จะเอาทรัพย์สินจากไหนมาช่วยคน
—
กลับมาถึงหอพักก็ดึกแล้ว
เพิ่งจะเข้าห้องได้ไม่นาน ประตูกลับถูกเคาะขึ้นมา
ฟางผิงไปเปิดประตู เป็นฟู่ชางติ่งที่ยืนอยู่ข้างนอก เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ดื่มสักหน่อยไหม?”
ระหว่างที่พูดยังชูขวดเหล้าในมือ
ไม่รอฟางผิงตอบกลับ ฟู่ชางติ่งเบียดตัวเข้ามาทันที จัดแจงที่นั่งให้ตัวเอง หัวเราะว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ดื่มเหล้า แต่ฉันจำได้ว่าพวกคุณปู่ของฉัน ทุกครั้งที่ลงถ้ำมักจะดื่มกันตลอด วันนี้มีเหล้าก็เมาก่อน ใครจะรู้ว่ายังมีวันพรุ่งนี้อีกหรือเปล่า เมื่อก่อนไม่เข้าใจ ตอนนี้เข้าใจแล้ว ตอนเช้าพ่อฉันโทรมาหาบอกว่าถ้าฉันตายในถ้ำ เขาจะเกิดลูกอีกสักแปดคนสิบคน ให้ล้างแค้นแทนฉันทีหลัง นายว่าอายุปูนนี้แล้ว ยังจะเกิดได้เป็นสิบคนหรือไง? พ่อฉันนี่น่าไม่อายจริงๆ?”
ฟางผิงหัวเราะ เอาแก้วออกมาจากตู้ เอ่ยหยอกว่า “กลัวก็แต่ว่าจะไม่ใช่ลูกที่เกิดจากแม่นาย พ่อนายจงใจหาข้ออ้างพาลูกๆ ที่ทิ้งไว้ข้างนอกกลับมาหรือเปล่า”
“เหลวไหล พ่อฉันไม่กล้าหรอก เขาอยู่แค่ขั้นสามสูงสุด แม่ฉันขั้นสี่แล้ว!”
“แค่กๆๆ…”
ฟางผิงแทบจะสำลักตาย นี่มันอะไรกัน ตอนนี้ผู้หญิงแข็งแกร่งกว่าหมดแล้ว?
ฉันจำได้ว่าแม่ของกัวเซิ่งก็แข็งแกร่งกว่าพ่อเขาเหมือนกัน
“พ่อนายเพิ่งจะขั้นสาม?”
“อะไรคือเพิ่งจะขั้นสาม?” ฟู่ชางติ่งไร้คำจะพูดอยู่บ้าง “นายคิดว่าขั้นสามทะลวงได้ง่ายๆ หรือไง? อนาคตสิบปีข้างหน้าของพวกเรา เป็นช่วงเวลาที่เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์จะก้าวหน้าเร็วที่สุด เวลานี้พวกเราพัฒนาเร็วเป็นเรื่องปกติ แต่พอถึงช่วงหลังต้องใช้เวลาในการขัดเกลา ระดับกลางไม่ใช่สิ่งที่จะเข้าไปได้ง่ายๆ…”
“ฉันคิดว่าเทอมหน้าฉันอาจจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางได้แล้ว”
ฟู่ชางติ่งไร้คำจะโต้ตอบ คำพูดนี้ฉันควรแย้งยังไงดี?
ไม่พูดมากอีก ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ฟู่ชางติ่งฝืนกลืนลงไปในอึกเดียว ก่อนจะเอ่ยว่า “แม่งเหอะ ดื่มยากชิบหาย!”
เขายังคิดว่าเหล้าดื่มง่ายซะอีก ตอนนี้เพิ่งพบว่าดื่มยากจริงๆ
ฟางผิงหัวเราะลั่น จิบไปหนึ่งคำเช่นกัน ก่อนจะรำลึกถึงอดีตเล็กน้อย “เหล้าดี ไม่ได้ดื่มนานแล้ว”
“นายเคยดื่ม?”
“นายคิดว่าฉันจะเหมือนนาย เงอะงะเซ่อซ่าหรือไง”
“พูดเหมือนกับว่านายอายุเยอะกว่าฉันงั้นแหละ”
“…”
ทั้งสองคนคุยเล่นกันไป
เป็นครั้งแรกที่ฟางผิงรับรู้ถึงสถานการณ์ทางบ้านของฟู่ชางติ่งเช่นกัน
ตระกูลฟู่นับว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงในปักกิ่ง
ปู่ของเขาอยู่ขั้นหก ยังไม่แตะขั้นสูงสุด แต่ขั้นหกถือว่าเป็นยอดฝีมือแล้ว รับตำแหน่งหัวหน้าแผนกในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้
ฟางผิงตกตะลึงอยู่บ้าง เขาเพิ่งรู้เป็นครั้งแรก นึกไม่ถึงว่าปู่ของฟู่ชางติ่งจะเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง!
หมอนี่ไม่สอบเข้าปักกิ่ง กลับมาสอบเข้าเซี่ยงไฮ้ เพื่ออะไรกัน?
การก่อกบฏของผู้ฝึกยุทธ์รุ่นสาม?
เห็นฟางผิงตกใจ ฟู่ชางติ่งสะอึกเล็กน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันนับเป็นอะไรกัน ปู่ฉันเป็นแค่อาจารย์ ไม่ใช่อธิการบดีสักหน่อย ตระกูลของเฉินอวิ๋นซียังพอว่า ปู่ของเธอเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จิงหนาน นายรู้หรือเปล่า?”
“หา?”
“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จิงหนาน หนึ่งในทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย ปู่เธอเป็นอธิการบดี เธอยังไม่สมัครเข้าจิงหนานเลยด้วยซ้ำ ฉันสอบเข้าเซี่ยงไฮ้จะเป็นไรไป! ปู่ฉันบอกว่าคนอย่างพวกเรา หากตายก็อย่าตายใกล้หูตาของเขา นายคงไม่เข้าใจ ลูกๆ ของอาจารย์หลายคน อันที่จริงล้วนไม่สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีครอบครัวอยู่ที่นั่น นายว่าถ้ามีวันหนึ่งนายสู้จนตัวตายภายใต้การดูแลของพวกเขา จะเจ็บปวดขนาดไหน? อาจารย์นายเป็นแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง! ตอนนั้นถ้าลูกสาวไม่ตายใกล้หูใกล้ตาของอธิการอู๋ พูดตามตรง เรื่องคงไม่ใหญ่จนถึงขั้นนี้หรอก พวกเราก็เหมือนกัน ตายอยู่นอกมหาวิทยาลัยอื่นดีกว่าตายในสายตาคนในครอบครัวอยู่แล้ว”
ฟางผิงไม่อาจเข้าใจในเวลาสั้นๆ อยู่บ้าง แต่ก็สามารถเข้าใจได้
ยอมให้ลูกหลานตายที่อื่น หลังจากสู้จนตัวตายแล้ว แม้จะเจ็บปวดขนาดไหนก็คงไม่เท่ากับตายในสายตาของคนในครอบครัว
“เหมือนจะมีเหตุผลอยู่”
“แน่อยู่แล้ว…”
ฟู่ชางติ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มล่องลอย “อันที่จริงตอนเด็ก ปู่ฉันคัดค้านไม่ให้ฝึกวรยุทธ์ พอถึงมอปลาย ปู่ก็พูดว่าไม่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ฉันไม่ยอม! ถือสิทธิ์อะไร! ดังนั้นฉันจึงดึงดันฝึกวิชา ดึงดันจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ให้ได้ ทั้งยังเข้าเรียนในเซี่ยงไฮ้ที่เป็นคู่แข่งกับปักกิ่ง! รอจนรู้เรื่องถ้ำ จึงเข้าใจขึ้นมาทันที เขาคงกลัวฉันตาย แต่ฉันรู้สึกว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ ตอนเช้าได้สัมผัสสัจธรรม คืนนั้นแม้ตายก็ยินดี! เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ยอดเยี่ยมจะตายไป บางทีถ้ำใต้ดินอาจจะยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน เป็นอีกโลกหนึ่ง โลกที่ไม่เหมือนกัน ชั่วชีวิตนี้ไม่ได้ไปเห็น ไม่ได้ไปสัมผัสประสบการณ์สักครั้ง หากตายคงจะตายตาไม่หลับจริงๆ!”
ฟางผิงผสมเหล้าอ่อนๆ เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “มีชีวิตอยู่ดีกว่าตายเป็นไหนๆ”
“ไม่มีใครอยากตาย ฉันยังอยากเป็นปรมาจารย์ ปู่ฉันทำไม่สำเร็จ ฉันต้องทำให้สำเร็จ! แต่ว่า…ฟางผิง จู่ๆ ฉันก็กลัวขึ้นมาอยู่บ้าง ฉันกลัวว่าฉันจะตายจริงๆ นายว่าฉันจะตายหรือเปล่า?”
ฟู่ชางติ่งเมาสุราอยู่บ้างจริงๆ พูดอย่างแห้งเหี่ยวว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองเยอะขนาดนี้ พอเข้าไปในถ้ำ เดิมทีก็วุ่นวายอยู่แล้ว ถ้าเจอกับสถานการณ์เลวร้าย คงคุมไม่อยู่แน่! อย่าพูดถึงราชสีห์ถังเลย แม้จะยกอาจารย์ทั้งมหาวิทยาลัยไป หากเจอกับสงครามใหญ่จริงๆ คงป้องกันพวกเราทุกคนไม่ไหวหรอก…”
“งั้นต้องพยายามมีชีวิตรอด!”
“ใช่ พยายามมีชีวิตรอด!”
ฟู่ชางติ่งดื่มอีกแก้ว ไม่มีกับแกล้มอะไรทั้งนั้น ทั้งสองคนดื่มกันแค่นี้
—
ค่ำคืนนี้หลายคนต่างอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ กัน
บางคนดื่มเหล้าคนเดียว บางคนเขียนจดหมายสั่งเสียเงียบๆ
จะตายหรือเปล่า?
ไม่มีใครรู้
แต่วันที่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ วันที่รู้เรื่องถ้ำใต้ดิน ทุกคนต่างเข้าใจดี นี่เป็นชะตาของผู้แข็งแกร่ง ผู้แข็งแกร่งไม่มีใครไม่ลงถ้ำ!
ประเทศที่ใหญ่อย่างประเทศจีน รวมถึงทั่วทั้งโลกผู้ที่แข็งแกร่งต่างลงไปในถ้ำทุกคน
แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไป หากทะลวงถึงเกณฑ์แล้วจริงๆ ไม่ไปคงไม่ได้เหมือนกัน นี่เป็นหน้าที่ของคุณ เป็นความรับผิดชอบของคุณ
เว้นเสียแต่ว่า…คุณจะเลือกทรยศ เข้าไปอยู่ในกลุ่มลัทธินอกรีต
—
ฟางผิงเมาสุราอยู่บ้างเช่นกัน
ถึงไม่เมาเหล้าก็แสร้งเมามายไปกับตัวเอง
สำหรับการเดินทางไปถ้ำใต้ดินในวันพรุ่งนี้ ภายใต้ความกังวลของฟางผิงยังแฝงด้วยการรอคอยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
—————–