ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 236-2 เมืองแห่งความหวัง (2)
ตอนที่ 236 เมืองแห่งความหวัง (2)
ถังเฟิงเอ่ยต่อว่า “ครั้งนี้พาทุกคนเข้ามา ทีมกว่าร้อยคนสะดุดตาเกินไป สามวันแรกพวกเราจะทำความคุ้นเคยกับเมืองความหวังและสภาพแวดล้อมในรัศมีสิบกิโลเมตรเป็นหลัก รู้ฐานที่มั่นทหารในสิบกิโลเมตร รวมถึงจุดสนับสนุนผู้ฝึกยุทธ์แล้ว เวลานี้พวกเราจะมีหลักประกันความปลอดภัยมากขึ้น สามวันให้หลังฉันจะพาทุกคนออกจากเขตเมืองความหวัง เข้าไปดำเนินการสำรวจในบริเวณสามสิบกิโลเมตรเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์! สิบวันหลังจากนั้น ทุกคนเคลื่อนไหวอิสระ ไม่ว่าจะเข้าร่วมต่อสู้ในป่าข้างนอกหรือสำรวจพื้นที่รอบๆ หรือกระทั่งพื้นที่ที่ไม่เคยสำรวจมาก่อน ฉันจะไม่ขัดขวางอะไรทั้งนั้น รวมถึงการเข้าร่วมต่อสู้กับหน่วยทหารเช่นกัน เวลาสิบวันเหมือนเดิม ยี่สิบวันให้หลังพวกเราจะออกจากถ้ำใต้ดิน”
ทุกคนเข้าใจ รู้ถึงแผนการต่อจากนี้แล้ว
ฟางผิงกลับไม่สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ รีบถามว่า “อาจารย์ งั้นของที่หาได้จากถ้ำใต้ดินจะเป็นของเราใช่ไหมครับ?”
“แน่นอน”
“มีตำแหน่งหินพลังงานใกล้ๆ นี่หรือเปล่า?”
ถังเฟิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย สวี่โม่ฟู่หลุดขำออกมาเช่นกัน “มี ห่างจากที่นี่ไปทางเหนือเจ็ดสิบกิโลเมตร มีหินพลังงานขนาดเล็กอยู่ แม้จะพูดว่าขนาดเล็ก แต่หินพลังงานมีน้ำหนักหนึ่งพันกิโลกรัมเป็นอย่างต่ำ! ส่วนระดับความบริสุทธิ์ ไม่ถือว่าน้อยจนเกินไปเช่นกัน”
ฟางผิงลอบครุ่นคิดในใจ หากใช้กรัมมาคำนวณมูลค่าหินพลังงาน หนึ่งพันกิโลกรัม งั้นก็เป็นหนึ่งล้านกรัม!
แม้จะเป็นหินพลังงานที่มีระดับความบริสุทธิ์ต่ำที่สุด…ยังมีมูลค่าหนึ่งล้านคะแนน!
แน่นอนว่าฟางผิงไม่ใช่คนโง่เช่นกัน ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “ไปทางเหนือเจ็ดสิบกิโลเมตร? แปลว่าอยู่ห่างจากเมืองเทียนเหมินประมาณสิบกิโลเมตร?”
“ใช่ ทั้งทางนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงห้าคนของเมืองเทียนเหมินนั่งรักษาการณ์อยู่!”
ฟางผิงมุมปากกระตุก เท่าไหร่นะ?
ระดับสูงห้าคน?
เขาจำได้ ตาเฒ่าหลี่เคยบอกว่าตอนนี้เป็นที่รู้ทั่วกันว่าเมืองเทียนเหมินมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสิบสี่คน นึกไม่ถึงว่าตำแหน่งหินพลังงานจะมีคนเฝ้าถึงห้าคน ใครยังจะกล้าคิดแผลงๆ เดินเข้าไปอีก ทั้งระยะห่างไม่ไกลจากเมือง ประมาณสิบกิโลเมตร ยอดฝีมือระดับสูงแทบจะสามารถเดินในอากาศได้ ไม่แน่ว่าพริบตาเดียวก็อาจถูกยอดฝีมือสิบสี่คนล้อมโจมตี รวมถึงเจ้าเมืองเทียนหนานขั้นเก้าคนนั้นด้วย
ถึงผู้บัญชาการหลี่จากหน่วยทหารคนนั้นมา เกรงว่าคงไม่อาจชิงของจากอีกฝ่ายมาได้เสมอไปเช่นกัน
สวี่โม่ฟู่เห็นเขาเงียบไป จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อันที่จริงน่าจะเป็นหลุมพราง หินพลังงานถูกขุดไปใช้นานแล้ว อีกฝ่ายแค่ล่อให้พวกเราติดกับ ตอนแรกที่พบว่ามีระดับสูงห้าคนรักษาการณ์อยู่ เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายด้วยเช่นกัน ไม่งั้นบางทีพวกเราอาจจะให้ปรมาจารย์จู่โจมไปจริงๆ แล้ว…ดังนั้นพูดได้แค่ว่าอย่าประเมินผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำต่ำไป”
การเคลื่อนไหวของปรมาจารย์ไม่ได้ธรรมดา ถ้าจู่โจมกะทันหัน อาจมีโอกาสขุดเอาหินพลังงานหนีไปก่อนที่พวกเทียนเหมินจะรู้ตัว
แต่อีกฝ่ายไม่ได้โง่เช่นกัน น่าจะคาดเดาได้นานแล้วว่ามนุษย์สนใจต่อหินพลังงาน จงใจวางหลุมพรางเอาไว้
“งั้นที่อื่นมีหรือเปล่าครับ?”
“ไม่รู้”
สวี่โม่ฟู่หัวเราะขึ้นมา ถังเฟิงเอ่ยอย่างหมดคำพูดว่า “หากหน่วยทหารค้นเจอ คงเอาไปใช้เองนานแล้ว ยังต้องรอให้ถึงมือเธอหรือไง? เว้นเสียแต่เธอจะหาเจอเอง ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะได้เลย อีกอย่างฉันขอเตือน ถ้าหาเจอจริงๆ ให้รีบหาทางหนีโดยเร็ว”
“ทำไมล่ะครับ?”
ถังเฟิงเห็นเขามองตัวเองอย่างสงสัย ก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “หินพลังงานเป็นแหล่งรวบรวมพลังงาน ฝึกวิชาที่นั่นให้ประสิทธิภาพอย่างน่าตกใจ! หินพลังงานที่ยังไม่ถูกค้นพบ ส่วนมากจะมีพวกสัตว์ดุร้ายยึดครองอยู่! ทำไม เธอสงสัยว่าฉันจะขโมยผลงานของเธอไปหรือไง?”
ถังเฟิงอยากจะซ้อมหมอนี่สักหน่อย คิดอะไรอยู่กัน!
ฉันไม่อยากให้นายรนหาที่ตาย เข้าใจหรือเปล่า?
ฟางผิงไอแห้งๆ พยักหน้าว่า “ประสิทธิภาพดีจริงๆ นั่นแหละครับ ผมเข้าถ้ำใต้ดินมาก็พบว่าปราณพลุกพล่านขึ้นมาก ก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถปลดปล่อยออกจากร่างกายได้ ตอนนี้…”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงยังตั้งใจระเบิดปราณขึ้นมา ในมือมีประกายแสงปรากฏขึ้น
สวี่โม่ฟู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเตือนด้วยรอยยิ้มว่า “นักศึกษา อยู่ในถ้ำปราณทุกแคลต้องใช้ประหยัดหน่อย ช่วงเวลาสำคัญจะมอบโอกาสให้เธอมีชีวิตรอดมากขึ้น อย่าได้สิ้นเปลืองปราณ”
ฟางผิงน้อมรับคำแนะนำ รีบพยักหน้า
หากเปลี่ยนเป็นหัวสิงโตพูด ฟางผิงคงจะบอกเขาว่า ต่อให้เขาจะขาดแคลนอะไรก็ไม่อาจขาดแคลนปราณได้หรอก
สวี่โม่ฟู่ออกหน้าต้อนรับทุกคน ถือเป็นการให้ความสำคัญจากหน่วยทหารด้วยเช่นกัน
ความเป็นจริงนั้นเขามีงานล้นมือ ไม่นานสวี่โม่ฟู่ก็จากไป
เขาไปแล้ว ถังเฟิงจึงเอ่ยว่า “วันนี้ทุกคนเดินรอบๆ เมืองความหวังได้ ดูว่าที่นี่มีอะไรดีๆ บ้าง มีร้านค้าที่เปิดโดยผู้ฝึกยุทธ์ ทั้งยังมีสาขาย่อยของบริษัทบางส่วนที่เปิดให้บริการบนโลก…”
ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างตกใจ “มาเปิดที่นี่ด้วย?”
“ทำกำไรไม่น้อยเลย”
ถังเฟิงอิจฉาอยู่บ้าง อธิบายว่า “ผู้ฝึกยุทธ์บางคนมักจะอาศัยในถ้ำใต้ดิน พวกเขาไม่อยากกลับไปบนโลก ดังนั้นล่าสิ่งมีชีวิตบางส่วน รวมถึงของที่ได้มาจากการสังหารผู้ฝึกยุทธ์ จะมีจุดแลกเปลี่ยนในถ้ำใต้ดิน แลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรที่พวกเขาต้องการ บริษัทเปิดสาขาย่อยที่นี่ หลักๆ คือให้บริการคนพวกนี้ มีทั้งซื้อและขาย”
ฟางผิงประชดว่า “แค่ระยะทางไม่กี่พันเมตรเท่านั้น ออกไปขายข้างนอก…”
จากใจกลางเมืองกลับไปทางเข้าบนโลก ขอแค่ผ่านทางเดินมิติเท่านั้น
ถังเฟิงชำเลืองตามองเขา เอ่ยว่า “เธอคิดว่าประตูทางเดินเข้าออกได้ตามใจหรือไง? ทุกครั้งต้องมีการขออนุญาต รวมทั้งรอ…”
“รอ?”
“ใช่ ผู้ฝึกยุทธ์ในมหาวิทยาลัยยังดี สองคนก็ออกเดินทางได้แล้ว แต่ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมต้องรวมตัวสิบคนถึงจะเข้าไปได้”
“ทำไมล่ะครับ?”
“กังวลว่าจะมีคนทำลายทางเดินพลังงาน!” ถังเฟิงเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง “ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตเคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน อยากสั่นคลอนทางเดินพลังงาน ตัดขาดเส้นทางทั้งสองฝั่ง สังเวยชีวิตมนุษย์ทางนั้นให้พวกถ้ำ…”
“แม่งเหอะ โหดเหี้ยมชะมัด!” ฟางผิงสบถออกมา ก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่สำเร็จสินะครับ?”
“ไม่ อีกฝ่ายประเมินความเสถียรของทางเดินพลังงานต่ำเกินไป ทั้งไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง แค่ระดับกลางคนหนึ่งเท่านั้น ถูกพบ สุดท้ายจึงถูกฟันทิ้ง แต่ว่าหน่วยทหารกังวลว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นกัน จึงตรวจสอบผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมค่อนข้างเข้มงวด”
“เข้าใจแล้ว”
ผลัดกันถามตอบไปมา ทุกคนค่อยเข้าใจเรื่องราวของถ้ำใต้ดินขึ้นมาคร่าวๆ
ถังเฟิงประกาศสลายตัว ทุกคนจึงครึกครื้นขึ้นมาทันที
—
สิบนาทีต่อมา
พวกฟางผิงที่เป็นเด็กปีหนึ่งออกไปเดินถนนด้วยกัน
“มีโรงแรมด้วย!”
ฟู่ชางติ่งเผยสีหน้าตกใจ ชี้ไปที่สิ่งก่อสร้างสองชั้นที่อยู่ไม่ไกล “โรงแรมจิ่นเจียงมาเปิดสาขาย่อยที่นี่ด้วย!”
ฟางผิงวูบไหวในใจ พึมพำว่า “มีโรงแรมก็ให้บริการจัดส่งอาหารถึงที่ได้สินะ!”
“ดูนั่นสิ บริษัทยาบำรุงสาขาย่อย…”
“แย่งธุรกิจฉันซะแล้ว น่าเสียดาย”
“เอ๋ ศูนย์ให้บริการรถจักรยาน?”
ฟางผิงพึมพำอีกครั้ง “เช่าจักรยาน? ไม่สิ รถม้าในสมัยปัจจุบัน ธุรกิจนี้ก็มีคนแย่งไปแล้ว”
“ร้านตัดผมยังมีอีก?”
“ไม่มีร้านเสริมสวย ธุรกิจน่าจะไม่ค่อยรุ่งเท่าไหร่”
—
ทุกคนเดินสำรวจกว่าหนึ่งชั่วโมง เมืองความหวังขนาดเล็กๆ ถูกเดินจนแทบทั่ว
เวลานี้พวกเขาค่อยเจอกับปัญหาที่ระดับชาติ
ฟู่ชางติ่งลูบท้อง เอ่ยอย่างเซื่องซึมว่า “กินข้าวที่ไหนกัน?”
ทุกคนประสานสายตากัน ไม่เห็นมีใครบอก!
“หรือไปกินที่โรงแรม?”
หยางเสี่ยวม่านเป็นคนเสนอ ฟางผิงกลับเอ่ยว่า “ฉันไม่ได้พกเงินมา ใครจะเลี้ยงล่ะ?”
ทุกคนลงถ้ำ ใครจะพกเงินมากัน
เฉินอวิ๋นซีเอ่ยอ้อมแอ้มว่า “ฉันเลี้ยงก็ได้”
“ไป งั้นไปโรงแรมกัน!”
ฟางผิงกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในชั่วพริบตา เขาอยากเห็นเหมือนกันว่าในถ้ำใต้ดินมีอะไรน่าอร่อย จะได้ถือโอกาสถามด้วยว่า บริการจัดส่งอาหารพอจะทำได้หรือเปล่า หยวนฟางต้องขยับขยายสักหน่อย
ส่วนเรื่องอื่น ถึงเวลาค่อยว่ากันอีกที ยังไงภารกิจของทุกคนในช่วงนี้ก็คือทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมอยู่แล้ว ฟางผิงไม่รีบเช่นกัน ตัวเองจะได้ฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ไปด้วย ยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ วิ่งออกไปสำรวจพื้นที่หรือทำภารกิจ นั่นเป็นการรนหาที่ตายชัดๆ
—————–