ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 234-2 ประตูของถ้ำใต้ดิน (2)
ตอนที่ 234 ประตูของถ้ำใต้ดิน (2)
“ยังไม่ทันเข้าถ้ำใต้ดิน จู่ๆ ก็รู้สึกถึงภาระที่หนักอึ้งแล้ว ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
“ใช่ ตลอดทางปรมาจารย์มาส่ง ทหารทำความเคารพ ทำเอาฉันกดดันขึ้นมา…”
“สายลมพัดโชยพาให้ชายฝั่งแม่น้ำอี้หนาวเหน็บ[1]…”
คนที่พึมพำบทกลอนขึ้นมายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกคนที่อยู่ข้างหน้าและข้างหลังประเคนเท้าหมัดให้จนเงียบไปชั่วพริบตา
ฟางผิงไม่พูดอะไร เดินตามแถวไปข้างหน้าต่อ
ตลอดทางภายในฐานทัพมีการป้องกันที่เข้มงวดเช่นกัน ป้อมยามรักษาการณ์ ทหารยืนถือปืนอยู่ทุกหนทุกแห่ง ผู้ฝึกยุทธ์พบได้ทุกที่ บางครั้งยังเห็นกองกำลังขนาดเล็กถอยทัพออกมาจากส่วนลึกภายใน
กองกำลังพวกนี้ไม่เหมือนกับที่ฟางผิงเห็นโดยทั่วไป
อบอวลไปด้วยไอสังหาร!
หลายคนยังมีบาดแผลเต็มตัว บางทีอาจจะเพิ่งถอนตัวมาจากทัพทางนั้น
ในมือของพวกเขาก็พกพกอาวุธทหารเช่นเดียวกัน มีทั้งปืนและดาบ ฟางผิงถึงกระทั่งเห็นพลโล่ด้วย
มองอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ฟางผิงก็กระซิบว่า “ไม่มีพลธนู”
ถังเฟิงที่เดินอยู่ด้านหน้าเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “กองกำลังในถ้ำใต้ดิน มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้นที่ใช้ธนู”
“ทำไมเหรอครับ?”
“คนทั่วไปปราณไม่เพียงพอ ลูกธนูออกห่างจากร่าง ไม่อาจรักษาพลังปราณไว้ได้ พลังทำลายล้างแทบจะเท่ากับโยนก้อนหินก้อนหนึ่งออกไป”
“พลังปราณ…”
ฟางผิงเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย ในถ้ำใต้ดินมนุษย์ต้องอาศัยพลังปราณสังหารอีกฝ่ายเป็นหลัก ลูกธนูออกห่างจากร่างกาย คนทั่วไปนั้นมีปราณอ่อนแอ ยากที่จะทำให้อาวุธจู่โจมทางไกลพวกนี้นำพาพลังปราณไปด้วย
ผู้ฝึกยุทธ์กลับแข็งแกร่งมากกว่า
พื้นที่ฐานทัพกว้างขวางเลยทีเดียว เดินมาห้าหกนาที ทุกคนค่อยมาถึงที่หมาย ห้องโถงใหญ่ที่ทำจากโลหะซึ่งมีการป้องกันเข้มงวดขึ้นอีกขั้น!
ที่นี่ยังคงมีทหารจำนวนมากเฝ้าระวังอยู่ ทั้งมีผู้ฝึกยุทธ์อยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ตอนที่พวกฟางผิงมาถึง ทุกคนต่างทยอยทำความเคารพ พวกนักศึกษาที่ตื่นเต้นอยู่บ้าง ก็ทำความเคารพกลับเหมือนกัน
ถังเฟิงพูดคุยกับอีกฝ่ายพักหนึ่ง ไม่นานประตูใหญ่โลหะผสมที่ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนาก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ
“นี่เป็นประตูใหญ่ที่เชื่อมไปถึงใต้ดิน ทั้งเป็นแนวป้องกันสุดท้ายแล้ว…ส่วนมีประโยชน์หรือเปล่า ยังเป็นเรื่องที่พูดยาก”
ถังเฟิงไม่อธิบายด้วยความละเอียดลึกซึ้งอีกแล้ว ตอนนี้ทุกคนก้าวเข้ามาในทางเดินยาวสุดลูกหูลูกตา ทั้งสองฝั่งของทางเดินไม่มีใครอยู่ แต่ฟางผิงยังคงสัมผัสได้ถึงอันตรายที่พลุกพล่าน
“ทางเข้าถ้ำอยู่ข้างหน้าแล้ว ตั้งสติให้ดี!”
คล้อยจากคำพูดของถังเฟิง ทุกคนเดินไปข้างหน้าต่อ ไม่นานด้านหน้าก็ปรากฏเงาคนขึ้นมา
ปากทางเข้าถ้ำไม่ได้มีแค่เส้นทางที่พวกเขาเดินอยู่ แต่ยังมีอีกหลายเส้นทาง สถานที่แห่งอื่นสามารถเชื่อมมาถึงที่นี่ได้เช่นกัน
พวกฟางผิงเพิ่งเดินออกมาจากทางเดินก็ก้าวเข้าสู่โถงใหญ่ที่โล่งว่าง
กลางห้องโถงมีจอภาพขนาดใหญ่ตั้งอยู่
“ต้องการหินพลังงานอย่างเร่งด่วน รับซื้ออย่างไม่จำกัด!”
“ประตูป้องกันแห่งที่สามตกสู่อันตราย ต้องการผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางช่วยเสริมการป้องกัน!”
“รับซื้อหัวใจผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก”
“ห่างจากฐานทัพหกสิบกิโลเมตรพบจระเข้โบราณขั้นห้า รับสมัครผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าสามคนรวมทีมสังหาร…”
“…”
ทุกคนถูกจอภาพดึงดูดความสนใจในชั่วพริบตา ถังเฟิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เหมือนกับระบบภารกิจของพวกเรา ภารกิจส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยมาจากที่นี่เช่นกัน”
ทุกคนเข้าใจทันที
เวลานี้โถงใหญ่มีคนอื่นอยู่ด้วยเช่นกัน เห็นพวกฟางผิงหลั่งไหลเข้ามา มีคนจำถังเฟิงได้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ถัง ครั้งนี้เซี่ยงไฮ้พานักศึกษาเข้ามาเยอะขนาดนี้เชียว?”
“อืม”
“เอ๋ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง…”
มีคนสัมผัสถึงปราณของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองในกลุ่มได้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองเข้าไป…ไม่อันตรายเหรอไง”
“ยังไม่ถึงเกณฑ์เลย ให้เด็กๆ พวกนี้กลับไปฝึกอีกสองสามปีแล้วค่อยว่ากันใหม่ดีกว่า!”
“…”
พวกเขาพูดเองเออเอง พากันซุบซิบออกมา
ถังเฟิงตอบกลับว่า “ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเท่านั้น หลักๆ เคลื่อนไหวภายในสามสิบกิโลเมตร”
“ช่วงนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดี…”
“ดันเข้ามากันซะได้”
“เฮ้อ!”
มีคนถอนหายใจ กลับไม่พูดอะไรอีก
ถังเฟิงไม่รั้งตัวอยู่ที่โถงใหญ่นาน สาวเท้าไปข้างหน้าต่อ ทุกคนทยอยเดินตาม
ระหว่างทางฟางผิงเห็นคนคุ้นหน้าด้วยเช่นกัน
“พิธีกรของสถานีโทรทัศน์เซี่ยงไฮ้?”
“ใช่เขาจริงๆ ด้วย นึกไม่ถึงว่าคนที่ดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อยจะมาที่นี่ได้ ใจกล้าจริงๆ…”
“นั่นมัน…”
“เฉินเทียนโฮ่ว เหนือความคาดหมายชะมัด ร้องเพลงเพราะ ฆ่าคนได้ด้วยเหรอเนี่ย…”
ทุกคนซุบซิบเสียงเบา เทียนโฮ่วดาราคนที่ถูกพวกเขาพูดถึงกลับหันมามองพวกเขาแวบหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ปลอดภัยกลับมาล่ะ”
ตอนที่พูดคำนี้ ฟางผิงเห็นเธอถือซากสัตว์อะไรสักอย่างในมือ เขาเกาหัวยิกๆ อยู่บ้าง ไม่ชินเลยจริงๆ!
นอกจากคนพวกนี้ ฟางผิงยังเห็นทหารจำนวนไม่น้อยเดินผ่านเข้ามา
พอเห็นพวกฟางผิงยังคงตั้งใจทำความเคารพ ถึงแม้บนร่างจะเต็มไปด้วยบาดแผล ดูอาการหนักก็ตาม
—
หนึ่งนาทีต่อมา ทุกคนเดินมาสุดทาง
ประตูใหญ่โลหะผสมขนาดมหึมาบานหนึ่งขวางทางอยู่ข้างหน้าพวกเขา
ประตูใหญ่สีน้ำตาลแก่สูงเกือบสิบเมตร รวมเป็นเนื้อเดียวกับกำแพงโลหะผสมที่อยู่รอบๆ ตอนนี้เปิดแค่ประตูเล็กๆ ขนาดพอให้คนเข้าไปได้ทีละหนึ่งคน
เปิดแค่ประตูเล็กจึงยากจะเห็นฉากที่อยู่หลังบานประตู
ฟางผิงพึมพำว่า “นี่คือทางเข้าถ้ำใต้ดินงั้นสินะครับ?”
ถังเฟิงอธิบาย “พวกเราเป็นคนสร้างประตูขึ้น ทางเข้าถ้ำเดิมทีก็เป็นช่องทางมิติน้ำวนจำพวกนั้น ประตูบานนี้ทำจากโลหะผสมระดับ A แม้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงบุกทะลวงก็ต้องใช้เวลาอยู่เหมือนกัน ในความเป็นจริงนี่ไม่ใช่ประตู แต่เป็นห้องที่ปิดผนึกไว้ สร้างประตูใหญ่เช่นนี้ เพื่อต้านการบุกทะลวงของสิ่งมีชีวิตใต้ดิน แน่นอนว่าหากถูกบุกมาถึงที่นี่จริงๆ สถานการณ์คงเลวร้ายขึ้นแล้ว พวกเราเข้าไปในประตูจะผ่านช่องทางของมิติไปถึงโลกถ้ำใต้ดิน”
ตอนที่เขาพูดอธิบาย ฟางผิงกลับลูบคลำประตูที่อยู่ด้านหน้าแล้ว สัมผัสได้ถึงความเย็นจากประตูใหญ่ กลืนน้ำลายว่า “โลหะผสมระดับ A”
ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม หลักๆ จะใช้อาวุธโลหะผสมระดับ E และ D
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางจะใช้อาวุธระดับ B และ C
ระดับ A นั่นเป็นอาวุธที่ปรมาจารย์ใช้
แน่นอนว่าตกลงพวกปรมาจารย์ยอดฝีมือได้ใช้จริงๆ หรือเปล่า พวกฟางผิงแค่คาดเดาตามสถานการณ์เท่านั้น หลักๆ ใช้อาวุธอะไร พวกเขาแทบไม่เคยเห็นมาก่อน
ของพวกนี้ไม่มีในอัตราการแลกเปลี่ยน ทั้งไม่รู้ราคาเช่นกัน
แต่อาวุธโลหะผสมระดับ D ต้องใช้ยี่สิบคะแนนต่อหนึ่งกิโลกรัม แทบไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าระดับ A แพงถึงขนาดไหน
หนึ่งกิโลกรัมต่อหนึ่งร้อยคะแนน นั่นเป็นไปได้เช่นกัน!
นี่เป็นการคาดคะเนอย่างต่ำที่สุด!
ประตูบานนี้หนักเท่าไหร่?
ไม่สิ นี่ไม่ใช่ประตู แต่เป็นห้อง สถานที่ที่พวกฟางผิงไม่อาจมองเห็น ด้านหลังและด้านข้างล้วนเป็นกำแพงที่สร้างจากโลหะผสมระดับ A
ห้าสิบกิโลกรัม?
ฟางผิงลองคาดคะเนตามขนาดคร่าวๆ
ห้าสิบกิโลกรัมก็ห้าร้อยตัน สำหรับห้องโลหะผสมขนาดใหญ่ประเภทนี้ คงไม่ได้ประเมินสูงไป
นี่ต้องใช้เงินเท่าไหร่?
ฟางผิงแทบจะคำนวณออกมาไม่ได้!
เห็นฟางผิงลูบคลำประตูจมดิ่งในความคิด ถังเฟิงสีหน้าดำคล้ำขึ้นมาเล็กน้อย เจ้าเด็กนี่กำลังคิดอะไรอยู่?
—————————
[1]สายลมพัดโชยพาให้ชายฝั่งแม่น้ำอี้หนาวเหน็บ ผู้กล้าเดินทางไปไม่หวนกลับ เป็นกวีบทหนึ่งในยุคจ้านกั๋ว บรรยายถึงคนที่แบกรับภารกิจอันยิ่งใหญ่ มองความตายเป็นเหมือนการได้กลับบ้าน