ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 241-2 เจอแต่ตัวเป้งๆ (2)
ตอนที่ 241 เจอแต่ตัวเป้งๆ (2)
ปกติผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายเข้าใกล้บริเวณนี้ยังพอพูดกันได้ แต่ช่วงนี้สถานการณ์ของถ้ำใต้ดินเกิดการเปลี่ยนแปลง นับวันผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางของถ้ำก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟางผิงที่วิ่งหนีอย่างไร้ทางเลือกจึงเจอเข้ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางถึงสามคนในช่วงเวลาสั้นๆ
เห็นว่าผู้ฝึกยุทธ์ถือดาบยิ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ฟางผิงปวดหัวอยู่บ้าง
ชายตามองผู้ฝึกยุทธ์อีกสองคนแวบหนึ่ง
“อยู่ห่างประมาณห้าสิบเมตร ถ้าระเบิดปราณไล่ตาม น่าจะต้องใช้เวลาสองวินาที”
“แต่มีต้นไม้ขวางทางอยู่ อย่างน้อยคงสามสี่วินาที”
“สามสี่วินาที ฉันสามารถฆ่าหมอนี้ได้อย่างนั้นเหรอ?”
ฟางผิงคิดไปต่างๆ นานา นี่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม แต่เป็นขั้นสี่ ฆ่าง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน
หากจัดการง่ายจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาคงไม่วิ่งหนีแล้ว
“ความได้เปรียบของฉันอยู่ที่ปราณเพิ่มได้รวดเร็ว ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง เว้นแค่พวกขั้นหกสูงสุดที่มีพลังจิตใจแข็งแกร่ง อาจจะไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องปราณ แต่ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ยังคงให้ความสนใจจุดนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ปราณแตะสองพันแคล นี่ถึงขีดจำกัดแล้ว ไม่ใช่ว่าจะมีอัจฉริยะทุกหนทุกแห่งที่ทะลวงขีดจำกัดได้ หมอนี่ไล่ตามฉันนานขนาดนี้ ฉันเสียปราณไปเกือบห้าร้อยแคล แม้เขาจะสิ้นเปลืองน้อยกว่าฉัน ก็คงจะสองร้อยสามร้อยแคล แต่ยังคงน้อยเกินไป!”
ฟางผิงขมวดคิ้ว เสียเปลืองแค่นี้ ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่
ทั้งยังมีสามคนอยู่ที่นี่ ไม่อาจต่อกรได้ง่าย
“ต้องทำให้พวกเขาแยกกัน โจมตีแค่คนเดียว แกล้งทำเป็นว่าใช้ปราณหมดแล้ว…ใช่ คนพวกนี้ไม่รู้ว่าฉันมีปราณไร้ขีดจำกัด ฉันใช้ปราณไปไม่น้อยแล้ว อีกเดี๋ยวจู่โจมคนๆ นี้อย่างกะทันหัน ฝืนต้านสักสองสามกระบวนท่าแล้วแกล้งตาย จากนั้นก็หนีไปอย่างรวดเร็ว ให้พวกเขาแยกกันไกลหน่อย…” นึกมาถึงตรงนี้ ฟางผิงเห็นว่าอีกฝ่ายเข้ามาสำรวจใกล้ตัวเองแล้ว จึงกำดาบแน่น เตรียมพร้อมทำการจู่โจม
—
ครู่ต่อมา ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถือดาบเพิ่งมาถึงใต้ต้นไม้ที่ฟางผิงหลบอยู่ ฟางผิงก้มมองจากด้านบน ก่อนจะกระโดดลงมาอย่างรวดเร็ว ดาบยาวประกายแสงสีแดง ฟันออกไปเต็มแรง!
อีกฝ่ายระวังตัวอยู่ตลอดเช่นกัน เห็นแบบนั้นนอกจากจะไม่ตกใจกลับยังดีใจ คำรามเสียงต่ำ ดาบยาวนั้นประกายแสงสีแดงเข้มข้นกว่าฟางผิง ฟันโจมตีกลับทันที
‘เคร้ง!’
เสียงดังสนั่นกระจายออกมา อุ้งมือของฟางผิงปริแตก กลับไม่มีความลังเลสักนิด ยกดาบฟันไปอีกครั้ง เสียงดังก้องไปทั่วป่า
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำที่ถือดาบเผยใบหน้าเคร่งขรึม ไม่มีท่าทีลนลานแม้แต่น้อย
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามใช้กระบวนท่าภายใต้ระยะโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สามคนแทบจะเป็นเรื่องที่รนหาที่ตาย แม้จะสามารถต้านเขาได้ช่วงหนึ่ง คนอื่นๆ จะเข้ามาสังหารผู้ฝึกยุทธ์ที่สิ้นเปลืองปราณโดยไม่คิดหน้าคิดหลังอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“ขู้จี๋อู๋ยาหลี่…”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถือดาบโจมตีกลับพร้อมเอ่ยประโยคออกมาอย่างเรียบนิ่ง
“ความสามารถขี้ปะติ๋ว?” ฟางผิงช่วยแปลให้ ใบหน้ากลับเผยท่าทีโมโห “หากนายฟังคำพูดฉันออก ฉันจะถือว่านายเก่ง ฟังไม่ออก ฉันจะบอกนายว่า อีกเดี๋ยวจะฆ่านายเป็นคนแรก! อย่าคิดว่าฉันสิ้นเปลืองปราณไปเยอะแล้ว เดี๋ยวจะฟันนายตายให้ดู!”
ฟันติดต่อกันสี่ครั้งออกไปสองชุดแล้ว ฟางผิงเริ่มไม่ไหว อีกฝ่ายก็ถอยหลังไปหลายก้าวเช่นกัน
เวลานี้อีกสองคนไล่ตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ฟางผิงใบหน้าซีดเผือด ไม่คิดโรมรันอีก ครู่ต่อมาก็กระโดดเหยียบบนต้นไม้ วิ่งหนีเข้าไปในป่าลึก
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำทั้งสามคนเข้ามาสมทบกันแล้วก็วิ่งไล่ตามไป ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถือดาบเหมือนจะกระซิบอธิบายสถานการณ์ของฟางผิงให้คนอื่นฟังคร่าวๆ ด้วย
เมื่อกี้ฟางผิงฟันออกไปแปดดาบ พลังทบกันสองครั้ง ภายใต้การระเบิดปราณ แม้เขาจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ ก็อุ้งมือปริแตก เลือดไหลออกมาเช่นกัน
เขายังเป็นแบบนี้ ฟางผิงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม เกรงว่าปราณคงจะอยู่ในเกณฑ์อันตรายแล้ว
ตอนนี้หากไม่ตามต่อ อีกฝ่ายยังสามารถค่อยๆ ฟื้นฟูได้ แต่พอต้องวิ่งหนีสุดกำลังอีก ไม่มีแม้แต่เวลาฟื้นฟู ในสายตาของทั้งสามคน ผู้ฝึกยุทธ์ที่มาจากเมืองแห่ง ‘ความหวัง’ คนนั้นต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
ทั้งสามคนไล่ตามอย่างไม่ลดละ มุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึก
—
ในเวลาเดียวกัน
ด้านนอกป่า หวงจิ่งชะงักฝีเท้า ใช้แววตาที่เย็นยะเยือกมองเด็กหนุ่มผมยาวที่เหินเวหาอยู่ไม่ไกล บอกว่าเป็นเด็กหนุ่ม แววตาของอีกฝ่ายกลับล้ำลึกอย่างยิ่ง
“เจอตอไม้ใหญ่ซะแล้ว”
หวงจิ่งพึมพำ เกรงว่าเมืองเทียนหนานจะเตรียมการจู่โจมแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมียอดฝีมือระดับสูงปรากฏตัวอยู่ใจกลางสนามบดเนื้อ
ขึ้นชื่อว่าเป็นยอดฝีมือระดับสูง รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ของมนุษย์ หากไม่ถึงช่วงเวลาสำคัญจริงๆ น้อยนักที่จะปรากฏตัวออกมาในสนามบดเนื้อ ที่นี่ทั้งสองฝ่ายต่างรู้กันดีว่าเป็นสถานที่ของการประลองฝีมือ มีไว้สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างและระดับกลาง
ยอดฝีมือปรากฏตัวขึ้น นั่นหมายความว่าสงครามใหญ่กำลังจะเปิดฉากแล้ว เริ่มกวาดล้างศัตรูของอีกฝ่ายที่ข้ามเขตแดนมา
“ถ้าหลู่เฟิ่งโหรวรู้ว่าฉันทำลูกศิษย์เธอหาย…”
หวงจิ่งพึมพำอย่างห้วนๆ “เด็กนั่นวิ่งเข้าไปในส่วนลึกเอง จะโทษฉันก็ไม่ได้เหมือนกัน?”
ตอนที่ฟางผิงแยกออกมาจากกลุ่มคนเดียว เขาเห็นเหมือนกัน ผลปรากฏว่ายิ่งเห็นเด็กนี่วิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ หวงจิ่งก็ไม่รู้ว่าฟางผิงคิดยังไง
รอจนเห็นฟางผิงถูกพวกขั้นสี่ล้อมโจมตี เขาเพิ่งจะปรากฏตัวขึ้น อีกฝ่ายกลับส่งคนมาเช่นกัน
ทำได้เพียงมองฟางผิงวิ่งเข้าไปในป่าลึก ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ทั้งสามคนตามไปเช่นกัน หวงจิ่งไร้ทางเลือก เขาไม่ได้จงใจทิ้งเด็กนั่นจริงๆ
ใครจะรู้ว่ายอดฝีมือระดับสูงจะปรากฏตัวออกมาในเวลานี้
“ยุ่งแล้ว!”
ถอนหายใจเบาๆ หวงจิ่งไม่พูดมากอีก ครู่ต่อมา ทั้งสองคนก็ปรากฏตัวกลางอากาศ
เกิดเสียงปะทะดังสนั่น ต้นไม้ใบหญ้าบนพื้นแหลกละเอียดเป็นผุยผง ภายในรัศมียี่สิบสามสิบเมตร เกิดเป็นพื้นที่โล่งเกลี้ยง
หวงจิ่งคำรามเสียงต่ำ ใบหน้าประกายแสงสีทอง ก่อนด้านหน้าจะปรากฏใบมีดคมล่องหน ราวกับจะตัดผ่านอากาศ
เด็กหนุ่มที่ใบหน้ายังอ่อนวัยฝั่งตรงข้ามยังคงเผยท่าทีเรียบนิ่ง ครางเสียงต่ำ ก่อนในอากาศจะเกิดเสียงเสือคำราม พุ่งตรงไปหาหวงจิ่ง
“แค่นี้ไม่พอหรอก!”
ใบมีดคมล่องหนที่อยู่ด้านหน้าหวงจิ่งพุ่งออกไปเช่นกัน ระหว่างกึ่งกลางของทั้งสองคน เกิดเสียงกระทบกันดังลั่น
ก่อนจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง พื้นดินด้านล่างกลายเป็นหลุมบ่อ ป่าหญ้ารกชัฏราวกับถูกใบมีดที่ไร้รูปร่างตัดเฉือน แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นพื้นที่โล่งว่างยิ่งกว่าเดิม
หวงจิ่งใช้พลังจิตใจประชันกับอีกฝ่าย พร้อมกับกระโดดขึ้นกลางอากาศ พุ่งเข้าหาเขา
เสียงระเบิดดังขึ้นกว่าเดิม ทั้งสองคนร่วงลงพื้นในเวลาเดียวกัน ใต้ฝ่าเท้านั้นเป็นดินโคลน ตำแหน่งที่ทั้งสองคนยืนอยู่ต่างเกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่
“ดูท่ายังพอมีหวัง ถ้าเด็กนั่นอดทนได้นานหน่อย ฉันอาจจัดการนายสำเร็จก็ได้!”
หวงจิ่งแสยะยิ้ม เพิ่งจะพูดจบ จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนทันที “แม่งเหอะ คิดจะหมาหมู่หรือไง!”
เพิ่งจะด่าจบ ร่างของหวงจิ่งก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กลางอากาศนั้นเกิดเสียงดังลั่น ตอนนี้ความเร็วนำหน้าเสียงไปแล้ว
ท่ามกลางความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หวงจิ่งปรากฏตัวขึ้นด้านบนของอีกฝ่าย มือสองข้างอบอวลไปด้วยสีแดง เขาระเบิดเสียงก่อนจะฉีกอากาศบนหัวของอีกฝ่ายออกจากกันอย่างแรง!
เด็กหนุ่มที่อยู่ระดับสูงใบหน้าแดงก่ำชั่วพริบตา ด้านบนค่อยๆ เผยรูปร่างของพยัคฆ์อสูรตัวหนึ่ง กำลังถูกหวงจิ่งใช้สองมือฉีกออกจากกัน
“ข่ากู!”
เด็กหนุ่มตะโกนเสียงดัง พยัคฆ์อสูรที่อยู่ด้านบนก็คำรามเช่นกัน ถลาเข้าหาหวงจิ่งอย่างบ้าคลั่ง!
“บอบบางไปหน่อย!”
หวงจิ่งหัวเราะ ด้านหน้าปรากฏใบมีดล่องหนขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะโจมตีกับพยัคฆ์อสูรที่เผยตัวตนออกมาให้เห็นอย่างเลือนราง
ในชั่วพริบตาพยัคฆ์อสูรก็ถูกคมมีดเฉือนจนเลือนรางไปอยู่บ้าง
ในเวลานี้เงาที่อยู่ไกลๆ นั้นก็กระโดดขึ้นมากลางอากาศ
หวงจิ่งแค่นเสียงในลำคอ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสองคน เขาตัวคนเดียว หากรั้งตัวอยู่ เท่ากับรนหาที่ตายเท่านั้น
แต่ถึงจะถอย ก็ไม่อาจปล่อยไปแบบนี้ได้ นึกไม่ถึงว่าฝั่งเทียนเหมินจะมียอดฝีมือระดับสูงปรากฏตัวที่นี่ตั้งสองคน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว ยังไม่พูดถึงฟางผิง สนามบดเนื้อมีผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ระดับล่างและระดับกลางอยู่นับพันคน
ยอดฝีมือระดับสูงโผล่ขึ้นตรงนี้ พอเขาไปแล้ว เกรงว่าจะมีคนตายเยอะกว่านี้
“นึกไม่ถึงว่าตาแก่โค่วจะสัมผัสไม่ได้ นั่งรักษาการณ์ยังไงกัน!”
หวงจิ่งลอบด่า ทางสนามบดเนื้อก็มีปรมาจารย์คอยดูแลเช่นกัน ตอนนี้อีกฝ่ายไม่ได้ออกมาช่วยเหลือ อาจจะถูกยื้อตัวไว้เหมือนกัน
ไม่คิดเรื่องพวกนี้อีก ปรมาจารย์ของมนุษย์มีน้อย เขาต้านสองคนนี้ไว้ ไม่นานก็จะมีปรมาจารย์เข้ามาจัดการอีกฝ่าย
หวงจิ่งคำรามเสียงดัง ออกแรงที่มืออีกครั้ง ฉีกพยัคฆ์อสูรออกจากกัน!
ครู่ต่อมาเขาก็เผยใบหน้าซีดเผือด ถอยไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ได้ถอยไปข้างหลัง ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงที่เพิ่งไล่ตามมาเห็นแบบนี้จึงคำรามเบาๆ เด็กหนุ่มที่อยู่บนพื้นนั้นหน้าซีด ทุบหัวตัวเองไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะม้วนตัวขึ้นกลางอากาศไล่ตามหวงจิ่งไป
อีกฝ่ายไม่กลับเมืองความหวัง แต่หนีออกไปทางซ้ายแทน ทั้งสองคนต่างเดาความหมายของเขาออก คิดจะล่อให้พวกเขาไล่ตาม
แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสองคนอยู่ที่นี่ก็ไม่กลัวหวงจิ่งเช่นกัน แม้เด็กหนุ่มเพิ่งจะถูกฉีกพลังจิตใจ ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่หวงจิ่งก็ไม่ได้จัดการเขาง่ายๆ เหมือนกัน
ทั้งสองคนไล่ไปตามทิศทางที่หวงจิ่งหนีไป จวบจนทั้งสามคนไปแล้ว ป่าหญ้ารอบๆ จึงมีผู้ฝึกยุทธ์บางส่วนเดินออกมาอย่างระมัดระวัง
รอจนเห็นสถานที่ที่พวกหวงจิ่งประมือกันเกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่แถวนั้นพากันหน้าเปลี่ยนสี ก่อนจะแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง ยอดฝีมือขั้นเจ็ดสามคนปะทะกัน ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะเข้าไปยุ่งได้
——————–