ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 238-2 หัวสิงโต (2)
ตอนที่ 238 หัวสิงโต (2)
ฟางผิงไม่สนใจเรื่องนี้ จ้องมองกำแพงต่อ แม้จะสร้างขึ้นจากเหล็ก ตอนนี้ตัวกำแพงด้านนอกกลับมีรอยขรุขระ ร่องรอยจากดาบและหอกมีให้เห็นเต็มไปหมด
คนอื่นต่างตกใจอยู่บ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยเหล็กอย่างแท้จริง
“น่าเสียดาย ขีปนาวุธเอามาใช้ที่นี่ไม่ได้ ไม่งั้นถ้าขนย้ายเข้ามาคงระเบิดถ้ำใต้ดินได้แล้ว!”
มีคนพึมพำขึ้นมา ถังเฟิงกลับพูดโจมตีว่า “เลิกฝันหวานได้แล้ว แม้จะขนเข้ามาก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้เสมอไป การใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงเช่นนี้ คงไม่ได้เผชิญหน้าแค่เมืองๆ เดียว แต่เป็นทั้งถ้ำใต้ดิน! ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายอาจจะมีวิธีจัดการด้วยเช่นกัน ช่วงเวลาที่ระดับความบริสุทธิ์ของหินพลังงานถึงขีดจำกัดจุดๆ หนึ่ง ยอดฝีมือระดับสูงสามารถทำให้หินปลดปล่อยพลังงานออกมาได้ เกิดการระเบิดที่รุนแรง มีอานุภาพทำลายล้างอย่างมาก! ตอนนี้ทางถ้ำใต้ดิน ด้านหนึ่งเป็นเพราะขาดหินพลังงานความบริสุทธิ์สูง อีกด้านคือทำใจสิ้นเปลืองนำหินพลังงานจำนวนมากมาระเบิดไม่ได้ แต่ถ้าพวกเรามีอาวุธพลังทำลายล้าง พวกเธอคิดว่าอีกฝ่ายจะทุ่มเดิมพันหมดหน้าตักใช้วิธีเดียวกันระเบิดพวกเราไหมล่ะ?”
ฟางผิงเบะปาก “แค่ฐานทัพในถ้ำใต้ดิน ระเบิดก็ระเบิดไปสิครับ”
ถังเฟิงเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “ประเด็นอยู่ที่ว่าอาวุธของพวกเรายังใช้ที่นี่ได้ คิดเพ้อฝันไปจะมีประโยชน์อะไร? เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว”
ทุกคนทยอยเดินตามกลุ่ม มุ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน
—
เป็นครั้งแรกที่เห็นป่าข้างนอก ทุกคนจึงสงสัยใคร่รู้ไปหมด
พืชพรรณในถ้ำใต้ดิน บ้างก็คลับคล้ายคลับคลา บ้างก็ไม่คุ้นตาเลย
ยังมีสัตว์ตัวเล็กๆ บางส่วน รูปร่างเหมือนสัตว์บนพื้นโลกอยู่บ้าง แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า
ทั้งสัตว์พวกนี้ได้รับแสงสะท้อนจากพลังงานดวงอาทิตย์เป็นเวลานาน ภายในร่างกายจึงมีพลังงานรวมตัวอยู่เช่นกัน
ภายในสิบกิโลเมตร นี่เป็นขอบเขตที่รังสีของเมืองความหวังส่องถึง จึงไม่มีอันตรายมากมาย ทั้งไม่มีสิงสาราสัตว์ขนาดใหญ่
อาจารย์ทั้งสองคนเริ่มให้ความรู้กับทุกคน การหาแหล่งน้ำ การสังเกตจุดซุ่มโจมตี การติดตั้งกับดับ…
รวมถึงการแยกแยะรอยเท้า การสะกดรอยตาม ถังเฟิงและเจิ้งหลงเจียงอธิบายอย่างไม่หมกเม็ด
—
ช่วงพัก
“อากาศดีจริงๆ…”
หยางเสี่ยวม่านถอนหายใจ ฟางผิงเอ่ยหยอกว่า “เธอรู้ได้ยังไงว่าที่นี่เป็นอากาศ อากาศเป็นคำที่พวกเราใช้เรียก ที่นี่อาจจะไม่ใช่อากาศก็ได้…”
หยางเสี่ยวม่านกลอกตา เอ่ยอย่างหงุดหงิด “นายหลับในห้องสินะ? เคยทำการทดลองแล้ว เป็นอากาศ”
“มีด้วยเหรอ?”
“แน่อยู่แล้ว”
“เงียบ ช่วงเวลาพักรักษาความสงบด้วย!” ถังเฟิงตำหนิออกมาอีกครั้ง กำชับว่า “อยู่ในป่า ไม่ว่าจะมาคนเดียวหรือหลายคนก็ต้องรักษาความสงบ อย่าเอะอะโวยวายเสียงดัง!”
ฟางผิงยักไหล่ เอ่ยว่า “อาจารย์ ที่นี่ไม่มีม้าบ้างหรือครับ?”
“มี”
ฟางผิงตื่นตัวขึ้นมาทันที รีบเอ่ยว่า “งั้นทำไมไม่ขี่ม้า…”
“เธออยากตาย?”
ถังเฟิงอธิบายว่า “สัตว์ธรรมดาอย่างม้า มีปราณแข็งแกร่ง ไม่อาจกักเก็บไว้ภายใน มักจะปล่อยปราณออกมาได้ตลอดเวลา ง่ายที่จะดึงดูดความสนใจจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ ทั้งเคลื่อนไหวเอิกเกริกเกินไปเป็นอันตรายอย่างมาก ดังนั้นส่วนมากผู้ฝึกยุทธ์จะใช้วิธีเดินเท้า หน่วยทหารมีกองพลม้าเช่นกัน แต่ประสิทธิภาพไม่ค่อยเป็นไปตามที่ใจหวังเท่าไหร่ ในถ้ำใต้ดินสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมีมากเกินไป หากพบกับสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งเข้า ทหารม้าพวกนี้จะเกิดความวุ่นวายทันที รวมถึงยอดฝีมือระดับสูง สามารถปล่อยความกดดันข่มขวัญพวกม้าได้ เธอยังไม่ทันบุกเข้าไป อีกฝ่ายก็ใช้พลังจิตกดดันแล้ว พวกทหารม้าแทบจะถูกจัดการเรียบ”
ฟางผิงเอ่ยอย่างตกใจ “พลังจิตใจของผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสามารถปล่อยได้ไกลขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
เขารู้ว่าพลังจิตใจสามารถปล่อยความกดดันได้ ครั้งก่อนหวงจิ่งเคยข่มขวัญเขา ถูกกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสามารถปล่อยรัศมีได้ไกลขนาดนั้นเลย?
“ปล่อยได้ไกลมาก ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด อย่างน้อยปล่อยได้ในรัศมีสามสิบเมตร ขั้นแปดและขั้นเก้าทำได้ไกลกว่านี้ ดังนั้นทหารม้าจึงเป็นได้แค่ทหารประเภทหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่กำลังหลักที่ใช้ตัดสินผลแพ้ชนะ”
“แบบนี้นี่เอง”
ฟางผิงพยักหน้า เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “อาจารย์ งั้นที่นี่ไม่มีพวกสัตว์พาหนะเหรอครับ…”
“สัตว์พาหนะ?”
ถังเฟิงยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่ได้มีค่าพอให้ฝึกฝน วิ่งช้ากว่าพวกเราด้วยซ้ำ สิ่งมีชีวิตที่เหนือระดับธรรมดา เหมาะจะใช้ลากอยู่บ้าง…แต่ในถ้ำใต้ดิน ยิ่งสัตว์มีขนาดใหญ่เท่าใดก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น เธอยังไม่ทันได้ฝึกฝนอีกฝ่าย มันจะกินเธอซะก่อนน่ะสิ สัตว์พวกนี้ไม่ได้มีระดับสติปัญญาสูงนัก แต่ถ้าเป็นสัตว์ระดับสูงย่อมฉลาดเฉลียวอยู่บ้าง มีโอกาสให้ฝึกฝน แต่อันดับแรกเธอต้องมีฝีมือก่อน สัตว์ระดับสูงมีความเฉลียวฉลาด ยากที่จะฝึกฝน แม้เธอจะเอาชนะมันได้ แต่ก็ต้องป้องกันการโต้กลับจากมันตลอดเวลา จากที่ฉันรู้มา ปรมาจารย์ขั้นเก้าของมนุษย์มีสัตว์พาหนะเป็นของตัวเองเช่นกัน”
“คนอื่นมีหรือเปล่า ฉันไม่เห็น ก่อนหน้านี้อธิการอยากฝึกจระเข้อสูรขั้นเจ็ดตัวหนึ่ง ปรากฏว่าเพิ่งพากลับมาเมืองความหวัง ก็เกิดความวุ่นวายไปหมด…หากอธิการไม่สังหารอีกฝ่าย เกรงว่าจะมีคนเจ็บตายนับไม่ถ้วน เธอว่าสิ่งมีชีวิตแบบนี้เธอกล้าพามาอยู่ร่วมกับสังคมมนุษย์หรือเปล่าล่ะ? ทั้งไม่พากลับไป ปล่อยไว้ที่นี่ตลอด พอเธอไปแล้ว หรือจะต้องเชิญปรมาจารย์มานั่งเฝ้าให้เธอ? หากเธอไม่เฝ้ามัน สิ่งมีชีวิตพวกนี้จะต่อต้านทันที ใครจะควบคุมได้?”
“งั้นปรมาจารย์ขั้นเก้า…”
“พวกเขาอาจจะมีวิธีฝึกโดยเฉพาะของตัวเอง แต่ไม่เหมาะที่จะเผยแพร่ ไม่งั้นคงสร้างทีมทหารประเภทนี้ขึ้นมาแล้ว”
“ถูกของคุณ”
ฟางผิงรู้สึกเสียดายอย่างเห็นได้ชัด สัตว์พาหนะของฉันฝันสลายอีกแล้ว!
อธิการขั้นแปดฝึกฝนไม่สำเร็จ พูดแบบนี้คงต้องเป็นขั้นเก้าเท่านั้นถึงมีหวัง?
—
สองวันต่อมา ทุกคนทำการสำรวจอยู่รอบๆ เมืองความหวัง
คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม เรียนรู้วิธีเอาตัวรอด
ไม่ได้พบเจอศัตรู รัศมีสิบกิโลเมตรของเมืองความหวังมีฐานที่มั่นตั้งอยู่ คนจากเทียนหนานไม่ได้มาจู่โจมทางนี้เยอะ
แต่รอจนมาถึงวันที่สาม พวกฟางผิงจึงได้เห็นฉากสงครามเป็นครั้งแรก!
นั่นเป็นฐานทัพแห่งที่สามของหน่วยทหาร
ตอนที่พวกฟางผิงไล่ตามไปถึงก็เห็นทั้งสองฝ่ายทำสงครามกันพอดี!
ฐานทัพแห่งที่สามมีผู้ฝึกยุทธ์สิบกว่าคน ทหารเกือบหนึ่งร้อยนาย
แต่อีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมด มีเกินกว่าสามสิบคน
ฝั่งมนุษย์มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางสองคน ฝ่ายตรงข้ามกลับมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางหกเจ็ดคน
สงครามเพิ่งปะทุขึ้น ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำระดับกลางหลายคนก็บุกสังหารทีมทหารทันที ช่วงเวลาสั้นๆ ฆ่าไปถึงสี่ห้าคน
พวกฟางผิงอยู่ห่างจากฉากนี้ไประยะหนึ่ง ทยอยบุกเข้าไปทางนั้น แต่ถังเฟิงเร็วกว่า เวลาชั่วพริบตากลับปรากฏอยู่ในฉากสงครามแล้ว
“ตายซะ!”
ถังเฟิงตะโกน ด้านหนึ่งเป็นการบอกพวกทหารว่าคนที่มาเป็นพวกเดียวกัน อีกด้านเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ
พวกฟางผิงเพิ่งเคยเห็นถังเฟิงลงมือเป็นครั้งแรก!
ถังเฟิงไม่ได้ใช้อาวุธ ทุกคนเห็นเพียงเงาหลังเขาไวๆ ก่อนจะปรากฏอยู่บนหัวคนๆ หนึ่ง ใช้เท้าเตะหัวของอีกฝ่ายจนกระจุย!
ครู่ต่อมาก็ไปปรากฏอยู่ข้างหน้าอีกคน เหวี่ยงหมัดทุบหัวของอีกฝ่าย
แทบจะเกิดขึ้นในเวลาชั่วพริบตา ถังเฟิงเคลื่อนไหววูบวาบติดต่อกัน ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้เขาได้ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางขั้นหกขั้นเจ็ด รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม ตายด้วยน้ำมือของเขาอย่างรวดเร็ว
พวกฟางผิงมองด้วยความตะลึง
“แข็งแกร่งชะมัด!”
ถังเฟิงแข็งแกร่งจริงๆ ฆ่าระดับกลางราวกับหักคอไก่ อีกฝ่ายเร็วจนน่าตกใจ ฟางผิงแทบมองไม่เห็นเงาของเขา
ไม่ทันให้พวกฟางผิงวิ่งเข้ามา การต่อสู้ก็จบลงก่อน
ถังเฟิงเช็ดมือกับร่างคนสุดท้ายอย่างลวกๆ เผยท่าทีเยือกเย็นราวกับยอดฝีมือที่โดดเดี่ยว
ฟางผิงวิ่งเหยาะๆ เข้ามา มองเขาไปแวบหนึ่ง พึมพำอยู่ในใจ หัวสิงโตฆ่าระดับกลางราวกับหักคอไก่ ตัวเองเข้าสู่ขั้นสี่ขั้นห้ายังต้องถูกซ้อมจนน่วมอีกหรือเนี่ย ดูท่าคงต้องทำตัวเป็นเด็กใสซื่อต่อไปซะแล้ว
———————