ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 239 ฟางผิงไปไหนแล้ว (1)
ตอนที่ 239 ฟางผิงไปไหนแล้ว (1)
แม้ถังเฟิงจะสังหารผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำพวกนี้ แต่ฐานทัพยังคงมีทหารตายไปหลายคน
ทหารที่มีชีวิตรอดพากันเก็บศพผู้ที่พลีชีพในสนามรบ
เก็บป้ายของพวกเขาขึ้นมา เจ้าหน้าที่ทหารเดินเข้าฐานทัพไป ไม่นานก็ถือธงชาติเดินออกมา
ใช้ธงชาติห่อร่างของทหารผู้วายชนม์ ก่อนพวกทหารจะร้องเพลงชาติขึ้นมา
—
พวกฟางผิงไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง พวกเขาเพิ่งเห็นถังเฟิงสังหารผู้ฝึกยุทธ์อย่างคล่องแคล่ว กลับลืมไปว่าแม้ทหารพวกนี้จะสู้ไม่ไหว แต่ยังคงพยายามเข้าขัดขวางศัตรูไม่สนกระทั่งสถานะของตัวเอง
ในถ้ำใต้ดิน คนทั่วไปนั้นอ่อนแอเกินไปจริงๆ
หลังจากฉากนั้นก็ยิ่งทำให้พวกนักศึกษายากจะรับได้อยู่บ้าง
พวกทหารไม่ได้เสียใจและลังเลเกินไปนัก ไม่นานก็ขุดหลุมใกล้ๆ เริ่มฝังร่างของทหารที่สละชีวิต
“อาจารย์…”
เจิ้งหลงเจียงเอ่ยเบาๆ “ที่นี่ไม่อาจเผาศพได้ หากขนร่างกลับไป…บางทีอาจถูกลอบโจมตีระหว่างทางอีก ดังนั้นพวกทหารต่างยอมเสียสละตายที่ไหนก็ฝังร่างที่นั่น ฝังร่างไกลจากบ้านเกิด อยู่เป็นเพื่อนร่วมรบคนพวกนี้จวบจนวันที่ได้ชัยชนะ”
“ชัยชนะ…”
ฟางผิงพึมพำ ชัยชนะ ต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่?
มนุษยชาติ กระทั่งถ้ำใต้ดินเมืองเดียวยังไม่อาจบุกทะลวงได้ เอาอะไรมาชนะกัน!
ถังเฟิงกลับไม่ได้พูดอะไรมากมาย ก้มหน้าเก็บสินสงคราม…
นักศึกษาหลายคนมองเขาด้วยแววตาแฝงความขุ่นเคือง รู้สึกว่าถังเฟิงเลือดเย็นเกินไป
ถังเฟิงไม่อธิบายอะไร ทั้งไม่คิดจะอธิบายด้วยเช่นกัน
ในถ้ำใต้ดินมีคนตายเป็นเรื่องปกติ ความเสียใจนั้นไร้ประโยชน์ มีเพียงแข็งแกร่งขึ้น ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ทุกคนแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นถึงจะมีประโยชน์
การเก็บสินสงครามก็เป็นทางลัดที่ดีที่สุดซึ่งทำให้ทุกคนแข็งแกร่งขึ้น
หลักการพวกนี้ เหล่าทหารและผู้ฝึกยุทธ์ต่างเข้าใจดี ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้สึกว่าการกระทำของถังเฟิงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
ถังเฟิงเก็บแค่สินสงครามของผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางเท่านั้น ส่วนพวกที่ต่ำกว่าขั้นสาม เขาไม่ได้ไปดู ทั้งไม่เก็บไปด้วย เห็นได้ชัดว่าเหลือไว้ให้ทางฐานทัพ
—
ในฐานทัพ พวกฟางผิงเข้าร่วมพิธีฝังศพในสถานที่ซอมซ่อนั่น ไม่ได้รั้งตัวอยู่นาน สักพักทุกคนก็ออกจากฐานที่มั่น
“อาจารย์ครับ คนธรรมดาพวกนี้อยู่ในถ้ำ…มีประโยชน์งั้นเหรอครับ?” ฟางผิงถามด้วยความไม่เข้าใจและสับสนอยู่บ้าง
เจิ้งหลงเจียงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “มีประโยชน์อยู่แล้ว ยังไงผู้ฝึกยุทธ์ก็เป็นคนกลุ่มน้อย หรือหวังให้ผู้ฝึกยุทธ์ต่อสู้กับทหารนับแสนของเมืองเทียนหนานแค่เพียงกลุ่มเดียว? ครั้งนี้มีผู้ฝึกยุทธ์มากเกินไป พวกทหารมีน้อยเลยไม่อาจจัดทัพออกมาได้เท่านั้น…”
“ผู้ฝึกยุทธ์…”
ฟางผิงถอนหายใจ จู่ๆ ถังเฟิงก็หยุดฝีเท้า “พวกเราทำแบบนี้ต่อไปจะเป็นการสิ้นเปลืองเวลา ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะนำทีมผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามเข้าไปส่วนลึก เหล่าเจิ้งนายดูคนที่เหลือ ดำเนินการตามแผนเดิม”
“เหล่าถัง นี่…”
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม เดิมก็ควรลงถ้ำใต้ดินอยู่แล้ว เพาะดอกไม้ในเรือนกระจกจะแข็งแกร่งขึ้นได้ยังไง?”
ถังเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “สถานการณ์เลวร้ายขึ้นแล้ว! ก่อนหน้านี้นายก็เห็นผู้ฝึกยุทธ์หลายสิบคนที่โจมตีฐานทัพ? เวลามีไม่มากแล้ว!”
“นี่…”
“ปกป้องอยู่ตลอด มีแต่จะทำให้ทุกคนขี้เกียจ สิ่งที่ควรสอน พวกเราก็สอนไปหมดแล้ว นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วเหมือนกัน ฉันจะพาทุกคนเข้าไปลึกประมาณสามสิบกิโลเมตร ไปดูสนามบดเนื้อสักหน่อย หลังจากนั้นจะให้พวกเธอเคลื่อนไหวอย่างอิสระ ตายหรืออยู่…ขึ้นอยู่กับพวกเธอ ไม่อาจให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางและระดับสูงกว่าสิบคนมาคอยปกป้องพวกเธอที่อยู่ขั้นสองขั้นสามได้!”
ยอดฝีมือนั้นยุ่งตัวเป็นเกลียว มีหลายเรื่องให้ทำ คนหนุ่มสาวพวกนี้ทำได้แค่พึ่งพาตัวเอง
หากไม่ใช่ว่าครั้งนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองอยู่หลายคน หลังจากออกมาอยู่ข้างนอกสามวัน พวกอาจารย์คงจะปลีกตัวออกมาแล้ว
ไม่เจอลมฝนจะเติบโตได้ยังไง?
ยอดฝีมือก็เคยผ่านความเป็นความตายมาก่อนเช่นกัน
ถังเฟิงตัดสินใจแบบนี้ เพราะรู้สึกว่าในตอนนี้ก้าวหน้าช้าเกินไป การมีอยู่ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง ถ่วงรั้งเวลาของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามควรเข้ามาสังหารพวกถ้ำตั้งนานแล้ว
หลายวันมานี้ กลุ่มของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามมีไม่น้อยเช่นกัน เกือบยี่สิบคน
ได้ยินว่าถังเฟิงจะแบ่งกลุ่ม ฟางผิงร้อนใจขึ้นมาทันที ละล่ำละลักว่า “อาจารย์ แบ่งกลุ่มแบบนี้ไม่ดีเท่าไหร่…”
เขายังคาดหวังให้พวกเฉินอวิ๋นซีส่งยาบำรุงให้อยู่เลย
ถังเฟิงขมวดคิ้ว ชำเลืองตามองเขา “งั้นเธอก็เคลื่อนไหวคนเดียว จากความสามารถของเธอแล้ว น่าจะเข้าไปได้ห้าสิบเมตรโดยไม่ต้องพึ่งใคร สังหารผู้ฝึกยุทธ์ของอีกฝ่าย เข้าร่วมการรบที่แท้จริง ไม่ใช่คลุกตัวอยู่ที่นี่ สิ้นเปลืองเวลา!”
สีหน้าของฟางผิงดูไม่ได้อยู่บ้าง เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ผมเพิ่งเข้ามาเป็นครั้งแรก…”
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลาย แม้จะเข้ามาครั้งแรกก็ควรเคลื่อนไหวตามลำพัง เธอไม่เหมือนกับพวกเขา!”
เขาไม่พอใจ อันที่จริงถังเฟิงก็ไม่พอใจ แค่นเสียงว่า “เธอลองไปถามดู มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคนไหนบ้างที่เข้าถ้ำแล้วยังให้คนอื่นปกป้อง? รบจนตัวตาย นั่นเป็นชีวิตของเขา! มีชีวิตอยู่ ถึงจะเป็นพื้นฐานทำให้แข็งแกร่งขึ้น! มีเพียงยอดฝีมือปะทะกับยอดฝีมือ ถึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้! เธอเอาแต่ปะปนอยู่กับกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง คงรู้สึกภาคภูมิใจ คิดว่าตัวเองเก่งกาจ มีพรสวรรค์สินะ? ฝีมือเธอแข็งแกร่งที่สุด หรือโอ้อวดกำลังได้แค่ต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์อ่อนแอพวกนี้? หวังจินหยางที่เธอรู้จัก เข้าถ้ำตอนขั้นสาม สังหารศัตรูนับไม่ถ้วน! ขั้นสี่ตอนต้นสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า ใครจะไม่ยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษบ้าง! พวกเหยาเฉิงจวิน ตอนอยู่ขั้นสามตอนปลายล้วนทุ่มเทสุดกำลังเอาชนะขั้นสี่! สิ่งที่มนุษยชาติต้องการบ่มเพาะคือยอดฝีมือ ยอดฝีมือที่กล้าสู้รบ ยอดฝีมือที่กล้าทุ่มสุดตัว ไม่ใช่หมาป่าอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ในฝูงแกะ!”
ฟางผิงหน้าแดงก่ำ เขาไม่ใช่คนที่ถูกยั่วยุได้ง่าย แต่เวลานี้ฟางผิงกลับโมโหอย่างสุดขีด กัดฟันว่า “อาจารย์ถัง ผมบอกแล้ว นี่เป็นการเข้าถ้ำครั้งแรกของผม…”
“เธอเข้ามาในนี้สี่วันแล้ว!”
ถังเฟิงเอ่ยอย่างผิดหวังอยู่บ้าง “ฉันพาคนมากมายเข้ามาในถ้ำ ปกติแล้วไม่เกินสามวัน พวกเขาจะเป็นฝ่ายออกไปข้างนอกเอง ไม่ใช่มาขลุกตัวอยู่ในกลุ่มใหญ่ นั่งรอการจัดแจงจากมหาวิทยาลัย! ยอดฝีมือทำไมถึงแข็งแกร่งขึ้นได้! เพราะเป็นฝ่ายแสวงความแข็งแกร่งเอง! ไม่ใช่รอให้ถูกกระตุ้น! ฟางผิง เธอมีพรสวรรค์สูง หนึ่งปีทะลวงสามขั้น ถึงกระทั่งอาจทะลวงขั้นสี่ได้ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่รอให้ถูกกระตุ้นก่อนแบบเธอ ในสายตาของฉันเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ปราณที่สิ้นเปลืองทรัพยากรเท่านั้น!”
“ผู้ฝึกยุทธ์ปราณ นอกจากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่อสู้ไม่เป็นแล้ว ยังเอาแต่กินนอนรอความตาย รอแค่หายนะมาเยือน เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ไร้ความคิด! เธอเป็นแบบนั้นหรือเปล่า? บอกฉันสิ เธอเคยคิดจะออกไปฆ่าศัตรูเพียงลำพัง เก็บสินสงครามเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นหรือเปล่า? เธอกำลังรออะไรอยู่? รอจัดการทีมให้เธอ? เธอเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลาย หรือเธอจะไม่รู้ว่าตัวเองห่างชั้นจากคนอื่นขนาดไหน? จะทำภารกิจร่วมกับกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองอย่างเดียวงั้นเหรอ? ถึงเวลานั้นเจอกับศัตรูที่อ่อนแอเกินไป เธอเข้าไปปลิดชีพ แต่เจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งเกินไป เธอทำได้แค่มองเพื่อนร่วมรบตายเท่านั้น!”
“ฟางผิง เธอทำให้ฉันผิดหวังเหลือเกิน ผิดหวังอย่างถึงที่สุด หลู่เฟิ่งโหรวและหลี่ฉางเซิงถูกใจเธอ คิดว่าเธอมีพรสวรรค์จนน่าตกใจ แต่ฉันกลับคิดว่าเธอไม่อาจสู้คนอื่นได้อยู่ดี! อย่าพูดถึงอัจฉริยะขั้นสี่ที่ชื่อเสียงกึกก้องพวกนั้นเลย หานซวี่จากปักกิ่ง เซี่ยเหล่ยและฉินเฟิ่งชิงจากเซี่ยงไฮ้ คนพวกนี้เธอเทียบไม่ติดสักนิด! เธอเคยคิดจะเป็นฝ่ายแข็งแกร่งขึ้นด้วยตัวเองหรือเปล่า เทียบกับคนอื่นแล้ว เธอหวงแหนชีวิตมากกว่างั้นเหรอ? หรือคนอื่นๆ ไม่รู้จักหวงแหนชีวิตของตัวเอง? แต่ยิ่งหวงแหนชีวิตก็ยิ่งตายไว ไม่เร็วก็ช้าเธอจะถูกคนอื่นตามทัน ถูกล้ำหน้าเพราะเหตุผลนี้แหละ!”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็ว “ผมแค่รู้สึกว่าถ้าผมแข็งแกร่งขึ้นแล้ว จะมีประโยชน์มากกว่า หากผมกลายเป็นปรมาจารย์ ไม่ใช่ว่าจะสามารถสังหารได้เยอะกว่าตอนนี้เหรอ…”
——————