ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 247 กำลังเสริมมาแล้ว (1)
ตอนที่ 247 กำลังเสริมมาแล้ว (1)
ในเวลาเดียวกัน
เมืองความหวัง
ถังเฟิงกลับมาด้วยความอ่อนเพลีย เห็นหวงจิ่งมองมาก็ส่ายหัวเบาๆ
“หาไม่เจอ…ทั้งรอบเมืองความหวังก็ถูกล้อมไว้หมดแล้ว…”
ถังเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันออกมาจากป่าราชันคลั่ง ทหารของเมืองเทียนเหมินได้เคลื่อนย้ายแนวรบมาถึงเขตสนามบดเนื้อแล้ว ปิดกั้นแนวเดินทัพด้านหน้า…”
เมื่อก่อนทั้งสองฝ่ายเคยทำสงครามเช่นกัน แต่สงครามใหญ่ในถ้ำใต้ดินมาไวดุจเปลวเพลิงจากไปเร็วเหมือนสายลม ปกติกองกำลังจะเปิดฉากตรงๆ ทันที
ครั้งนี้เมืองเทียนเหมินกลับให้ทหารกวาดล้างมาตลอดทาง ถึงกระทั่งปิดกั้นทางเดินทัพ
นี่ทำให้ถังเฟิงกังวลใจอยู่บ้าง
เขาออกมาจากป่าราชันเจี่ยว เกือบจะถูกคนล้อมฆ่าเช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดของเมืองเทียนเหมินหลายคนไล่ฆ่าเขา เขาถึงกระทั่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจของยอดฝีมือระดับสูง
หวงจิ่งขมวดคิ้วเช่นกัน “ครั้งนี้แปลกไปอยู่บ้าง เมื่อก่อนยอดฝีมือระดับสูงของอีกฝ่าย หากไม่ถึงช่วงท้ายคงไม่ปรากฏตัว
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับปรากฏตัวขึ้นก่อน บีบให้พวกเราจำเป็นต้องถอนกำลัง กลับมาตั้งหลักที่เมืองความหวัง หรือว่าจะเล่นลูกไม้อะไร?”
นึกมาถึงตรงนี้ หวงจิ่งก็ไม่อาจสนใจเรื่องฟางผิงได้อีก เทียบกับเมืองความหวัง ฟางผิงคนเดียวไม่ได้มีค่าถึงขนาดนั้นจริงๆ
ในช่วงเวลาที่สงครามใหญ่ใกล้จะปะทุขึ้น ไม่อาจให้ถังเฟิงออกไปค้นหาได้เหมือนกัน ยอดฝีมือขั้นหกถูกล้อมฆ่า หาฟางผิงเจอก็เป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสีย
“ไป ไปหาสวี่โม่ฟู่กันก่อน”
หวงจิ่งไม่ชักช้าอีก พาถังเฟิงเข้าไปค่ายทหารด้วยกัน
—
ในค่ายทหาร
ตอนที่ได้ฟังเรื่องจากถังเฟิง สวี่โม่ฟู่ก็พยักหน้าว่า “ไม่ใช่แค่ทิศเหนือ…ทิศอื่นๆ ยกเว้นทิศใต้ต่างถูกยอดฝีมือของเมืองเทียนเหมินล้อมไว้หมด ฉันสงสัยว่า…พวกเขาอาจจะคิดอยากทำทุกอย่างให้สำเร็จในครั้งเดียว!”
หวงจิ่งขมวดคิ้วว่า “พวกเราไม่ใช่เพิ่งจะทำสงครามกับอีกฝ่ายแค่ครั้งสองครั้ง เมืองเทียนเหมินคิดว่าสามารถกินรวบเมืองความหวังได้จริงๆ หรือไง?”
“ฉันแค่คาดเดาเท่านั้น…” สวี่โม่ฟู่ถูขมับว่า “หน่วยทหารได้ออกคำสั่งลงไปแล้ว ยอดฝีมือของเซี่ยงไฮ้ส่วนหนึ่งจะเข้ามาช่วยเหลือที่นี่ อีกอย่างพวกเราส่งคนไปทะลวงแนวป้องกันแล้ว สอดแนมสถานการณ์ทางนั้น…แต่ตอนนี้ปรมาจารย์ไม่อาจไปข้างนอกได้ ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายหลอกล่อพวกเราไปล้อมฆ่า ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางคิดจะฝ่าแนวป้องกันเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง”
สวี่โม่ฟู่เอ่ยเบาๆ “เรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ตอนนี้เมืองความหวังมีปรมาจารย์ห้าคน ไม่นานอาจจะมีปรมาจารย์มาเพิ่มอีก นอกเสียจากว่าเมืองเทียนหนานจะบุกทะลวงเข้ามา ไม่งั้นก็อย่าหวังจะจู่โจมเมืองความหวังได้!”
หวงจิ่งถอนหายใจเล็กน้อย “จำเป็นต้องหากำลังเสริมจริงๆ ก่อนหน้านี้มีระดับสูงปรากฏตัวขึ้นสี่คน ฉันเดาว่าแม้ครั้งนี้พวกเขาจะไม่บุกเข้ามา ก็คงส่งคนมากว่าสิบคนอยู่ดี”
“อืม นอกจากนี้อธิการอู๋จากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็จะนำทีมเข้ามาเหมือนกัน…”
หวงจิ่งพยักหน้าเล็กน้อย อธิการอู๋เป็นยอดฝีมือร่างทองขั้นแปด อธิการเฒ่าทางที่ดีตอนนี้อย่าออกรบจะดีที่สุด มีอธิการอู๋นำทีมมาสนับสนุนย่อมมีหลักประกันความปลอดภัยมากขึ้น
เมืองเทียนหนานมียอดฝีมือระดับสูงสิบสี่คน นอกจากเจ้าเมืองที่อยู่ขั้นเก้าแล้ว ยังมีร่างทองขั้นแปดมีอีกสามคน
ทางเมืองความหวังตอนนี้มีร่างทองขั้นแปดนั่งรักษาการณ์อยู่หนึ่งคน อธิการอู๋มาอีกก็กลายเป็นสองคน แม้ว่าอีกฝ่ายจะส่งระดับสูงมาบุกทะลวง ก็สามารถต้านไว้ได้ระยะหนึ่ง รอคอยกำลังเสริมจากข้างบนได้
ระหว่างที่พูด จู่ๆ หวงจิ่งก็เอ่ยว่า “อธิการอู๋นำทีม หลู่เฟิ่งโหรวคงไม่ได้มาด้วยหรอกนะ?”
สวี่โม่ฟู่รู้จักหลู่เฟิ่งโหรวอยู่แล้ว ได้ยินจึงพยักหน้าว่า “ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ไม่น่าจะมาหรือเปล่า อาจารย์หลู่ไม่ค่อยถูกกับอธิการอู๋…”
“ถูกของนาย”
หวงจิ่งถอนหายใจ ประเด็นอยู่ที่ว่าหลู่เฟิ่งโหลวมาพวกเขาคงไม่อาจให้คำตอบได้
นักศึกษาเก้าสิบเจ็ดคน คนอื่นๆ เก้าสิบหกคน มีแค่บางส่วนเท่านั้นที่บาดเจ็บ ไม่มีใครตายสักคน ยังไงก็อยู่ข้างนอกแค่ไม่กี่วัน
มีเพียงฟางผิงคนเดียวที่หายไป…ยากจะอธิบายให้สมเหตุสมผลจริงๆ
ตั้งแต่หลู่เฟิ่งโหรวเสียลูกสาวไป ก็กลายเป็นคนหัวรุนแรง ก่อนหน้านี้ยังสงสัยว่าพวกเขาทำร้ายลูกศิษย์เธอจนตาย
ตอนนี้มาคงไม่อาจพูดได้เต็มปากแล้ว มีแต่จะเกิดความวุ่นวายเท่านั้น
พวกเขากำลังพูดคุยกัน ก็มีทหารส่งสารเดินเข้ามารายงาน “แม่ทัพ กำลังเสริมจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มาถึงแล้ว!”
“ฉันจะออกไปต้อนรับ คณบดีหวง ราชสีห์คลั่งไปด้วยกันสิ?”
“ได้”
หวงจิ่งพยักหน้าเล็กน้อย อู๋ขุยซานมา เขามีเรื่องอยากจะพูดกับอีกฝ่ายเหมือนกัน
ปรากฏว่าทั้งสามคนเพิ่งจะเดินมาถึงปากทางเข้าถ้ำก็ได้ยินเสียงคนเอ่ยอย่างดูแคลนขึ้นมา “ทำไม ไม่รีบเดินหรือจะรอให้คนมารับนาย? ยังไม่คุ้นกับถ้ำใต้ดินอีกหรือไง? คิดจะวางท่าเป็นปรมาจารย์?”
หวงจิ่งสีหน้าดำคล้ำขึ้นมาทันที โบกมือให้ถังเฟิงเป็นนัยว่าให้เขาหลบไปก่อน
ถังเฟิงไม่พูดอะไร ทั้งไม่หลบออกไปเช่นกัน ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
หวงจิ่งถูขมับตัวเอง กระซิบกับสวี่โม่ฟู่ “อีกเดี๋ยวห้ามพูดถึงเรื่องฟางผิง”
สวี่โม่ฟู่ชะงักไปเล็กน้อย
“ลูกศิษย์ของเธอ”
“อ่อ!”
สวี่โม่ฟู่ ‘อ่อ’ ออกมา เขาเพิ่งรู้เรื่องนี้ หลายปีที่ผ่านมาเขาแทบไม่เคยออกจากถ้ำใต้ดิน
แต่ไม่นาน จู่ๆ ความน่าเกรงขามของสวี่โม่ฟู่ก็มลายหายไปทันที เบิกตากว้างว่า “ลูกศิษย์ของเธอ?”
“อืม”
“พวกนาย!”
แม้สวี่โม่ฟู่จะเผชิญหน้ากับสงครามของเมืองเทียนเหมินหลายต่อหลายครั้งก็ยังคงรักษาความสงบนิ่งไว้ได้ แต่ตอนนี้กลับตกตะลึงอ้าปากค้าง กลืนน้ำลายลงอึกใหญ่ “ทำไมไม่รีบพูดให้เร็วกว่านี้ ฉันจะได้ไปคุยกับหน่วยทหารไว้ก่อน!”
พวกนายอำฉันเล่นแล้ว?
เด็กใหม่ที่มาจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พวกนี้ พวกนายทำใครหายไม่หาย ดันมาทำลูกศิษย์ของหลู่เฟิ่งโหรวหาย!
นี่ไม่ใช่ล้อกันเล่นหรือไง?
ถึงพวกนายจะทำหายหลายคนก็ดีกว่าทำคนที่แข็งแกร่งหายไปคนเดียว!
นี่จะให้ฉันอธิบายยังไง?
หลายปีมานี้ทุกครั้งที่ลูกศิษย์ของหลู่เฟิ่งโหรวตาย แม้ปากจะไม่พูดอะไร แต่เธอจะหาเวลาลงถ้ำมาครั้งหนึ่ง ล้างแค้นก็ดี สอดแนมก็ดี ยังไงก็ไม่ยอมเชื่อใจทุกคนเท่าไหร่
อันที่จริงทุกคนรับรู้ความคิดของเธอ แต่ในถ้ำใต้ดิน มีหลายเรื่องที่ไม่อาจอธิบายได้ชัดเจนเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ก็แล้วไป…แต่ตอนนี้ นายดันทำลูกศิษย์เธอหายไปแค่คนเดียว?
ยังมีปรมาจารย์อีกหนึ่งคน ทั้งหายไปภายใต้ความดูแลของขั้นหกสูงสุด
สวี่โม่ฟู่รู้สึกว่าตัวเองต้องอัดยาสงบจิตใจสักหน่อยแล้ว!
ระหว่างที่พวกเขากระซิบกระซาบกัน ทางเดินโลหะผสมนั้นก็มีหลู่เฟิ่งโหรวก้าวเท้าออกมาเป็นคนแรก ก่อนจะมีพวกอู๋ขุยซานตามมา
เห็นหวงจิ่ง หลู่เฟิ่งโหรวพยักหน้าให้ ก่อนจะมองไปทางสวี่โม่ฟู่ “แม่ทัพสวี่ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
สวี่โม่ฟู่กระแอมไอเล็กน้อย ใบหน้าเผยรอยยิ้ม “ตอนนี้ยังประคองสถานการณ์ได้ มีแค่สงครามหน่วยสอดแนมขนาดเล็กๆ เท่านั้น”
“ถ้าเป็นฉัน จะให้ผู้บัญชาการหลี่ หัวหน้าจาง ผู้รักษาการณ์เสิ่น ผู้รักษาการณ์เฉิน…พวกเขาร่วมมือกันกำราบเมืองเทียนเหมินก่อนแล้วค่อยว่ากัน! ตอนนี้ปล่อยให้พวกเขาหยั่งเชิงโจมตีเรื่อยๆ แบบนี้จะจบเมื่อไหร่กัน? เอาแต่ขอความช่วยเหลือด่วนทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าจะจัดการพวกเขาไม่ได้สักหน่อย!”
สวี่โม่ฟู่ยิ้มขื่น อู๋ขุยซานปวดหัวเช่นกัน “รัฐบาลและหน่วยทหารมีการพิจารณาของพวกเขาอยู่แล้ว…”
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นยิ้ม “พิจารณา? มีอะไรให้พิจารณากัน? หากเป็นฉัน ต้องแสดงอำนาจเป็นอันดับแรก! กำราบหนึ่งเมืองแล้ว หรือเมืองถ้ำใต้ดินอื่นๆ ยังจะกล้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับพวกเรา? พวกเขาไม่กลัวตาย หรือพวกเรากลัวตาย? เอาแต่พิจารณา จากปากทางเข้าถ้ำสามแห่ง ตอนนี้กลายเป็นยี่สิบสองแห่งแล้ว…”
“เฟิ่งโหรว!” อู๋ขุยซานขมวดคิ้ว “เธอจะมุทะลุเกินไปแล้ว สงครามที่ปักกิ่งครั้งนั้นเธอก็รู้กระจ่างใจเหมือนกัน ผลเป็นยังไงล่ะ? ปรมาจารย์ตายไปเกือบครึ่ง พวกถ้ำฝีมือแข็งแกร่งกว่าพวกเรามาก กว่าพวกเราจะมีปรมาจารย์หนึ่งคนเป็นเรื่องยากขนาดไหน…”
“น่าขำ แม้จะตายไปไม่น้อย แต่พอสงครามนั้นสิ้นสุดลง ก็สร้างเมืองของมนุษย์แห่งแรกไว้ที่นั่นได้ ถ้ำใต้ดินของปักกิ่งถูกปกปักษ์รักษาดำรงอยู่อย่างมั่นคง จะเหมือนเซี่ยงไฮ้ได้ยังไง แค่เมืองความหวังเล็กๆ จะกลายเป็นเมืองแห่งความหวังจริงๆ ได้หรือไง?”
อู๋ขุยซานไม่พูดอีก พูดไปก็เปล่าประโยชน์ เอากว่าสิบชีวิตของปรมาจารย์แลกเปลี่ยนกับเมืองมนุษย์หนึ่งแห่ง คุ้มค่าจริงๆ หรือไง?
เดิมทีพลังการรบของมนุษย์ก็ด้อยกว่าพวกถ้ำอยู่แล้ว ตายไปมากขนาดนี้ สถานที่อื่นๆ แทบจะถูกโจมตีทั้งหมด ในสายตาของอู๋ขุยซาน เห็นได้ชัดว่าได้ไม่คุ้มเสีย
ทั้งหลังจากเหตุการณ์นั้นกลุ่มพวกหัวรุนแรงก็ลดลงไปมาก ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยปรึกษาเรื่องกำราบถ้ำใต้ดินมานับไม่ถ้วนเช่นกัน
——————-