ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 239 ฟางผิงไปไหนแล้ว (2)
ตอนที่ 239 ฟางผิงไปไหนแล้ว (2)
ถังเฟิงเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ตอนที่เธอกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว เธอก็จะคิดว่าถ้าตัวเองกลายเป็นปรมาจารย์ใหญ่ถึงจะมีประโยชน์มากกว่านี้! แต่รอมีวันหนึ่งเธอกลายเป็นปรมาจารย์ใหญ่ เธอจะคิดว่าทำไมฉันต้องสู้เพื่อมวลมนุษยชาติ? ปรมาจารย์ใหญ่สามารถใช้ชีวิตรอดอยู่ในถ้ำได้อย่างอิสระ หากมีคนคิดเหมือนเธอทั้งหมด มนุษยชาติคงดับสูญไปตั้งนานแล้ว!”
ฟางผิงกำหมัดแน่น กัดฟันว่า “คุณหมายความว่าคนอย่างผมจะกลายเป็นพวกทรยศชาติ? ถือสิทธิ์อะไรถึงคิดแบบนี้! คุณถือสิทธิ์อะไรถึงคิดว่าผมจะไม่ต่อสู้เพื่อมวลมนุษยชาติ!”
“ถ้าเธอคิดว่าฉันพูดผิด งั้นก็ไปพิสูจน์ตัวเอง ฉันรอให้เธอมาตบหน้าฉันได้ทุกเมื่อ…”
“คุณยั่วยุผม!”
“น่าขำ!”
ถังเฟิงเอ่ยเรียบนิ่ง “คิดไปเอง นั่นเป็นข้อบกพร่องที่สำคัญของเธออย่างหนึ่งเหมือนกัน ฉันคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุด ฟางผิง ฉันเคยฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าเธออีก! วันใดที่เธอยังไม่ได้เป็นปรมาจารย์ ในสายตาของฉัน ต่อให้มีพรสวรรค์แค่ไหนก็ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าคนอื่นสักเท่าไหร่หรอก! เธออุทิศอะไรให้มวลมนุษยชาติกัน? ทำไมฉันจะต้องไปยั่วยุเธอ! สิ่งที่พูดในวันนี้มาจากความรู้สึกทั้งนั้น จะไปทางไหนตัดสินใจเอาเองเถอะ!”
ถังเฟิงสาวเท้าออกไป เอ่ยไปพลาง “ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตามฉันมา ฟางผิง เธอรั้งตัวอยู่ในกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองได้ นี่เป็นอภิสิทธิ์ที่ฉันมอบให้เธอ!”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก่อนถังเฟิงจะจากไป ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคนอื่นๆ ทยอยเดินตามไปอย่างเงียบๆ
ฟางผิงกัดฟัน ฟู่ชางติ่งเตือนเบาๆ “อันที่จริงอาจารย์ถังไม่ได้มีเจตนาร้าย…”
ฟางผิงกำหมัดแน่น “ในสายตาพวกนายฉันเป็นคนขี้ขลาดกลัวตาย ถึงกระทั่งยอมไปอยู่ฝั่งศัตรูเพื่อมีชีวิตรอดหรือไง? ฉันไม่เคยกลัวการสู้รบ ฉันแค่มีทางเดินของฉัน! ถังเฟิงคิดยังไงฉันไม่สน ฟู่ชางติ่ง ในสายตานาย หรือฉันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ?”
ฟู่ชางติ่งปลอบใจว่า “ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก นายอย่าคิดมาก แข็งแกร่งขึ้นแล้วค่อยไปฆ่าศัตรู ความคิดนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร…”
ฟางผิงเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ทำไมฉันฟังดูแล้วยังเหมือนบอกว่าฉันกลัวตาย?”
หยางเสี่ยวม่านกลับไม่ไว้หน้า พึมพำว่า “หรือไม่ถูก? ถ้าฉันอยู่ขั้นสามตอนปลาย คงออกไปสังหารผู้ฝึกยุทธ์อีกฝ่ายคนเดียวแล้ว…”
“เธอหุบปากไปเลย!”
ฟางผิงเอ่ยเสียงดัง “เธอยังไม่ถึงขั้นสามตอนปลาย นั่นเป็นเพราะเธออ่อนแอ ไม่มีคุณสมบัติจะมาเหน็บแนมฉัน!”
“อย่าทะเลาะกันเลย” เฉินอวิ๋นซีรีบออกโรงห้ามตัดบททั้งสองคน
ฟางผิงสูดลมหายใจ เอ่ยต่อว่า “ฉันถามพวกนายหน่อย ถ้าฉันรวมกลุ่มกับพวกนาย เจอกับศัตรู พวกนายจะคิดว่าฉันถ่วงแข้งถ่วงขาพวกนายหรือเปล่า? พูดตามความจริง! อีกอย่างฉันอยู่กับพวกนายอาจจะได้ส่วนแบ่งสินสงครามเยอะกว่า พวกนายมีความคิดยังไง? บางครั้งเจอศัตรูอ่อนแอ ฉันฆ่าคนเดียวอย่างสบายๆ อาจจะไม่ได้แบ่งของให้พวกนาย พวกนายคิดยังไง?”
ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ เจิ้งหลงเจียงที่อยู่ด้านข้างไม่พูดอะไรเช่นกัน
ผ่านไปเนิ่นนาน ฟู่ชางติ่งค่อยถอนหายใจว่า “นายแข็งแกร่งกว่าพวกเรา อยู่ร่วมกับนาย พวกเรารู้สึกเหมือนไม่มีตัวตน…”
“แบบนี้นี่เอง…”
ฟางผิงพึมพำ ที่แท้ทุกคนก็ไม่ได้คิดว่าเขาแข็งแกร่งกว่า สามารถปกป้องพวกเขาได้ แต่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง บดบังรัศมีของพวกเขา ลดโอกาสฝึกฝนของพวกเขาลง ยิ่งไปกว่านั้นหากเจอศัตรูแข็งแกร่งจริงๆ ตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ พวกเขายิ่งจะมองดูเฉยๆ ไม่มีแรงฮึดลุกขึ้นมาต่อต้าน
“พูดแบบนี้ แสดงว่ามีแค่ฉันที่คิดไปเอง คิดว่าฉันรวมกลุ่มกับพวกนาย พวกนายน่าจะดีใจ?”
ฟางผิงเย้ยหยันตัวเอง “ฉันคิดว่าพวกนายจะดีใจซะอีก ฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลาย ฝีมือไม่อ่อนด้อย เจอกับคู่ต่อสู้ ฉันจะสังหารอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว พวกนายจะปลอดภัยมากกว่า ตอนนี้ดูแล้วเป็นฉันที่ไร้เดียงสาเอง พวกนายนั้นคิดจะแข็งแกร่ง อยากเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย ไม่ใช่เอาแต่พึ่งพาคนอื่นอยู่ตลอด…ก็ถูก พ่อแม่ของพวกนายเป็นยอดฝีมือขั้นห้าขั้นหก ถึงกระทั่งเป็นปรมาจารย์ ที่พึ่งพิงแบบนี้ แข็งแกร่งกว่าฉันมาก แข็งแกร่งกว่าร้อยเท่าพันเท่า! นึกไม่ถึงว่าฉันจะมีความคิดน่าขำแบบนั้น คิดว่าเข้าถ้ำใต้ดิน ฉันจะเป็นที่พึ่งของพวกนาย…ช่างน่าขำจริงๆ คิดไปเอง ถังเฟิงพูดถูกแล้ว พ่อแม่ให้พวกนายเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ หากกลัวพวกนายตายจริงๆ คงให้ตัวเองมาปกป้องพวกนายแล้ว ยังจำเป็นต้องให้ฉันออกหน้าอีกทำไม?”
ฟางผิงแค่นยิ้มกับตัวเอง ช่างน่าขำจริงๆ
ความจริงสิ่งที่เขาคิดมาโดยตลอด ในสายตาทุกคนกลับเป็นเรื่องน่าขำ ทุกคนแค่คล้อยตามเขา คิดว่าเขาหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่อาจพูดอะไร ฟางผิงที่มีชาติกำเนิดธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ เดิมทีเขาก็ไม่อาจเข้าใจความคิดของผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้
พวกเขาต้องการให้คนปกป้องงั้นเหรอ?
หากมีความคิดแบบนี้จริงๆ พวกเขาอาจไม่เลือกลงถ้ำเสมอไป ใครไม่รู้บ้างว่าในถ้ำมีอันตราย
รวมถึงเฉินอวิ๋นซี หากเธอคิดแบบนั้น คงไม่มาเรียนที่เซี่ยงไฮ้ อยู่จิงหนาน เธอปะปนอยู่กับคนที่นั่นได้ดีกว่าด้วยซ้ำ
“ฟางผิง ทุกคนไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น…นายอย่าคิดมากไป…” เฉินอวิ๋นซีอธิบายออกมาอีกครั้ง
ฟางผิงถอนหายใจ ไม่พูดอะไรอีก สาวเท้าพลางเอ่ยว่า “ฉันจะไปทางนั้น พวกนายระวังตัวด้วยแล้วกัน ก่อนจะเดินทางอาจารย์บอกให้ฉันปกป้องพวกนาย บางทีอาจารย์อาจคิดผิดเหมือนกัน พวกนายไม่ต้องการให้ฉันปกป้อง หัวสิงโตดูถูกฉัน ฉันไม่สนใจ ถูกก็ดี ผิดก็ช่าง ฉันจะไปตามทางของฉันต่อ หากผิดจริงๆ ฉันคงไม่หันกลับไปเหมือนกัน รอวันไหนกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว สังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงของอีกฝ่าย เขาก็จะเข้าใจ ฉันไม่ได้ขี้ขลาดกลัวตาย ไร้ประโยชน์เหมือนที่เขาพูดขนาดนั้น!”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก่อนฟางผิงจะสาวเท้าจากไป
—
รอเขาจากไปสักพัก เฉินอวิ๋นซีก็พูดอ้อมแอ้มขึ้นมาว่า “พวกเรา…ทำเกินไปหรือเปล่า?”
หยางเสี่ยวม่านเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย “มีอะไรเกินไปกัน เดิมทีเขาก็คิดไปเองอยู่แล้ว เอาแต่คิดว่าตัวเองเก่งที่สุด ไร้คู่ต่อสู้ ไม่สนใจใคร แต่เทียบกับพวกหวังจินหยางแล้ว หรือเธอไม่เห็นว่าห่างชั้นกันขนาดไหน?”
“แต่ว่า…”
ฟู่ชางติ่งพูดเบาๆ “ช่างเถอะ แบบนี้ดีต่อเขาเหมือนกัน หากเขาอยู่กับพวกเราจริงๆ คงไม่มีแรงกดดัน ทั้งไม่มีแรงกระตุ้นอะไร มังกรไม่อาจอยู่ร่วมกับงู สิ่งที่พวกเราต้องทำคือตามเขาให้ทัน ให้เขารับรู้ถึงแรงกดดัน นี่ถึงจะเป็นประโยชน์ต่อเขาจริงๆ”
“แต่ว่า…”
เฉินอวิ๋นซียังไม่ทันพูดจบ เจิ้งหลงเจียงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ฉันว่าฟางผิงไม่ใช่คนที่คิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น รอเขาไปรวมกับถังเฟิงแล้ว ไปที่สนามบดเนื้อ เขาจะรู้เองว่าอันที่จริงเหล่าถังปรารถนาดีต่อเขาถึงได้กระตุ้นเขา หวังแค่ว่าเขาจะงัดความได้เปรียบของตัวเองออกมาได้ เป็นฝ่ายแสวงหาความแข็งแกร่ง ทำประโยชน์เพื่อชัยชนะของมวลมนุษยชาติ ไม่ช้าก็เร็วเขาจะเข้าใจ เหล่าถังคนนี้ หากไม่เห็นความสำคัญคงจะมองข้ามเขาไปนานแล้ว พวกเธอคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกว่างขนาดนั้นเลยหรือไง?”
“แต่ว่า…”
เฉินอวิ๋นซีรีบเอ่ยออกมา “แต่ว่าเหมือนเขาจะเดินไปผิดทาง พวกอาจารย์ถังเดินไปทางเหนือ แต่เขาเดินไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ!”
ทุกคนเงียบลงในชั่วพริบตา!
เจิ้งหลงเจียงหัวเราะแห้งๆ ว่า “ไม่เป็นไร เหล่าถังบอกแล้วว่าจะเดินไปทางเหนือ…”
ฟู่ชางติ่งกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พูดออกมาว่า “เขาเหมือนจะเป็นคนแยกแยะทิศทางไม่ค่อยออก…”
เจิ้งหลงเจียงสีหน้าเปลี่ยนทันที “พวกเธอรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อน ฉันจะรีบกลับมา!”
—
สิบนาทีต่อมา เจิ้งหลงเจียงจำเป็นต้องย้อนกลับมา เอ่ยด้วยสีหน้าดูไม่ได้ “หายไปแล้ว!”
ทุกคนต่างนิ่งอึ้งทันที ฟางผิง ไปไหนแล้ว?
———————-