ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 241 เจอแต่ตัวเป้งๆ (1)
ตอนที่ 241 เจอแต่ตัวเป้งๆ (1)
สนามบดเนื้อ
แม้ฟางผิงจะไม่ได้ชักช้า แต่ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำที่ไล่ตามด้านหลังผู้นั้นเข้าสู่ระดับกลางแล้ว จึงเคลื่อนไหวเร็วอย่างมาก
ฟางผิงข่มกลั้นโทสะในใจ!
ถูกถังเฟิงตำหนิชุดใหญ่ยังพอว่า พวกฟู่ชางติ่งยังคิดว่าไม่ใช่เรื่องดีที่จะรวมกลุ่มกับพวกเขาอีก หลังจากนั้นก็ถูกถังเฟิงทิ้งไว้ข้างหลัง!
ยังไม่พอเมื่อกี้ถูกคนลอบโจมตี เกือบจะแทงดาบทะลุคอแล้ว
ตอนนี้มาถูกผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางไล่ตามอย่างไม่ลดละ จ้องจะเอาชีวิตตัวเองให้ได้อีก มีแบบนี้ที่ไหนกัน!
“ฉันไปฆ่าคนรักของนายหรือไง?”
ฟางผิงหันกลับไปด่า ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจหรือเปล่า ชูนิ้วกลางส่งให้ นายวิ่งตามมาเถอะ ดูสิใครจะหมดแรงก่อนใคร!
คงต้องพูดว่าภาษากายนั้นเป็นวิธีสื่อสารที่ดีที่สุด
ตอนที่ฟางผิงเผยสีหน้าดูแคลน ชูนิ้วกลางใส่อีกฝ่าย ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไล่ตามมาด้านหลังก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าโมโหทันที เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอีก
ฟางผิงเห็นแบบนี้ ใจแทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม รีบระเบิดปราณ หนีตายอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“นายรอก่อนเถอะ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่จะมีปราณเยอะกว่าฉันเท่าไหร่กัน? รอนายใช้ปราณหมดแล้ว ฉันจะฟันนายให้ตาย!”
ฟางผิงวิ่งอย่างรวดเร็ว อันที่จริงวิชาดาบคลั่งโลหิตยังอยู่ในขั้นธรรมดา จนถึงตอนนี้ก็ฟันติดต่อกันได้สี่ดาบเท่านั้น
แต่วิชาเคลื่อนเมฆของเขาไม่ได้อ่อยด้อย ระเบิดปราณแล้ว เกรงว่าทุกวินาทีจะเร่งความเร็วไปกว่าสามสิบเมตร
หากสามารถประคองความเร็วนี้ได้ตลอด คงแตะถึงอัตราหนึ่งร้อยแปดกิโลเมตรต่อชั่วโมง
ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าระดับสาม ระเบิดความเร็วสูงถึงขนาดนี้ พบเห็นได้น้อยอย่างยิ่ง แน่นอนว่าสิ้นเปลืองปราณเยอะเช่นกัน
ตอนที่ฟางผิงหนีตายอย่างบ้าคลั่ง จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของอนุภาคพลังงานจากด้านหน้า ฟางผิงวูบไหวในใจ รีบวิ่งอ้อมไปอีกทาง วินาทีที่เลี้ยวหลบ กลางอากาศนั้นสั่นสะเทือน หอกยาวเล่มหนึ่งทะลวงผ่านอากาศอย่างแรง
“มาอีกคนแล้ว!”
ฟางผิงสั่นสะท้านในใจ ขั้นสี่มาอีกคนแล้ว!
นี่ฉันเข้ามาในรังโจรหรือไง?
แม้ในหัวจะคิดแบบนั้น แต่ฟางผิงยังคงวิ่งหนีต่อ ขั้นสี่สองคน สู้ไม่ไหวแล้ว!
ในตอนที่เขาหนีออกมาจากระยะโจมตีของหอกยาว ในพงหญ้าก็มีผู้ฝึกยุทธ์ที่ทาหน้าด้วยสีดำกระโดดออกมา สื่อสารกับผู้ฝึกยุทธ์ที่ไล่ตามฟางผิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว
ฟางผิงไม่คิดจะฟัง ฟังไปก็ไม่เข้าใจ เขารู้แค่ว่าตัวเองเจอปัญหาใหญ่แล้ว!
ในสนามเนื้อบดมีแต่ศัตรูทุกหนทุกแห่ง วิ่งหนีมั่วซั่วมาที่นี่ จะพบเจอผู้ฝึกยุทธ์อีกฝ่ายได้ง่าย เป็นแบบนี้ต่อไป บางทีอาจไม่สามารถสลัดตัวจากพวกเขาได้ ตัวเองจะถูกล้อมตีตายซะก่อน
“ต้องคิดวิธีสักหน่อย!”
“ผู้ฝึกยุทธ์ของมนุษย์ล่ะ?”
ฟางผิงร้อนใจอยู่บ้าง ไหนบอกว่าระดับกลางมีน้อย?
แม่งเหอะ โผล่มาสองคนแล้ว!
หันมองไปรอบทิศทาง มีแต่ทุ่งหญ้ารกร้าง…แต่ทางซ้ายด้านหน้าเหมือนจะเป็นพื้นที่ที่มีร่มเงา…
“ป่า?”
ฟางผิงลังเลเล็กน้อย ในคาบเรียนรวมถึงเวลาฝึกซ้อม พวกอาจารย์ต่างบอกว่าเจอป่าอย่าเข้าไปง่ายๆ
ป่าเป็นสถานที่หลบภัยที่ดีที่สุด ทั้งยังเป็นสถานที่ที่เสี่ยงตายที่สุดเช่นกัน
ไม่ใช่แค่ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ แต่ยังรวมถึงสิ่งมีชีวิตใต้ดินบางส่วน เป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ในป่าอาจจะเจอคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์
“เข้าป่าหรือไม่เข้าดี…”
“หัวสิงโต เจ้าบ้านี่รีบมาช่วยฉันสิ!”
ฟางผิงร้องไห้ไม่ออก หันไปมองผู้ฝึกยุทธ์สองคนด้านหลังที่ติดตามอย่างไม่ลดละแวบหนึ่ง หากเป็นแบบนี้ต่อไป ยังไม่รู้ว่าจะดึงดูดผู้ฝึกยุทธ์มาอีกกี่คน
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำไม่ได้โง่เง่า ถ้าไม่มีความมั่นใจ พวกเขาไม่อาจไล่ตามคู่ต่อสู้อย่างไม่เกรงกลัวหรอก
ตอนนี้ไล่ตามตัวเองไม่ปล่อย เป็นไปได้ว่า…เขาอาจจะเข้าสู่รังโจรแล้วจริงๆ!
ไม่งั้นอยู่ในสนามบดเนื้อ ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ก็ต้องระวังการโจมตีจากผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์เช่นกัน
“ไม่เข้าก็ต้องเข้าแล้ว รัศมีไม่กี่สิบลี้ กลางพงหญ้าแบบนี้ยังไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ซ่อนตัวอยู่มากน้อยแค่ไหน อีกเดี๋ยวอาจจะยกกันมาเป็นโขยง!”
สีหน้าฟางผิงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด ในตอนที่เขาเตรียมจะวิ่งเข้าไปในป่า ก็มีผู้ฝึกยุทธ์ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
ฟางผิงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายสื่อสารกันยังไง ไม่นานรอบตัวฟางผิงก็มีผู้ฝึกยุทธ์ปรากฏขึ้นอีกสี่ห้าคน เริ่มไล่ตามฟางผิง
‘ฟิ้ว!’
ฟางผิงกำลังวิ่งสุดกำลังเขาไปในป่าทางซ้าย จู่ๆ ก็มีเสียงทะลวงผ่านอากาศดังขึ้น ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนทันที คำรามเสียงดัง ก่อนจะหายไปจากจุดเดิม ใบหน้านั้นซีดเผือดอยู่บ้าง
ด้านหลังของเขา ลูกธนูที่เต็มไปด้วยไอปราณ ชั่วพริบตาก็ทำลายต้นไม้ใบหญ้าโดยรอบแตกกระจุย
“แม่งเอ้ย!”
ฟางผิงไม่เผยสีหน้าท้อแท้อีกแล้ว จริงจังขึ้นมาทันที
เจอมือธนูของขั้นสี่แล้ว!
ปลดปล่อยปราณออกมากับลูกธนู อย่างน้อยต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่
บนโลกมีผู้ฝึกยุทธ์ที่เรียนธนูน้อยอย่างยิ่ง ประเด็นอยู่ที่ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม แม้จะเป็นขั้นสามตอนปลายหรือสูงสุด ก็ยากจะทำถึงขั้นปลดปล่อยปราณห่างจากร่างกายได้
หากทำถึงจุดนี้ไม่ได้ พลังทำลายล้างของธนูย่อมมีอย่างจำกัด
ดังนั้นผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามแทบจะไม่เรียนอาวุธชนิดนี้ เวลาของทุกคนมีค่อนข้างจำกัด เรียนเคล็ดวิชาต่อสู้ก็แทบไม่พอแล้ว ไหนจะยังมีเวลามาเรียนธนู
แต่พอเข้าสู่ระดับกลาง ปล่อยปราณออกจากร่าง พุ่งควบคู่ไปกับธนูได้ พลังทำลายล้างคงไม่ต่ำอีกแล้ว
ฟางผิงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายถูกยิงเข้าจุดสำคัญ ก็ต้องตายสถานเดียว
แม้จะยิงถูกที่อื่น ปราณของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ยังสามารถทลายการป้องกันทำให้เขาบาดเจ็บได้อยู่ดี
‘ฟิ้ว!’
ในตอนที่ฟางผิงหลบธนูแรกได้อย่างเฉียวเฉียด ด้านหลังพลันมีธนูลูกที่สองตามมา!
“เวรเอ้ย!”
ฟางผิงด่าอย่างโมโห เคลื่อนไหวฝีเท้าอีกครั้ง เงาปรากฏออกไปไกลกว่าสิบเมตร ใบหน้าซีดเซียว
แต่ไม่นานก็ฟื้นฟูจนเป็นสีแดงเปล่ง
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สามคน!
รวมกับผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามอีกสองสามคน
ในนั้นยังมีมือธนูที่โจมตีระยะไกลอยู่อีกคน การจัดทัพเช่นนี้เพียงพอให้สังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขั้นห้าแล้ว
ฟางผิงไม่มีความลังเลอีกต่อไป เคลื่อนไหวฝีเท้าอย่างว่องไว มุ่งไปทางป่าข้างหน้า ส่วนเรื่องสิ้นเปลืองปราณ…เวลานี้ใครยังจะสนใจกัน!
—
ฟางผิงที่หลบธนูไปหลายดอก ตอนนี้เข้าใกล้ป่าแล้ว
ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามถูกเขาสลัดพ้นเป็นที่เรียบร้อย ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางสามคนยังไล่ตามอย่างไม่ลดละ
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำคงตระหนักได้เช่นกัน พวกเขากำลังจะจับปลาตัวใหญ่ได้
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามที่หลบหนีการไล่ล่าของขั้นสี่สามคนได้ ผู้ฝึกยุทธ์เช่นนี้ ตอนที่อ่อนแอลงยิ่งต้องฆ่าให้ตาย!
ไม่งั้นรออีกฝ่ายเข้าสู่ระดับกลางแล้ว คงจะพัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดด
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สามคน ไม่มีใครคิดยอมแพ้ แม้ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำจะไม่เข้าไปในป่าง่ายๆ แต่ตอนนี้กลับบุกทะลวงตามฟางผิงเข้าไปอย่างไม่มีความลังเลเลยสักนิด
—
“แฮ่กๆ…”
ฟางผิงหอบใจเบาๆ วิ่งเข้ามาในป่ามั่วซั่ว เวลานี้ไม่สนใจเรื่องหลงทางแล้ว เดิมทีเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกไล่ต้อนมาถึงที่ไหน ไปที่ไหนก็เหมือนกันทั้งนั้น
ฟื้นฟูลมหายใจให้เป็นปกติเล็กน้อยก่อนฟางผิงจะกระโดดขึ้นไปในอากาศ ขึ้นไปอยู่บนยอดต้นไม้ใหญ่
สิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดินขนาดตัวใหญ่ๆ เหมือนกันเกือบทั้งหมด ต้นไม้ก็เช่นกัน
ที่นี่ดูไม่เหมือนอยู่ในป่าลึก แต่ต้นไม้มีขนาดใหญ่จริงๆ ฟางผิงซ่อนตัวอยู่ใต้ใบไม้ กลั้นลมหายใจ เก็บซ่อนปราณเอาไว้
‘แครก…’
ในป่ามีเสียงต้นไม้ถูกฟันเบาๆ แผ่กระจายออกมา
ฟางผิงรวบรวมสมาธิ ใช้สายตามองไปตามเสียง ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำไล่ตามเข้ามาแล้ว
“จี๋ลี่อากู่…”
เสียงถกเถียงกันของอีกฝ่ายดังขึ้นอย่างเลือนราง
ฟางผิงฟังไม่ออก ทำได้เพียงทายดู “แยกกันเคลื่อนไหว”
ครู่ต่อมา เรื่องที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สามคนที่เขาเฝ้ามองอยู่ แยกทางกันจริงๆ!
“เช้ด ฉันนี่มันอัจฉริยะภาพด้านภาษาจริงๆ!”
ฟางผิงผ่อนคลายการป้องกันลง ฉันทายถูกได้ยังไงเนี่ย!
ผู้ฝึกยุทธ์ถือดาบที่ไล่ตามฟางผิงมาตั้งแต่ผู้ฝึกยุทธ์คนแรกถูกฆ่าตาย ตอนนี้เดินมาทางที่ฟางผิงซ่อนตัวอยู่
อีกสองคน คนหนึ่งถือหอก ทาสีน้ำมันสีดำบนใบหน้า
ส่วนคนสุดท้ายกลับถือคันธนูในมือ ด้านหลังแบกลูกธนู…ประเด็นสำคัญคือเป็นผู้หญิง!
ฟางผิงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้มองผิด!
เป็นผู้หญิง!
“รบระยะประชิดไม่พอยังหาพลรบระยะไกลมาร่วมด้วยหรือไง?”
ฟางผิงเก็บสายตากลับมา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่พวกนี้ ประสาทสัมผัสไม่ได้อ่อนด้อย หากเพ่งความสนใจนานๆ พวกเขาอาจจะรับรู้ได้แล้ว
“ตอนนี้ฉันควรจะทำยังไง? ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกคนพวกนี้ค้นพบแน่”
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำไม่ใช่คนโง่ พวกเขาแทบจะไม่มองออกไปข้างนอกป่าเลย เอาแต่จ้องมองยอดต้นไม้ ส่วนฟางผิงที่คิดว่าคนพวกนั้นจะวิ่งเตลิดไปทั่ว ทำได้เพียงเฝ้ามองผู้ฝึกยุทธ์อยู่บนพื้น…ทั้งสามคนไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากนี้
“ลอบโจมตีเป็นเรื่องยาก แค่เคลื่อนไหวก็จะถูกค้นพบทันที”
“ขั้นสี่สามคน ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน นี่หากถูกเจอตัวคงจะโดนล้อมโจมตี ปิดกั้นเส้นทาง คิดหนียังเป็นเรื่องยาก”
ฟางผิงร้อนใจอยู่บ้าง โมโหหัวสิงโตขึ้นมาอีก ไหนบอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางมีน้อย!
ความจริงฟางผิงไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ห่างจากเขตรัศมีสามสิบกิโลเมตรมาไกลแล้ว เมื่อครู่วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เขาจึงอยู่ห่างจากรัศมีออกมาห้าสิบกิโลเมตร
ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองเทียนหนานเพียงสามสิบกว่ากิโลเมตรเท่านั้น อยู่ในเขตไล่ล่าของเมืองเทียนหนาน
—————–