ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 246 ระบบอัปเกรด (1)
ตอนที่ 246 ระบบอัปเกรด (1)
ตอนกลางคืนฟางผิงไม่กล้าวิ่งวุ่นไปทั่วอีก กลัวว่าตัวเองจะหลงทาง
แต่ค่ำคืนนี้ เขาก็ไม่ได้สุขสบายนัก
เจี่ยวจ้องมองเขาอยู่ตลอด เขาจำเป็นต้องให้อาหารมันต่อ หมดปราณไปประมาณสามพันแคล อีกฝ่ายค่อยละความสนใจจากตัวเองไป
ค่าทรัพย์สินสามล้านหายไปในพริบตาเดียว ทำให้ค่าทรัพย์สินตกมาอยู่ที่เก้าสิบสี่ล้านห้าแสน
ฝืนอดนอนจนถึงเช้า ไม่จำเป็นต้องให้ฟางผิงออกไปหลอกล่อก็มีคนมาหาถึงหน้าประตู!
มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าสูงสุดคนหนึ่งหายตัวไปจากที่นี่ เวลานั้นมีคนเห็นเหตุการณ์หลายคน
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นไม่ได้กลับออกไป ทำให้ทีมของอีกฝ่ายเกิดความกังวล ฟ้าสว่างจึงออกมาสำรวจ
แต่อีกฝ่ายยังอยู่ห่างจากเจี่ยวสิบกว่าลี้ ไม่ได้เดินมาข้างหน้าอีก
พอดีกับฟางผิงที่กำลังเตรียมจะออกไปหาอาหารเช้าให้เจี่ยว ทั้งสองคนเลยพบกันอย่างบังเอิญ!
ตอนที่เห็นฟางผิงอยู่รอดปลอดภัย อีกฝ่ายก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย เขาจำได้ นี่เป็นคนที่ถูกไล่ฆ่าเมื่อวาน
ฟางผิงมีชีวิตอยู่ แล้วเพื่อนของเขาล่ะ?
แต่ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังสงสัย จู่ๆ ฟางผิงก็ตะโกนออกมา “น่าย่ากู่ข่าหลี่!”
อีกฝ่ายชะงักไป…
ครั้งนี้ฟางผิงนิ่งไปเช่นกัน!
แม่งเหอะ ทำไมทุกครั้งที่ฉันตะโกนแบบนี้ คนอื่นถึงตะลึงงันกันไปหมด?
ตามหลักแล้วมีคนตะโกนว่า ‘ไอ้เวร มาฆ่าฉันสิ’ ควรจะโมโหโกรธเคืองไม่ใช่หรือไง?
ทำไมผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำพวกนี้ถึงงงงันกันล่ะ?
“น่าย่ากู่ข่าหลี่…”
ฟางผิงตะโกนอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก อีกฝ่ายจ้องมองฟางผิง ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร แต่บอกเป็นนัยให้ฟางผิงนั่งลง…
นั่งลง?
ฟางผิงไม่ค่อยเข้าใจ อีกฝ่ายมองฟางผิงอย่างเรียบนิ่ง ตะโกนเสียงดัง!
น้ำเสียงนั้น ท่าทางนั้น…
“คุกเข่า?”
ฟางผิงใบหน้าเขียวคล้ำ “อะไรเนี่ย?”
“น่าย่ากู่…”
ฟางผิงไม่ตะโกนอีกแล้ว เอ่ยอย่างโมโหว่า “คุกเข่าปู่แกสิ!”
พูดจบก็ชูนิ้วกลางให้อีกฝ่ายด้วยท่าทีดูแคลน!
“หืม?”
อีกฝ่ายนึกไม่ถึงอย่างเห็นได้ชัด เผยสีหน้างุนงง ครู่ต่อมาความงุนงงยังไม่ทันหายไป เงาของอีกฝ่ายก็มาปรากฏอยู่ข้างหน้าฟางผิงแล้ว
ฟางผิงตกใจรีบหันหลังวิ่งทันที!
อีกฝ่ายไม่ได้รีบตาม แต่สำรวจรอบๆ อย่างระแวดระวัง รอจนไม่เห็นความผิดปกติแล้ว เวลานี้ค่อยไล่ตามฟางผิงไปอย่างช้าๆ ยังคงรักษาความระมัดระวังอยู่ตลอด
ที่นี่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าสูงสุดของพวกเขาหายไปหนึ่งคน
บางทีอาจเป็นเพราะว่าถูกผู้ฝึกยุทธ์ที่มาจากเมืองแห่ง ‘ความหวัง’ คนนี้ลอบวางแผน…ไม่ก็อาจจะซวย ไปเจอกับราชาอสูรเขาทอง
ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุไหนต่างต้องระวังตัว
แต่เจอผู้ฝึกยุทธ์จากเมืองแห่ง ‘ความหวัง’ แล้ว จำเป็นต้องจำกัดทิ้ง ไม่งั้นหากปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไป นั่นเป็นปัญหาแล้ว
ฟางผิงวิ่งสับขามาตลอดทาง ไม่หันไปยั่วยุอีกฝ่าย
ตอนแรกนั้นเพราะอีกฝ่ายไม่รู้สถานการณ์ ถูกยั่วยุเลยไล่ฆ่าเขา
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมาหาคน หากยั่วยุ คนอื่นมีแต่จะสงสัยว่าเป็นหลุมพรางเท่านั้น ดังนั้นฟางผิงจึงวิ่งสุดกำลัง ยังไงก็แค่ระยะทางสิบลี้
รอวิ่งมาถึงถิ่นของเจี่ยว ฟางผิงไม่รั้งตัวนานอีก วิ่งตรงดิ่งเข้าไปทันที
ผู้ฝึกยุทธ์ด้านหลังนึกไม่ถึงเช่นกันว่าที่นี่จะมีเพื่อนตัวเบิ้มนอนอยู่…ประเด็นอยู่ที่ว่าอีกฝ่ายไม่สนใจฟางผิง
รอจนอีกฝ่ายเข้าใกล้อาณาเขตของเจี่ยว จู่ๆ หน้าก็เปลี่ยนสี หันหลังวิ่งทันที!
แต่ยังวิ่งไปไม่กี่ก้าว อีกฝ่ายกลับตัวสั่นไปทั้งร่าง นอนกองที่พื้นในชั่วพริบตา
เวลานี้ฟางผิงค่อยหันกลับมาดู เห็นแววตาของเจี่ยวแปลกไปอยู่บ้าง หมอนี้มีพลังจิตใจแข็งแกร่ง อยู่ขั้นไหนกัน?
ขั้นเจ็ด?
ขั้นเจ็ดแข็งแกร่งขนาดนี้เลย?
หรือขั้นแปด?
“ขี้เกียจขยับ กลืนปราณไปเยอะขนาดนั้น หากไม่ท้องก็น่าจะเตรียมทะลวงขั้น!”
ฟางผิงพึมพำ แต่เจี่ยวตัวนี้ดูไม่เหมือนเพศเมีย อย่าถามว่าทำไมฟางผิงถึงรู้ เป็นเพราะความรู้สึกล้วนๆ
ไม่ใช่ตัวเมียหมายความว่าอาจจะอยู่ในช่วงทะลวงขั้น
“ขั้นเจ็ดไปขั้นแปด? หรือขั้นแปดไปขั้นเก้า?”
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนล้วนไม่ใช่สิ่งที่ฟางผิงรับมือได้
ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจี่ยวบอก ฟางผิงตะโกนว่า “เฮ้ ดูฉัน!”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็รวบรวมปราณไว้ที่มือให้เจี่ยวดูดกลืน
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไล่ตามมาคนนั้นใบหน้าซีดเผือด ไม่ได้มองฟางผิง แต่มองเจี่ยวอยู่พักหนึ่ง เอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างออกมา
เห็นใบหน้าแค้นเคืองของเขา เห็นได้ชัดว่าคงจะรู้สถานการณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว!
ครู่ต่อมาในตอนที่ฟางผิงเบิกตาค้าง อีกฝ่ายก็คำรามขึ้นมา ปราณทั่วร่างกลอกกลิ้ง…ไม่ได้พุ่งไปต่อสู้กับเจี่ยว แต่กลับสับขาวิ่งหนี!
ครั้งนี้ฟางผิงรับรู้ถึงความผันผวนของพลังจิตใจที่ไร้รูปร่างเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเจี่ยวมีโทสะอยู่บ้าง พลังจิตใจนั้นพลุกพล่านอย่างรุนแรง เวลาชั่วพริบตาก็กดอีกฝ่ายจนกระดูกดังกรอบแกรบ เลือดพรั่งพรูออกมานอกร่าง
ฟางผิงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันเช่นกัน ถอยห่างออกมาจากสายตาของเจี่ยวอย่างระมัดระวัง
สัตว์ป่ายังไงก็มีสัญชาตญาณของสัตว์ป่าอยู่ดี!
ครั้งนี้เจี่ยวใช้พลังจิตใจย้ายอีกฝ่ายมาไว้ข้างๆ ตัวเอง ไม่ได้ให้อีกฝ่ายป้อนอาหารอีก แต่อ้าปากกว้างเริ่มดูดกลืนปราณของอีกฝ่ายแทน!
ฟางผิงมองอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ก็เข้าใจว่าทำไมเจี่ยวถึงไม่ฆ่าตัวเองตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
การฝืนดูดกลืนปราณทำให้ปราณกระจัดกระจาย อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือขั้นห้าเหมือนกัน แต่สุดท้ายฟางผิงสังเกตได้ว่าปราณที่ถูกเจี่ยวดูดกลืนไปจริงๆ อาจจะไม่ถึงสองพันแคลด้วยซ้ำ
“อย่างน้อยต้องสิ้นเปลืองไปกว่าครึ่ง!”
ฟางผิงสั่นสะท้านในใจ เจี่ยวไม่ฆ่าเขา ไม่ใช่เพราะเขาหล่อ แต่เพราะอยากให้เขาเป็นฝ่ายป้อนอาหารมัน จากนั้นในตอนที่มีการถ่ายทอดสูงที่สุดก็จะดูดกลืนปราณทั้งหมดของเขา
“เจ้าเล่ห์ชะมัด!”
“หมอนี้มีสติปัญญาแน่ๆ!”
ดูดกลืนปราณอีกฝ่ายแล้ว ก็มีกระเป๋าใบหนึ่งลอยออกมาจากร่างผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น เคลื่อนไหวพลังจิตใจทำลายกระเป๋า หินพลังงานหลายก้อนยังไม่ทันตกสู่พื้น ก็ถูกเจี่ยวกลืนกินไปทันที
“จะทะลวงขั้นแน่ๆ!”
ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ฟางผิงแทบไม่เห็นอีกฝ่ายขยับตัว เอาแต่ใช้พลังจิตใจมาโดยตลอด เป็นไปได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงทะลวงขั้น
“ที่นี่ห่างจากเมืองความหวังไม่ไกล…นี่หากทะลวงขั้น…จะส่งผลกระทบกับมนุษยชาติหรือเปล่า?”
ส่วนเรื่องกำราบเจ้าหมอนี้ ฟางผิงไม่ได้คาดหวังอะไรทั้งนั้น เพราะเป็นสัตว์ประหลาดที่มีความเจ้าเล่ห์
ให้ตัวเองไปหลอกล่อคนมาอาจเป็นเพราะตระหนักได้ว่าเขาอ่อนแอเกินไป
หรืออาจจะรู้ว่าเขามาจากเมืองความหวัง ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ
โลกของถ้ำใต้ดิน มนุษยชาติอยู่ในสภาวะตั้งรับ ไม่อาจเป็นฝ่ายสร้างปัญหาให้สัตว์อสูรพวกนี้ แต่มนุษย์ถ้ำอาจไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป
“สติปัญญาสูงไม่ใช่เล่น!”
ฟางผิงวิเคราะห์ออกมา ทว่าเท้ายังคงไม่หยุดเคลื่อนไหว เดินไปด้านข้างร่างของผู้ฝึกยุทธ์ ครั้งนี้ไม่ต้องคลำ ดาบยาวของอีกฝ่ายก็วางอยู่ด้านข้างแล้ว เสื้อผ้าถูกทึ้งจนฉีกขาด บนร่างไม่มีของอย่างอื่นแล้ว
ตอนที่ดาบยาวอยู่ในมือ ฟางผิงก็ถามเหมือนเดิม “ราชาเจี่ยว อันนี้ให้ฉันได้ไหม?”
เจี่ยวไม่สนใจ เอาแต่จ้องมองเขา
ฟางผิงลอบด่าในใจ ทำได้เพียงรวบรวมปราณป้อนมันอีกครั้ง เขาจะรีบไปจากที่นี่ เจ้าหมอนี้กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ ต้องการปราณเยอะเกินไป หากเขาหลอกล่อคนมาไม่ได้ ไม่สามารถเติมปราณ คงจะถูกมันกลืนในคำเดียวแน่ๆ
ป้อนปราณติดต่อกันสองพันกว่าแคล เวลานี้เจี่ยวค่อยหลับตาลงไม่มองฟางผิงอีก
แต่ค่าทรัพย์สินของฟางผิง ตอนแรกตกมาอยู่ที่เก้าสิบสองล้าน ก่อนจะขึ้นมาอยู่ที่หนึ่งร้อยล้านในชั่วพริบตา!
ดาบยาวของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าคนนั้นอยู่ในระดับ C หนักพอประมาณ เพิ่มค่าทรัพย์สินหนึ่งร้อยล้านให้เขาขึ้นมาในทันตา
“ร้อยล้านแล้ว!”
ฟางผิงดีใจอย่างยิ่ง ในที่สุดก็ถึงร้อยล้าน!
ค่าทรัพย์สินเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เขาแทบจะสิ้นหวังไปแล้ว
สุดท้ายมาถึงถ้ำใต้ดิน…นี่เพิ่งจะกี่วันเอง?
หกวัน!
ใช่ อยู่ที่ถ้ำใต้ดินมาหกวันแล้ว ในที่สุดเขาก็ทำให้ค่าทรัพย์สินแตะถึงหนึ่งร้อยล้าน!
มองกระดานข้างหน้าที่มืดลงในชั่วพริบตา
ฟางผิงดีใจขึ้นมา อัปเกรดจริงๆ ด้วย
สองครั้งก่อนเป็นแบบนี้เหมือนกัน
ขอแค่รอสักพักเท่านั้น
ระหว่างที่รอ ฟางผิงก็เริ่มเก็บข้าวของ
อาวุธมีทั้งหมดเก้าชิ้น
ในนั้นมีกระบี่ยาวของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ฟางผิงสังหารสามคน ได้ดาบยาว หอกและธนูมาอีก
เมื่อวานผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าสูงสุดคนนั้นทิ้งสนับมือไว้ให้ ตอนกลางคืนขั้นสี่สามคนนั้นทิ้งดาบไว้หนึ่งเล่มกระบี่อีกสองเล่ม วันนี้ขั้นห้าทิ้งดาบยาวไว้ให้
ผู้ฝึกยุทธ์ใต้ดินใช้ดาบและกระบี่มากที่สุด อันที่จริงผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ก็เหมือนกัน ดาบและกระบี่เป็นอาวุธที่ใช้บ่อยที่สุด
ทั้งอาวุธพวกนี้ ฟางผิงคำนวณดูแล้ว เพิ่มค่าทรัพย์สินให้เขากว่าสี่สิบล้าน
ในความเป็นจริงรวมกับหินพลังงานพวกนี้ ครั้งนี้ฟางผิงรวบรวมค่าทรัพย์สินได้กว่าห้าสิบเจ็ดล้าน รวมกับที่ตัวเองมีอยู่ก่อนหน้านี้เกือบแปดสิบล้าน…
สังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สามคน รวมถึงป้อนอาหารเจี่ยว ฟางผิงเสียค่าทรัพย์สินไปกว่าสามสิบล้าน
แต่ค่าทรัพย์สินของฟางผิงยังคงเพิ่มขึ้น ทั้งอาวุธเยอะขนาดนี้ ขายออกไปคงได้กว่าสี่สิบล้าน ยังเพิ่มค่าทรัพย์สินเข้าบัญชีให้เขาได้อีก
———————–